โป๊ปฟรังซิส - พ่อแม่ต้องทำให้ความเชื่อของลูกเติบโตและเลี้ยงลูกให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนอื่น

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอนพ่อแม่ที่นำลูกมารับพิธีล้างบาป ต้องทำให้ความเชื่อของลูกเติบโตและเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนอื่นได้เห็น 

  • ทรงย้ำ ความเชื่อไม่ใช่แค่การสวดบทข้าพเจ้าเชื่อในมิสซาวันอาทิตย์ แต่มันคือการวางใจในพระเจ้าและสอนคนอื่นด้วยชีวิตของเราเอง 

  • ทรงชี้ บทเทศน์แรกของพระเยซูคือเสียงร้องไห้ของพระองค์ที่เมืองเบ็ธเลเฮม นี่คือเสียงร้องเพราะความหิว แม่พระจึงให้นมพระองค์เป็นอาหารเมื่อลูกชายหิว ดังนั้น คุณแม่ทุกคนต้องจัดหาอาหารให้ลูกของตนเวลาที่ลูกร้องด้วยความหิว 

  • ทรงเชิญทุกคนภาวนาเพื่อคนที่ต้องทนความหนาวอยู่ข้างถนน และทรงสั่งให้เปิดที่พักบริการคนเร่ร่อนในกรุงโรม ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลผู้เร่ร่อนที่ต้องเผชิญอากาศหนาวจัดด้วย



ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาฉลองพระเยซูทรงรับพิธีล้าง พร้อมทั้งโปรดศีลล้างบาปให้กับทารกจำนวน 28 คน (ทารกเพศหญิง 13 คน ทารกเพศชาย 15 คน) ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกของพนักงานวาติกัน มิสซานี้จัดขึ้นในวัดน้อยซิสติน วาติกัน

สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนแบบสดๆ โดยไม่ได้อ่านจากบทเทศน์ที่เตรียมไว้ พระองค์ตรัสสอนว่า

- ความเชื่อไม่ได้หมายถึงแค่การสวดบทข้าพเจ้าเชื่อในมิสซาวันอาทิตย์ เพราะมันมีสิ่งที่มากกว่านั้น ความเชื่อยังหมายถึงการเชื่อและวางใจพระเจ้า รวมทั้งสอนคนอื่นด้วยแบบอย่างการดำเนินชีวิต

- ความเชื่อยังเป็นความสว่างที่เติบโตในจิตใจเรา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงมอบเทียนที่จุดให้กับผู้ที่มารับศีลล้างบาปทุกคน สมัยพระศาสนจักรยุคแรกเริ่ม การทำพิธีล้างถูกเรียกว่า 'การให้ความสว่าง' (Illuminazione) เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงหนทางซึ่งความเชื่อช่วยเราให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในความสว่างที่แตกต่างกันไป สำหรับพ่อแม่ที่นำเด็กๆ มารับพิธีล้าง พวกท่านมีหน้าที่ทำให้ความเชื่อนี้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น ท่านต้องบำรุงเลี้ยงความเชื่อของลูก เพื่อที่เขาจะได้ทำตนเป็นประจักษ์พยานให้คนอื่นได้เห็น

- บทเทศน์สอนแรกของพระเยซูคือเสียงร้องของพระองค์ในคอกเลี้ยงสัตว์ที่เมืองเบ็ธเลเฮม นี่คือเสียงร้องของเด็กทารก เสียงนี้ที่เป็นบทเทศน์แรกบอกอะไรกับเรา พ่ออยากให้เราคิดตามนะ ลองคิดเวลาที่เราไปดูคอนเสิร์ตและพาลูกเล็กไปด้วย เวลาที่เพลงดังขึ้น ลูกน้อยจะเริ่มร้องและร้องดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่ หรือร้องเพราะได้ยินเด็กคนอื่นร้องไห้ก่อน ตัวเองจึงร้องบ้าง มันจึงกลายเป็นแข่งกันร้องไห้ไปเลย พระเยซูก็เช่นกัน เวลาพระองค์ทรงเป็นพระกุมารในรางหญ้า พระองค์ก็ร้องไห้แบบนี้ หนึ่งในสาเหตุก็คือทารกหิวนม ดังนั้น นี่จึงเป็นบทสอนบรรดาคุณแม่ทุกคนว่า ถ้าลูกของท่านร้องไห้เพราะหิวนม จงป้อนนมให้พวกเขาเหมือนอย่างที่แม่พระทรงให้นมพระเยซูนั่นเอง

หลังมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนทุกคนภาวนาเป็นพิเศษเพื่อคนที่ต้องทนหนาวตายอยู่ข้างถนน เนื่องจากอากาศหนาวจัดในหลายพื้นที่ของยุโรปในตอนนี้

นอกจากนี้ พระสันตะปาปายังทรงสั่งให้ พระอัครสังฆราช คอนราด ครายิวสกี้ นักสังคมสงเคราะห์ส่วนพระองค์ เปิดที่พักให้บริการแก่ผู้เร่รอนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลพวกเขาเนื่องจากสภาพอากาศในกรุงโรมหนาวจัดจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็งในหลายพื้นที่