โป๊ปฟรังซิส: "ประกาศข่าวดี อย่าทำหน้าเศร้า & อย่าทำดีเพื่อหวังตำแหน่งใหญ่โตจากการเป็นสงฆ์"

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาประกาศข่าวดี อย่าทำหน้าเศร้า เพราะข่าวดีคือความชื่นชมยินดีที่มาจากใจและนี่คือเครื่องบ่งชี้ถึงพระหรรษทานและความรักที่เราได้รับ 
  • ทรงย้ำ ความเมตตาไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ แต่มันต้องเป็นสไตล์การดำเนินชีวิตของสงฆ์เยสุอิต เหมือนที่พระเจ้ามองเราด้วยความเมตตาและเลือกเราให้ติดตามพระองค์ 
  • ทรงเตือนสติ จงรับใช้ความตั้งใจดี แต่ต้องแยะแยกให้ได้ว่า อย่าทำดีเพื่อหวังความก้าวหน้าและตำแหน่งใหญ่โตจากการเป็นพระสงฆ์



ช่วงสายวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังศูนย์กลางของคณะเยสุอิต เพื่อพบปะกับผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาคณะ ครั้งที่ 36 ซึ่งได้เลือก "คุณพ่ออาร์ตูโร่ โซซ่า" เป็นมหาอธิการเจ้าคณะเยสุอิตคนใหม่ การเสด็จมาครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เพราะตามธรรมเนียม สมาชิกเยสุอิตที่ร่วมสมัชชา จะเดินไปเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา แต่ครั้งนี้ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงทำสิ่งที่กลับกัน นั่นคือทรงมาหาพวกเขาถึงที่เลยทีเดียว

ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาองค์แรกในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรคาทอลิกที่มาจากคณะเยสุอิต ตรัสกับชาวเยสุอิต มีว่า

- ขอให้เราก้าวไปด้วยกัน ก้าวไปข้างหน้าด้วยความนบนอบ ก้าวไปยังพื้นที่ชายขอบของสังคม และร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระคริสต์เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า

- การยึดมั่นในความยากจนและความนบนอบ คือการช่วยเราให้คล่องตัวและพร้อมเสมอที่จะรับใช้ สำหรับท่านนักบุญอิกญาซีโอ การอยู่บนถนนสายนี้ไม่ใช่เพียงเราเข้ามาและก้าวเดิน แต่มันยังหมายถึงการก้าวไปข้างหน้าและทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อื่น นอกจากนี้ เราต้องอย่านำตัวเองไปเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง

- เยสุอิตคือความกระตือรือร้น เพื่อที่จะรื้อฟื้นตราประทับสำหรับพันธกิจ พ่ออยากให้ทุกท่านนำ 3 สิ่งนี้ไปปฏิบัติโดยอาศัยความชื่นชมยินดี ไม้กางเขน และพระศาสนจักรผู้เป็นมารดา

- หนึ่ง จงปลอบโยนประชากรของพระเจ้า อย่าให้ศัตรูของธรรมชาติมนุษย์มาขโมยความชื่นชมยินดีในพระวรสารไปจากพวกเขา อย่าทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างคนที่อยากทำความดี จำไว้ว่า เราไม่สามารถมอบข่าวดีให้คนอื่นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เพราะความชื่นชมยินดีคือเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงพระหรรษทาน นี่คือการแสดงออกว่าความรักกำลังทำงานอยู่

- สอง จงให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าด้วยไม้กางเขน ความเมตตาไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย แต่นี่คือสไตล์การดำเนินชีวิตของเรา พระเจ้าทรงมองมาที่เราด้วยความเมตตา จากนั้น พระองค์ทรงเลือกเราและส่งเราออกไปทำพันธกิจ ความเมตตาเดียวกันนี้ พระองค์ทรงมีต่อผู้ยากไร้ที่สุด คนบาป คนที่ถูกทอดทิ้ง คนที่ถูกตรึงกางเขนอยู่ในโลกยุคนี้ซึ่งได้แก่คนที่ประสบกับความรุนแรงและความอยุติธรรม

- สาม นี่คือโอกาสให้เราก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำความดีด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความดี จงรับใช้ความตั้งใจดีและแยกแยะให้ได้ว่า การทำสิ่งไหนที่ทำให้เราเป็นคนของพระศาสนจักร ไม่ใช่ทำเพื่อแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นพระสงฆ์

Comments