โป๊ปฟรังซิส - การติดตามพระเยซูหมายถึงเราต้องกล้าเสี่ยงลงมือทำพันธกิจ

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การติดตามพระเยซูหมายถึงเราต้องกล้าเสี่ยงจะลงมือทำพันธกิจ เพื่อเราจะได้พบกับพระองค์ 

  • พระวรสารมีตัวอย่าง "คนกล้าเสี่ยง" ให้เห็นมากมาย อาทิ กลุ่มผู้ชายและคนอัมพาตที่หย่อนคนอัมพาตลงจากหลังคาเพือให้พระเยซูรักษา หญิงตกเลือดที่ฝ่าฝูงชนไปสัมผัสชายเสื้อพระเยซู หรือหญิงชาวคานาอันที่ขอพระเยซูรักษาลูกสาวของตน 

  • ทรงชี้ มีคนบางกลุ่มไม่กล้าเสี่ยง เอาแต่นั่งเฉยๆ และชี้นิ้วพิพากษาคนอื่นอย่างรุนแรง 

  • บ่อยครั้ง เราพบเห็นพวกนี้ได้ในกลุ่มคนแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ ซึ่งกดขี่สัตบุรุษและทำร้ายพระศาสนจักรอย่างมาก



ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูกำลังสอนประชาชนอยู่ในบ้านหลังหนึ่งและคนแน่นมากจนไม่มีที่ว่าง ชายสี่คนที่แบกคนอัมพาตมารอการรักษา จึงหย่อนคนอัมพาตลงมาจากหลังคาเพื่อให้พระเยซูรักษา พระองค์ตรัสกับเขาว่า "บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว" ทำให้พวกธรรมาจารย์ไม่พอใจและกล่าวหาพระเยซูว่าดูหมิ่นพระเจ้า

พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า

- ประชาชนประทับใจการสอนของพระเยซูเพราะสิ่งที่พระองค์สอนนั้น พวกเขาสัมผัสได้และเข้าใจ พระเยซูรักษาคนป่วยและคนที่ติดตามพระองค์ก็ได้รับการรักษา แต่มันก็มีเช่นกันเมื่อพระเยซูทรงตำหนิคนที่สนใจแต่เรื่องการกินดีอยู่ดีของตัวเองมากกว่าสนใจพระวาจาของพระเจ้า เช่นเดียวกัน มันก็บางครั้งที่ประชาชนต้องการทำให้พระเยซูเป็นกษัตริย์ พวกเขาคิดว่าพระองค์คือนักการเมืองที่สมบูรณ์แบบ แต่นี่เป็นสิ่งผิดและพระเยซูต้องการหลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ พระเยซูให้คนติดตามเพราะพระองค์รู้ว่าเราทุกคนเป็นคนบาป

- แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นไม่ได้อยู่กับคนที่ติดตามพระเยซู แต่มันอยู่กับคนที่ต้องการอยู่ที่เดิมไม่ต้องการขยับตัวไปไหน คนพวกนี้คือพวกที่ไม่ต้องการขยับตัวทำอะไร ไม่สนใจคนอื่นเลย และเอาแต่นั่งเฉยๆ จากระเบียง ชีวิตของเขาไม่ใช่การเดินทาง แต่ชีวิตเขาอยู่บนระเบียง! พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรเลย พวกเขาเป็นพวกมือสะอาดและไม่ต้องการไปขลุกกับสิ่งใด แต่การตัดสินพิพากษาที่คนเหล่านี้ทำต่อคนอื่นมันหนักหนามาก ในหัวใจของพวกเขามีคำพูดว่า 'พวกคนไม่มีความรู้เอ๋ย! พวกคนงมงายเอ๋ย!' บ่อยครั้งแค่ไหนเมื่อเราพบเห็นคนประเภทนี้ และเราก็เช่นกันที่ถูกคนที่แสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์กดขี่ข่มเหง ซึ่งคนพวกนี้ได้ทำร้ายพระศาสนจักรอย่างมาก

- สำหรับพวกที่ชีวิตไม่ขยับตัวทำอะไรเลย มันก็เหมือนกับชายที่นั่งอยู่ข้างสระน้ำมานาน 38 ปีโดยไม่ลุกไปไหน ชีวิตเขาดูสิ้นหวัง คนแบบนี้แหละคือคนที่ล้มเหลวในการติดตามพระเยซูและไม่มีความหวัง เพราะการพบกับพระเยซูหมายถึงการที่เรากล้าที่จะเสี่ยงลงมือทำอะไร

- คนที่ติดตามพระเยซูคือคนที่พร้อมจะเสี่ยงในสิ่งต่างๆ เพื่อจะได้พบกับพระองค์และสิ่งที่เขาปรารถนา เราลองมองย้อนกลับไปยังพระวรสารวันนี้ เราจะพบว่า ชายสี่คนที่หย่อยคนอัมพาตลงมาจากหลังคา รวมทั้งคนอัมพาตด้วย พวกเขาทั้งหมดคือคนที่กล้าเสี่ยง พวกเขาเสี่ยงที่จะถูกเจ้าของบ้านดำเนินคดีและนำตัวขึ้นศาลเพื่อจ่ายค่าเสียหาย พวกเขาพร้อมจะเสี่ยงเพราะต้องการจะพบพระเยซู ส่วนหญิงที่ตกเลือดก็กล้าเสี่ยงที่จะเข้าไปสัมผัสชายเสื้อของพระองค์ เธอเสี่ยงจะถูกคนอื่นถากถาง แต่เธอก็กล้าจะเสี่ยงเพราะเธอต้องการได้รับการรักษา จำเรื่องของหญิงชาวคานาอันได้ไปไหม (มธ 15:21-28) เธอกล้าเสี่ยงกว่าพวกผู้ชายด้วยซ้ำ นี่คือความจริงที่เราต้องยอมรับ

- การติดตามพระเยซูไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นเรื่องสุดวิเศษและมันก็เสี่ยงอยู่เสมอ ดังนั้น ขอให้เราถามตัวเองว่า 'เรากล้าเสี่ยงไหม หรือเราติดตามพระเยซูเพียงเพราะบทบัญญัติของความปลอดภัยในตัวเราเท่านั้น' ถ้าเป็นแบบหลัง นี่ไม่ใช่หนทางที่จะติดตามพระเยซู เพราะทางนั้นเราไม่ได้ขยับตัวทำอะไร มันเป็นแค่การชี้นิ้วตัดสินคนอื่นเท่านั้น