โป๊ปฟรังซิส - สงฆ์คาทอลิกต้องทำตัวเป็นสื่อกลางความรักของพระเจ้า ไม่ใช่ทำตัวเป็นคนกลางคอยต่อรอง

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน สงฆ์คาทอลิกต้องทำตัวเป็น "สื่อกลางความรักของพระเจ้า" ไม่ใช่ทำตัวเป็น "คนกลางคอยต่อรอง" ที่มีความสุขกับการอวดอำนาจที่มี 

  • ทรงเปรียบ สงฆ์ที่ไม่ยืดหยุ่นเป็นคนที่ลืมไปแล้วว่า พ่อแม่ของตนเหนื่อยยากจากการทำงานขนาดไหน ถึงยังได้เอาภาระหนักไปวางไว้บนบ่าของสัตบุรุษอีก 

  • ทรงชี้ สงฆ์ที่ถูกความไม่ยืดหยุ่นและจิตตารมณ์ทางโลกเข้าครอบงำ เขาจะเป็นสงฆ์ที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่ทำตัวเป็นผู้อภิบาล 

  • ทรงเล่าเรื่องมงซินญอร์อาวุโสที่เห็นสงฆ์หนุ่มลองเสื้อผ้าในร้านเสื้อพระสงฆ์ยูโรเกลโร่ แบบถอยห่างจากกระจกไม่ได้ นี่คือตัวอย่างสงฆ์ที่ถูกจิตตารมณ์ทางโลกเข้าครอบงำว่าต้องดูดีเสมอ 

  • ทรงหวังเห็นสงฆ์คาทอลิกไตร่ตรอง อยากตายจากโลกนี้ไปด้วยการเป็นสงฆ์ที่ทำตัวตามคำสั่งเหมือนพนักงาน หรืออยากตายจากโลกนี้ด้วยการเป็นสงฆ์ที่เป็นสื่อกลางความรักของพระเจ้า 

  • ทรงแบ่งปัน มีคนแนะว่า วิธีดูว่าสงฆ์คนนั้นมีทัศนคติอย่างไร ให้ดูเวลาเขาเล่นกับ "เด็กเล็กๆ" ถ้าเล่นกับเด็กยิ้มกับเด็ก สงฆ์คนนั้นจะรู้จักการถ่อมตัวลงใกล้ชิดกับสิ่งเล็กๆ แต่สงฆ์ที่ทำตัวเป็นคนกลางนักต่อรอง จะทำหน้าบึ้งและเครียดเกินจริงอยู่เสมอ 



ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเปรียบคนยุคนี้เป็นเหมือนเด็กๆ ที่ไม่พอใจอะไรง่ายมาก และเปลี่ยนไปเรื่อย

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันข้อคิดว่า

- สิ่งที่พระเยซูเปรียบในพระวรสารวันนี้ก็คือบรรดาพระสงฆ์คาทอลิกที่ไม่พอใจสิ่งต่างๆ ที่เขามีอยู่ บทบาทของพระสงฆ์ไม่ใช่ทำตัวเป็น 'คนกลาง' คอยเจรจาเรื่องต่างๆ แต่พระสงฆ์คือคนที่รวมทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียว พระสงฆ์ต้องอุทิศชีวิตตนเองเพื่อส่วนรวม นี่คือราคาที่พระสงฆ์ต้องจ่าย เขาจ่ายด้วยชีวิต ความเหน็ดเหนื่อย การทำงาน และอีกหลายสิ่ง แต่การจ่ายนี้ ก็เพื่อนำผู้คนไปหาพระเยซู พระสงฆ์ต้องไม่เป็น 'คนกลาง' ในการเจรจา แต่ต้องเป็น 'สื่อกลาง' ให้กับความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ พระสงฆ์ที่ละทิ้งหน้าที่ในการเป็นสื่อกลางในการนำความรักของพระเจ้ามามอบให้มนุษย์ และหันไปเป็นคนกลางในการเจรจาเรื่องต่างๆ เขาอาจดูมีความสุขกับการได้โอ้อวดอำนาจที่มี แต่สุดท้ายแล้ว เขาจะพบกับความเศร้า เพราะไม่มีอำนาจแล้วนั่นเอง

- การที่พระสงฆ์พยายามทำตัวให้ตัวเองเป็นคนสำคัญในการต่อรอง พระสงฆ์ตัวกลางคนนั้นได้เดินเข้าสู่หนทางของความไม่ยืดหยุ่น บ่อยครั้ง เขาตัดขาดจากผู้คน พวกเขาไม่รู้หรอกว่าคนอื่นทุกข์ยากเพียงใด พวกเขาลืมสิ่งที่เรียนรู้ที่บ้านไปหมดแล้ว อาทิ พ่อแม่พี่น้องของเขาทำงานหนักแค่ไหน เขาลืมไปหมด เพราะเขาไม่ยืดหยุ่นเวลาเห็นคนทุกข์ยาก พระสงฆ์แบบนี้ยังโยนภาระหนักใส่บ่าสัตบุรุษอีก และเอาแต่พูดว่า 'แบบนี้ไม่ได้ แบบนั้นไม่ได้' รู้ไหมว่า สัตบุรุษหลายคนที่ต้องการการปลอบโยนและความเข้าใจเล็กๆ จากพระสงฆ์ ได้ถูกผลักไสไล่ส่งเพราะความไม่ยืดหยุ่นเยอะขนาดไหน

- เมื่อความไม่ยืดหยุ่นและจิตตารมณ์ทางโลกเข้าครอบงำ พระสงฆ์จะกลายเป็นเจ้าพนักงานที่ทำตามหน้าที่ เขาจะไม่ใช่ผู้อภิบาล ครั้งหนึ่ง มีมงซินญอร์อาวุโสท่านหนึ่งที่ทำงานในโรมันคูเรียมาขอพบพ่อ มงซินญอร์ท่านนี้ทำตัวธรรมดา เขาเป็นคนดีและรักพระเยซู เขาเล่าให้พ่อฟังว่า ตัวเองไปซื้อเสื้อพระสงฆ์ที่ร้านยูโรเกลโร่ (Euroclero อยู่ใกล้ๆ วาติกัน) และเห็นพระสงฆ์หนุ่ม คาดคะเนด้วยสายตา อายุประมาณ 25 ปี ถ้าไม่เป็นพระสงฆ์ก็ต้องเป็นคนที่ใกล้จะเป็นพระสงฆ์ เขาลองชุดคลุมไหล่ (Cape) อยู่หน้ากระจก จากนั้น เขาลองหยิบสร้อยเงินที่มีไม้กางเขนมาคล้องคอและหยิบหมวกพระสงฆ์มาใส่ (Saturno) เขาลองแล้วลองอีกว่าตัวเองดูดีไหม นี่คือตัวอย่างของคนที่ถูกจิตตารมณ์ทางโลกและความไม่ยืดหยุ่นครอบงำ มงซินญอร์ที่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง ท่านเป็นคนที่เปี่ยมด้วยปรีชาญาณมาก ท่านเจ็บปวดที่เห็นภาพแบบนี้ แต่พยายามเปลี่ยนเรื่องให้ดูตลก ท่านพูดว่า 'นี่แหละ ทำไมพระศาสนจักรถึงไม่อนุญาตให้สตรีเป็นสงฆ์ (เพราะอาจทำให้ลองเครื่องแต่งกายเลยเถิดกว่านี้)'

- ในการพิจารณาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเอง ลองพิจารณาดูซิว่า ทุกวันนี้เราเป็นพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าพนักงานไม่ยืดหยุ่น หรือเป็นสื่อกลางให้กับความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ มองดูตัวเองหน่อยว่า เรายังติดอยู่กับความสุขสบายหรือเปล่า หรือว่าเราใช้เวลาไปกับการรับใช้เพื่อนมนุษย์

- ครั้งหนึ่ง มีคนพูดกับพ่อว่า เขาใช้การดูว่าพระสงฆ์เล่นกับเด็กๆ หรือไม่ เพื่อดูว่าพระสงฆ์คนนี้มีทัศนคติอย่างไร ถ้าพระสงฆ์คนนั้นรู้จักวิธีเอาใจใส่เด็ก ยิ้มไปกับเด็ก และเล่นกับเด็ก นั่นหมายความว่า พระสงฆ์คนนั้นรู้จักการถ่อมตัวลงและเข้าไปใกล้ชิดกับสิ่งเล็กๆ ตรงกันข้าม พระสงฆ์ที่ทำตัวเป็นคนกลางคอยเจรจาเรื่องต่างๆ จะทำหน้าบึ้ง หน้าเครียด และหน้าเศร้าให้ดูเกินเหตุเสมอ พระสงฆ์ที่ทำตัวเป็นคนกลางคอยต่อรองจะไม่เปิดรับใคร แต่พระสงฆ์ที่เป็นสื่อกลางจะเปิดตัวเองต้อนรับทุกคน เขายิ้มเสมอ เขาอบอุ่นและใส่ใจทุกคน

- มีนักบุญ 3 องค์ที่พ่อคิดว่าเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ที่เป็นสื่อกลาง ไม่ใช่ทำตัวเป็นคนกลางคอยต่อรอง นั่นคือ นักบุญโปลีการ์ป นักบุญฟรานซิส เซเวียร์ และนักบุญเปาโล ทั้งสามท่านนี้สามารถช่วยเราพระสงฆ์ทุกคน ลองถามตัวเองซิว่า อยากตายจากโลกนี้ไปด้วยการเป็นพระสงฆ์ที่ทำตัวเป็นเจ้าพนักงานทำตามหน้าที่ หรืออยากตายไปด้วยการเป็นพระสงฆ์ที่เป็นสื่อกลางให้กับความรักของพระเจ้า