โป๊ปฟรังซิส - คนถ่อมตนและคนยากไร้คือเหยื่อของสงฆ์ที่แสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คนถ่อมตนและคนยากไร้คือเหยื่อของสงฆ์ที่แสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่ 

  • สงฆ์พวกนี้ทำตัวเป็น "ผู้รอบรู้ทางศาสนา" ซึ่งหลงตัวเองว่า การเป็นสงฆ์มันทำให้ตัวเองดูเหนือกว่าคนอื่น แต่เหนือจนอยู่ห่างไกลจากการเผยแสดงของพระเจ้าและสัตบุรุษ

  • ทรงสอน คนบาปและโสเภณีจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ก่อนบรรดาสงฆ์ที่ตกเป็นเหยื่อการล่อลวงให้แสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่ 




ช่วงเช้าวันอังคารที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเล่าเรื่องอุปมาให้พวกมหาปุโรหิตและผู้นำอาวุโสฟัง เป็นเรื่องพ่อจะส่งลูก 2 คนไปทำงานในสวนองุ่น คนแรกบอก "ไม่ไป" แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจไป ส่วนคนที่สองบอก "ไป" แต่สุดท้ายไม่ยอมไป ก่อนจะสรุปกับพวกเขาว่า "คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ก่อนท่าน เพราะจอห์น แบ๊พติสต์ มาพบท่านและชี้ทางแห่งความชอบธรรม แต่ท่านไม่เชื่อ ส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ ท่านทั้งหลายได้เห็นแล้ว แต่คงไม่เปลี่ยนใจมาเชื่อจอห์น"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า

- พระวรสารวันนี้เตือนใจบรรดาพระสงฆ์ผู้อภิบาลถึงอันตรายของการกลายเป็นคนรอบรู้ทางศาสนา แต่ศีลธรรมห่างไกลจากการเผยแสดงของพระเจ้า ส่วนคนที่ยากไร้และถ่อมตนที่มีความเชื่อในพระเจ้า พวกเขาเหล่านี้คือคนที่ตกเป็นเหยื่อของ 'พวกรอบรู้ทางศาสนา' ซึ่งก็คือ 'สงฆ์ที่ตกเป็นเหยื่อการล่อลวงให้แสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่'

- พระเยซูทรงเน้นไปที่พวกมหาปุโรหิตและผู้นำอาวุโส คนเหล่านี้มีอำนาจในการตัดสินและทางศาสนา พวกเขาตัดสินทุกอย่าง ตัวอย่างชัดเจนคืออันนาสกับคายาฟาส สองคนนี้ตัดสินพระเยซู พวกเขาคือมหาสมณะที่ตัดสินให้ฆ่าลาซารัส ส่วนยูดาสก็ไปหาสองคนนี้เพื่อเจรจาต่อรองการขายพระเยซูให้พวกเขา สองคนนี้มาถึงจุดที่ความเย่อหยิ่งและใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชน ด้วยการใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือในการลงโทษ

- สองคนนี้ (อันนาสกับคายาฟาส) หลงลืมพระบัญญัติสิบประการของที่พระเจ้ามอบให้โมเสส พวกเขายกเลิกบทบัญญัติของพระเจ้า แล้วตั้งกฏขึ้นมาเอง ในอดีต เหยื่อของคนพวกนี้คือพระเยซู ส่วนยุคปัจจุบัน บนหนทางเดียวกัน เหยื่อของคนพวกนี้คือคนสุภาพถ่อมตน คนยากไร้ที่วางใจในพระเจ้า คนที่ถูกทอดทิ้ง คนที่เข้าใจเรื่องการสำนึกผิดและกลับใจจากบาป แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้ทำตามบทบัญญัติ และคนที่ทุกข์ระทมจากความอยุติธรรม พวกเขารู้สึกว่าถูกประณามและถูกข่มเหงโดยคนที่หลงตัวเอง ทะนงตน และหยิ่งยโส

- ตัวอย่างของคนที่ตกเป็นเหยื่อของคนอย่างอันนาสกับคายาฟาสก็คือยูดาส ใช่ ยูดาสคือคนทรยศ เขาทำบาปหนัก แต่เขาทำบาปเพราะถูกบีบคั้นใช่ไหม ในพระวรสารบอกว่า 'ยูดาสสำนึกผิด และไปหาอันนาสกับคายาฟาสเพื่อเอาเงินไปคืน' แต่สองคนนี้ทำอะไร เขาตอบยูดาสว่า 'ธุระอะไรของเราล่ะ มันเรื่องของเจ้าต่างหาก' จากนั้นพวกเขาเดินหนียูดาส นี่แหละยูดาสคือคนที่ถูกคนพวกนี้ทอดทิ้ง ยูดาสคนทรยศผู้น่าสงสารได้สำนึกผิด แต่บรรดาสงฆ์ไม่ต้อนรับการกลับใจ สงฆ์เหล่านี้ลืมไปแล้วว่าการเป็นผู้อภิบาลนั้นมันเป็นกันอย่างไร คนแบบนี้คือพวกผู้รอบรู้ทางศาสนาที่มีอำนาจ และยังเป็นคนที่สอนหลักความเชื่อด้วยศีลธรรมที่ตนเองปั้นแต่งขึ้นมาเอง ไม่ใช่ด้วยการเผยแสดงของพระเจ้า

- สงฆ์ที่ทำตัวแบบนี้คือคนที่ทอดทิ้งและทุบตีคนสุภาพถ่อมตน แม้ในทุกวันนี้ มันก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในพระศาสนจักร นี่คือจิตของการแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ กล่าวคือ การเป็นสงฆ์มันทำให้ตัวเองดูเหนือกว่าคนอื่น ใช่มันเหนือว่า เหนือกว่าจนอยู่ห่างไกลจากสัตบุรุษ พวกเขาจึงไม่มีเวลารับฟังปัญหาของคนยากไร้ คนที่ตกทุกข์ได้ยาก คนที่ถูกคุมขัง และคนป่วย

- ปีศาจของการแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์คือสิ่งที่น่าเกลียดมากๆ เหยื่อของสงฆ์แบบนี้คือคนยากไร้และคนสุภาพถ่อมตนที่เฝ้ารอพระเจ้า พระบิดาทรงหาทางที่จะเข้ามาใกล้ชิดกับเรา พระองค์ทรงส่งพระบุตรลงมาหาเรา ส่วนเราเฝ้ารอ รอด้วยความชื่นชมยินดี แต่พระบุตรไม่ได้มาเล่นเกมหาความก้าวหน้าของคนพวกนี้ พระบุตรทรงต้องการไปหาคนป่วย คนยากไร้ คนที่ถูกทอดทิ้ง คนบาป และโสเภณี

- พึงระลึกไว้ว่า แม้ในทุกวันนี้ พระเยซูตรัสกับเราทุกคนว่า คนบาปและโสเภณีจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ก่อนบรรดาสงฆ์ที่ตกเป็นเหยื่อการล่อลวงให้แสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่