โป๊ปฟรังซิส - คริสตชนที่ดีจะไม่แก้ตัวไปเรื่อย ไม่พูดจาให้ร้ายคนอื่นโดยไม่ดูตัวเองแบบฟาริสี

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ อุปสรรคที่กีดกันเราจากการรับพระหรรษทานของพระเจ้า มีหลายแบบ 

  • อาทิ การหาเหตุผลมากมายเพื่อแก้ตัวไปเรื่อย คริสตชนที่ดีจะไม่แก้ตัว เพราะการกระทำของเขาคือการทำตามคำสอนของพระเจ้าอยู่แล้ว 

  • นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคเรื่องกล่าวพูดจาให้ร้ายคนอื่น แต่ไม่หัดดูตัวเองว่าก็เป็นแบบนั้น นี่คือนิสัยฟาริสี 

  • เช่นเดียวกัน ยังมีอุปสรรคเรื่องการพูดโกหก รับปากไปงั้นๆ แต่ไม่ทำตามที่พูด 

  • ทรงสอน ถ้าเรารู้ตัวว่า อุปสรรคเหล่านี้เกิดกับเรา แสดงว่า พระเจ้าทรงทำงานอยู่ในเรา ดังนั้น เราต้องเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ เพื่อจะได้กลับใจ



ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทภาวนาช่วงเริ่มพิธีประจำมิสซานี้ มีว่า "ขอพระหรรษทานของพระเจ้าช่วยเราให้เอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดจากบาปของเรา"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า

- มันมีอุปสรรคทางความเชื่อหลายแบบที่เราต้องพบเจอ หนึ่งในนั้น พ่อขอเรียกมันว่า อุปสรรคแบบเปิดเผยซึ่งเกิดจากความเชื่อที่เข้มแข็ง ตัวอย่างชัดๆ คือ 'เซาโล' (นักบุญเปาโล) ก่อนที่ท่านจะกลับใจจากการพบพระเยซู ท่านเป็นคนที่ต่อต้านพระหรรษทาน แต่หลงคิดเองว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นั้นคือการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า อุปสรรคแบบเปิดเผยเป็นเรื่องดี ถ้ามันเป็นการเปิดไปหาพระหรรษทานแห่งการกลับใจ

- อย่างไรก็ตาม มันมีอุปสรรคที่อันตรายซึ่งหลบซ่อนอยู่ แต่เราต้องตระหนักถึงข้อบกพร่องนี้และยอมให้พระเจ้าชำระเราให้บริสุทธิ์ อุปสรรคที่หลบซ่อนนี้คือสิ่งที่นักบุญสตีเฟ่นกล่าวหาพวกธรรมจารย์ซึ่งต้องการให้คนอื่นมองตนเองเป็นคนดี แน่นอน การกล่าวหาครั้งนี้ ทำให้สตีเฟ่นต้องสูญเสียชีวิตของตน สำหรับเราทุกคน เรามีอุปสรรคที่หลบซ่อนอยู่ในตัวเรา อุปสรรคเหล่านี้พยายามขัดขวางกระบวนการกลับใจของเราเสมอ เราจึงต้องยอมให้ตัวเราเองเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงแบบที่นักบุญเปาโลทำให้เห็น เพราะอุปสรรคเหล่านี้มาจากปีศาจ มันขัดขวางพระเจ้าไม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า

- พ่ออยากพูดถึงอุปสรรคที่หลบซ่อน 3 ชนิดที่เราพบเสมอ อุปสรรคหลบซ่อนชนิดแรกคือ 'คำพูดไร้น้ำหนัก พูดลอยๆ' พระเจ้าตรัสว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกพระองค์ว่าพระเจ้าแล้วจะได้เข้าสวรรค์ เหมือนอุปมาเรื่องพ่อส่งลูกชายไปทำงานในสวนองุ่น ลูกคนแรกบอกพ่อว่า 'ไม่ไป' แต่สุดท้ายก็ไป ส่วนคนอื่น บอก 'ไป' แต่สุดท้ายไม่ไป พวกที่พูดรับปาก แต่เป็นรับปากเชิงการทูต แต่สุดท้ายไม่ไปหรือไม่ทำ เรียกว่าพูดโกหก พูดลอยๆ

- อุปสรรคหลบซ่อนชนิดที่สองคือคำพูดแก้ตัว เวลาคนเราแก้ตัว เรามักจะหาเหตุผลเยอะแยะมาคัดค้านคนอื่น จำไว้ว่า การแก้ตัวไปเรื่อยไม่ใช่สิ่งที่มาจากกลิ่นหอมของพระเจ้า แต่มันมาจากกลิ่นเหม็นของปีศาจ คริสตชนไม่จำเป็นต้องแก้ตัว เพราะเขาได้รับการยืนยันความบริสุทธิ์ด้วยพระวาจาของพระเจ้าอยู่แล้ว

- อุปสรรคหลบซ่อนชนิดที่สามคือคำพูดให้ร้ายคนอื่น อุปสรรคนี้เกิดเมื่อเรากล่าวหาคนอื่นโดยไม่ดูตัวเองเลย กรณีนี้เช่นกัน เราขัดขืนพระหรรษทานของการกลับใจ เราทำตัวเป็นพวกฟาริสีที่กล่าวหาคนอื่น แต่ไม่ดูตัวเองเลยว่าตนเองก็เป็นแบบนั้น

- อุปสรรคเหล่านี้เป็นเรื่องดี ถ้าเรารู้ตัวว่ามันเกิดกับเรา ถ้าเรารู้ตัว มันแสดงว่า พระเจ้าทรงทำงานอยู่ในเรา พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้เอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ เพื่อที่เราจะได้รับพระหรรษทานจากพระองค์