โป๊ปฟรังซิส - สงฆ์อย่าทำตัวเป็นเจ้าชาย ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษ ต้องทำตัวตามที่สอนคนอื่น

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ สาเหตุที่พระเยซูสอนแล้วผู้ฟังประทับใจและสัมผัสถึงอำนาจของพระองค์ มีสามอย่าง 

  • หนึ่ง พระเยซูไม่ทำตัวเหมือนสงฆ์ที่คิดว่าตนเป็นเจ้าชาย เวลาสงฆ์ที่ทำตัวเป็นเจ้าชายทำการเทศน์สอน สัตบุรุษฟัง แต่ไม่รู้สึกว่าคนเทศน์คนนี้มีอำนาจเหนือพวกเขา 

  • สอง พระเยซูอยู่ใกล้ชิดประชาชน พระองค์ไม่สะอิดสะเอียนเวลาสัมผัสคนโรคเรื้อนหรือคนป่วย ไม่ปลีกตัวจากประชาชน ตรงกันข้ามกับพวกที่จ้องหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ พวกนี้จะไม่อยู่ใกล้ชิดสัตบุรุษ รักการแต่งตัวดีๆ และทอดทิ้งคนยากไร้ 

  • สาม พระเยซูประพฤติตนตามที่เทศน์สอน ต่างจากพวกที่หวังความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ ซึ่งพูดอย่าง แต่ทำอีกอย่าง นิสัยแบบนี้คือการเสแสร้งและพระเยซูประณามอยู่บ่อยๆ 

  • จริงอยู่ที่สงฆ์ที่หวังความก้าวหน้าเทศน์สอนความจริง แต่สัตบุุรุษจะรู้สึกว่า สงฆ์คนนั้นไม่มีอำนาจใดๆ เหนือพวกเขาเลย



ช่วงเช้าวันอังคารที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูเริ่มเทศน์สอนในศาลาธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้คนฟังรู้สึกประทับใจ เพราะทรงสอนอย่างทรงอำนาจไม่เหมือนพวกธรรมาจารย์

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า

- สิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับการเทศนาของพระเยซูดูทรงอำนาจต่างจากพวกธรรมาจารย์ มีอยู่สามอย่าง สิ่งแรกคืออำนาจที่มาจากการรับใช้ พระเยซูทรงรับใช้ประชาชน พระองค์ทรงมีทัศนคติของการเป็นผู้รับใช้และสิ่งนี้แหละที่ทำให้การสอนของพระองค์ดูมีอำนาจ ในทางกลับกัน เวลาพวกธรรมาจารย์เทศน์สอน ประชาชนฟัง เคารพ แต่พวกเขาไม่รู้สึกว่าพวกธรรมจารย์มีอำนาจเหนือพวกเขา พวกธรรมาจารย์มีแต่จิตใจของความเป็นเจ้าชาย คนพวกนี้คิดเสมอว่า 'พวกเราเป็นอาจารย์ พวกเราเป็นเจ้าชาย และพวกเราสอนพวกแก เวลาพวกเราสั่ง พวกแกต้องเชื่อฟัง' แต่พระเยซูไม่เคยทำตัวเป็นเจ้าชาย พระองค์ทำตัวเป็นผู้รับใช้ของทุกคน และสิ่งนี้แหละที่ทำให้พระองค์มีอำนาจ

- สิ่งที่สองที่ทำให้พระเยซูมีอำนาจคือความใกล้ชิดกับประชาชน นี่คือความแตกต่างที่ทำให้พระองค์ต่างจากพวกฟาริสี พระเยซูไม่มีอาการสะอิดสะเอียนเวลาใกล้ชิดประชาชน เวลาสัมผัสคนโรคเรื้อนและคนป่วย พระองค์ไม่เคยสั่นด้วยความกลัว ตรงกันข้าม เวลาฟาริสีดูถูกคนจนหรือคนที่ถูกทอดทิ้ง พวกเขาชอบเดินไปยังลานกว้าง เพื่อโชว์ว่าตัวเองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดีๆ พวกเขาปลีกตัวออกจากประชาชน ไม่อยู่ใกล้ชิดพวกเขา พวกธรรมาจารย์เหล่านี้มีใจไขว่คว้าหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ พวกเขาสอนด้วยอำนาจที่หวังความก้าวหน้า สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับพระเยซู เพราะพระเยซูเลือกอยู่ใกล้ชิดกับประชาชน

- สิ่งที่สามที่ทำให้การสอนของพระเยซูมีอำนาจ ก็คือ พระองค์ดำเนินชีวิตตามที่เทศน์สอน ตรงกันข้ามกับพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย คนพวกนี้มีทัศนคติที่หวังความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ มันคือการเสแสร้ง สรุปสั้นๆ ก็คือ พูดอย่าหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง นิสัยแบบนี้พระเยซูประณามอยู่บ่อยๆ ว่าพวกเสแสร้ง มันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าคนที่คิดว่าตนเองเป็นเจ้าชายก็คือคนที่อาศัยความเป็นสงฆ์ทำให้ตัวเองก้าวหน้า คนพวกนี้เสแสร้งและไม่มีอำนาจอะไรเลย! เขาอาจจะพูดความจริง แต่เขาไม่มีอำนาจใดๆ ตรงกันข้าม พระเยซูทรงสุภาพถ่อมตน รับใช้ประชาชน ใกล้ชิดประชาชน ไม่เคยดูถูกใคร และยังทำตัวตามที่สอนคนอื่น พระองค์นี่แหละที่มีอำนาจที่แท้จริง นี่คืออำนาจที่ประชากรของพระเจ้าสัมผัสได้