โป๊ปฟรังซิส - พระสงฆ์ต้องพูดความจริง

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน พระสงฆ์ต้องพูดความจริงและยอมรับในสิ่งที่สัตบุรุษมอบให้ได้ ส่วนที่เหลือ พระเจ้าจะจัดการเอง 

  • ทรงยก "นักบุญจอห์น แบ๊พติสต์" เป็นผู้อภิบาลที่พูดแต่ความจริงอย่างทรงพลัง อาทิ ตำหนิฟาริสีว่า "เจ้างูพิษ" หรือตำหนิเฮร็อดว่า "คบชู้" 

  • ทรงกล่าวติดตลก แต่ถ้าพระสงฆ์เทศน์แบบนี้ พระสังฆราชต้องเตรียมรับจดหมายร้องเรียนจากสัตบุรุษแน่ๆ กระนั้น พระสงฆ์ต้องศรัทธาต่อความจริง 

  • ทรงชี้ พระสงฆ์ต้องเข้าใจสถานการณ์ความยากลำบากที่สัตบุรุษกำลังประสบ และต้องช่วยเขาให้เดินหน้าไปกับพระเจ้าให้ได้ 

  • ทรงย้ำ การสงสัยในพระเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด เพราะ นักบุญจอห์น แบ๊พติสต์ ซึ่งเป็นถึงคนทำพิธีล้างให้พระเยซู ก็ยังเผชิญช่วงเวลาแบบนี้เช่นกัน




ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงกล่าวถึงนักบุญจอห์น แบ๊พติสต์ ว่า "คนเก็บภาษีได้รับพิธีล้างจากจอห์นและยอมรับว่าพระเจ้าทรงเที่ยงธรรม ส่วนฟาริสีและนักกฎหมายไม่ยอมรับพิธีล้างจากจอห์น จึงต่อต้านแผนการของพระเจ้าสำหรับตน"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า

- คนมากมายไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อพบกับ จอห์น แบ๊ฟติสต์ แน่นอน พวกฟาริสีและนักกฎหมายก็ไปด้วย แต่กลุ่มหลังนี้ (ฟาริสีและนักกฎหมาย) ไปพบจอห์นพร้อมกับความเฉยชา จงใจอยู่แล้วที่จะไม่รับพิธีล้างจากจอห์น คนพวกนี้ไปเพื่อตัดสินจอห์น พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงถามประชาชนว่า 'พวกท่านไปถิ่นทุรกันดารเพื่อดูแต่งตัวสวยงามและกินอยู่อย่างฟุ่มเฟือยหรือ คนเหล่านั้นอยู่มีอยู่ในเฉพาะพระราชวังเท่านั้น หรือบางทีก็พบได้ในกลุ่มพระสังฆราช ตรงกันข้าม พวกท่านไปดูประกาศกที่เป็นมากกว่าประกาศกด้วยซ้ำ พระเยซูตรัสชัดเจนว่า 'ในกลุ่มผู้ที่เกิดจากสตรี ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าจอห์น แบ๊พติสต์ นี่แหละคือประกาศกคนสุดท้าย เพราะหลังจากจอห์น ก็เป็นพระเมสซิยาห์นั่นเอง

- ความยิ่งใหญ่ของจอห์น แบ๊พติสต์ เราพบเห็นได้จากการเทศน์สอนของเขา จอห์นเทศน์อย่างทรงพลัง เขาพูดสิ่งที่น่าเกลียดใส่พวกฟาริสี นักกฎหมาย และพวกสมณะ จอห์นไม่พูดกับคนพวกนี้ว่า 'เพื่อนรัก จงทำตัวดีๆ หน่อย' จอห์นพูดไปเลยว่า 'เจ้างูพิษ!' เพราะคนพวกนี้มาหาจอห์น เพื่อมาสอดส่องและจับผิด ไม่ได้มาด้วยการเปิดใจ นี่แหละพวกงูพิษ! การทำแบบนี้ทำให้ชีวิตของจอห์นตกอยู่ในอันตราย แต่เขายังยืนหยัดในศรัทธาต่อพระเจ้า

- จอห์นยังไปพูดต่อหน้าเฮร็อดด้วยว่า 'ท่านคบชู้และทำผิดประเวณี' จอห์นพูดต่อหน้าเลยนะ! ลองคิดดูซิว่า ถ้าพระสงฆ์เทศน์ในวันอาทิตย์ว่า 'ในหมู่พวกท่านสัตบุรุษที่รัก มีบางคนเป็นสัญชาติงูพิษ ส่วนบางคนเป็นพวกคบชู้' ถ้าพระสงฆ์พูดแบบนี้ พ่อมั่นใจว่า พระสังฆราชคงจะได้รับจดหมายที่สร้างความอึดอัดใจแน่ๆ ในจดหมายคงเขียนว่า 'ช่วยส่งต่อให้พระสงฆ์ของท่านที่กล่าวหาพวกเราด้วย' แต่สำหรับจอห์นที่กล่าวหาคนเหล่านี้ เพราะท่านศรัทธาต่อกระแสเรียกและความจริง

- แม้แต่ประชาชนทั่วไป อาทิ คนเก็บภาษี จอห์นก็เข้าใจพวกเขาเหล่านั้น คนพวกนี้รู้ว่าตัวเองเป็นคนบาปและข่มขู่ประชาชน จอห์นไม่ถามอะไรมากเมื่อเขารู้ตัวว่าเป็นคนบาป จากนั้นค่อยทำพิธีล้างให้พวกเขา นี่คือก้าวแรก ส่วนที่เหลือ พระเจ้าจะจัดการเอง นี่แหละคือผู้อภิบาลที่เข้าใจสถานการณ์ของสัตบุรุษและช่วยพวกเขาให้เดินหน้าไปกับพระเจ้า

- อย่างไรก็ตาม จอห์น แบ๊พติสต์ ก็มีความสงสัยในพระเจ้า แน่นอน ผู้ยิ่งใหญ่สามารถที่จะสงสัยได้เช่นกัน แม้จอห์นจะยิ่งใหญ่และเข้มแข็งต่อกระแสเรียก แต่เขาก็ยังมีช่วงเวลามืดมนภายในจิตใจเช่นกัน แม้ตัวเขาเองนี่แหละที่เป็นคนทำพิธีล้างให้พระเยซู แต่เขาก็สงสัยในพระองค์ เพราะพระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดซึ่งไม่ได้เป็นไปในแบบที่จอห์นคิดไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จอห์นจึงส่งศิษย์สองคนมาหาพระเยซูและถามพระองค์ว่า 'ท่านคือพระเมสซิยาห์ใช่หรือไม่' ผู้ยิ่งใหญ่สามารถที่จะสงสัยในความเชื่อ นี่คือสิ่งที่งดงาม พวกท่านเหล่านั้นมั่นคงในกระแสเรียก แต่บางครั้งพระเจ้าทำให้พวกเขาเห็นถนนอีกสายหนึ่งบนถนนที่กำลังเดิน พวกเขาจึงเกิดความสงสัย

- เอาล่ะ พ่อขอสรุปบทเทศน์ในวันนี้ พระสงฆ์ผู้อภิบาลต้องพูดความจริง และต้องยอมรับในสิ่งที่สัตบุรุษสามารถทำให้ได้ ส่วนที่เหลือ พระเจ้าจะจัดการเอง