โป๊ปฟรังซิส - การสงสัยความเชื่อเป็นเรื่องดี แต่ข้อแม้คือเราต้องเอาชนะความสงสัยให้ได้

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยอมรับ พระองค์ก็เหมือนคนทั่วไปที่มีความสงสัยในความเชื่อต่อพระเจ้า แต่นี่เป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้เรายืนหยัดในความเชื่อนี้ได้ลึกซึ้งมากขึ้น 

  • แต่มีข้อแม้ว่า เราต้องเอาชนะความสงสัยนี้ให้ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องฟังพระวาจาของพระเจ้าและเข้าใจในสิ่งที่พระคัมภีร์สอน 

  • ทรงสอน เราต้องไม่ทำให้ความเชื่อในพระเจ้ากลายเป็นทฤษฎีที่จับต้องไม่ได้ เพราะความเชื่อกลายเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้ ความสงสัยในพระเจ้าจะเพิ่มทวีขึ้นอีกมากทีเดียว 




ช่วงสายวันพุธที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปายังคงสอนเรื่องงานเมตตา แม้จะปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมไปแล้วก็ตาม วันนี้เป็นหัวข้อ "การสอนผู้ที่ไม่รู้(จักพระเจ้า)" และ "การชี้แนะต่อความสงสัยต่างๆ"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า

- ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมจบไปแล้ว ทุกสิ่งกลับสู่สภาวะปกติ แต่การไตร่ตรองบางอย่างยังคงมีต่อไปตามแนวทางของงานแห่งความเมตตา งานทั้งสองนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่ตัวบุคคลเป็นคนทำและองค์กรเป็นคนทำ

- การสอนผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้า งานแบบนี้ ส่วนมากได้รับการเอาใจใส่จากความพยายามขององค์กรต่างๆ ดังที่เราได้เห็นบรรดานักบุญชายหญิงทั้งหลายของพระเจ้าได้ทำผ่านยุคสมัยต่างๆ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญของโรงเรียนที่ฝึกอบรมกระแสเรียกที่ต้องใส่ใจต่อการฝึกอบรม โดยปราศจากการเมินเฉยต่อความสำคัญของการสอนนักเรียนเกี่ยวกับคุณค่าความเป็นคนและค่านิยมตามแบบคริสตศาสนา

- ส่วนการชี้แนะต่อความสงสัยต่างๆ ... พ่อคิดว่า บางคนอาจถามพ่อว่า 'พระสันตะปาปา ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อ ผมจะทำอย่างไรดี พระองค์ไม่เคยมีความสงสัยเลยหรือครับ' นี่เป็นคำถามที่ดี พ่อมีความสงสัยซิ มีเยอะด้วย! แน่นอน บางครั้งพวกเราทุกคนมีความสงสัยในความเชื่อ แต่ในแง่ดี การสงสัยในความเชื่อเป็นเครื่องหมายที่บอกว่า เราต้องการจะรู้จักพระเจ้าและรู้จักธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระองค์ให้ดีขึ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้น

- บางคนอาจถามต่ออีก 'แต่ผมมีความสงสัยแบบนี้ ผมค้นหา ศึกษา แสวงหา และถามขอคำแนะนำว่า ผมจะพบคำตอบได้อย่างไร' มันเป็นเรื่องดีนะที่เราสงสัยในความเชื่อของตน เพราะมันช่วยเราให้มีความลึกซึ้งในความเชื่อมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม เราต้องเอาชนะความสงสัย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องฟังพระวาจาของพระเจ้าและเข้าใจในสิ่งที่พระคัมภีร์ได้สอนเรา

- การเรียนคำสอนมีส่วนสำคัญและช่วยเราได้ ในเวลาเดียวกัน ความสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่แพ้กันก็คือการดำเนินชีวิตในความเชื่อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราไม่ควรทำให้ความเชื่อในพระเจ้ากลายเป็นทฤษฎีที่จับต้องไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้น ความสงสัยในความเชื่อจะเพิ่มพูนเป็นทวีคูณ ตรงกันข้าม เราควรดำเนินชีวิตอยู่ในความเชื่อ เราต้องพยายามรับใช้ผู้อื่น เฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องการความเชื่อเหลือมากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสงสัยจะหายไปเพราะเราสัมผัสถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าและสัมผัสถึงความจริงแห่งพระวรสาร