โป๊ปฟรังซิส: "สิ่งแรกที่ต้องทำในการประกาศข่าวดีคือทำตัวเป็นประจักษ์พยาน สิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือการพูดมาก"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ สิ่งแรกที่ต้องทำในการประกาศข่าวดีคือการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ส่วนสิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือการพูด เพราะการกระทำสำคัญกว่าคำพูด ทรงสอน การประกาศข่าวดีไม่ได้หมายความให้เราไปเคาะประตูบ้านคนอื่นแล้วบอกว่า "พระเยซูกลับคืนชีพแล้ว" แต่มันหมายถึงเราต้องดำเนินชีวิตบนความเชื่อและสะท้อนถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา ทรงเตือน พระสงฆ์และฆราวาสอย่าอวดตัวและโอหังเวลาประกาศพระวรสาร สำคัญสุด การประกาศข่าวดีไม่ใช่การบังคับคนอื่นเปลี่ยนศาสนา เราอย่าลดคุณค่าพระวรสารให้กลายเป็นงานท่องจำที่เราไปบังคับคนอื่น




ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซาจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 1 ท่านกล่าวว่า "รางวัลสำหรับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวดี ก็คือ ความภูมิใจจากการประกาศข่าวดีโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น"

พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันให้ข้อคิดว่า

- น่าเศร้าที่คริสตชนบางคนในยุคนี้ อาทิ พระสงฆ์หรือฆราวาสบางคนดำเนินชีวิตแห่งการรับใช้ราวกับตนเป็นแค่เจ้าพนักงานที่ถูกมอบหมายให้ทำงานนั้น พระสงฆ์และฆราวาสเหล่านี้อวดตนว่า 'ผมภูมิใจกับตัวเองจริงๆ ผมไปเทศน์สอนพระวรสารและนำคนมากมายมาสู่พระศาสนจักร นิสัยแบบนี้มันโอหังเกินไป มันคือการบังคับคนอื่นเปลี่ยนศาสนามากกว่า จำไว้ว่า การประกาศข่าวดีไม่ใช่การบังคับคนอื่นเปลี่ยนศาสนา อย่าทำให้พระวรสารกลายเป็นงานท่องจำบทสวดต่างๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ไม่ใช่การประกาศข่าวดี การประกาศพระวรสารมันต้องออกมาจากใจ เหมือนที่นักบุญเปาโลกล่าวสอนในบทอ่าน เราต้องอย่าใช้สิทธิพิเศษใดๆ ด้วยในการประกาศพระวรสาร

- บางคนอาจมีคำถามว่า สไตล์การประกาศพระวรสารจะทำอย่างไร คำตอบคือจงเป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน จงก้าวออกไปและแบ่งปันการดำเนินชีวิตกับคนอื่น จงเดินร่วมทางไปกับพวกเขาบนหนทางแห่งความเชื่อ เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้เจริญเติบโตบนถนนสายนี้

- ย้อนกลับไปในงานเยาวชนโลกที่โปแลนด์ มีเยาวชนคนหนึ่งถามพ่อว่า 'ผมจะประกาศข่าวดีด้วยวิธีไหนให้กับเพื่อนที่ไม่มีศาสนา' พ่ออยากแบ่งปันคำตอบที่พูดกับเขากับพวกท่าน พ่อตอบไปว่า 'สิ่งแรกที่ต้องทำคือการลงมือปฏิบัติ ส่วนสิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือการพูด เพราะการประกาศข่าวดีคือการดำเนินชีวิตให้เป็นประจักษ์พยานให้คนอื่นเห็น จงทำให้คนอื่นเห็นว่าเราดำเนินชีวิตในพระเยซู จงดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างให้มากๆ และจงพูดให้น้อยๆ เพราะการกระทำสำคัญกว่าคำพูด'

- วันนี้ เราระลึกถึงนักบุญเปโดร กลาเบร์ (ภาษาอังกฤษ - ปีเตอร์ เคลเวอร์) สงฆ์ชาวสแปนิชของคณะเยสุอิต ท่านไปทำงานประกาศข่าวดีในทวีปแอฟริกาให้กับคนผิวดำที่ตกเป็นทาส ตอนประกาศข่าวดี ท่านไม่เคยบังคับให้คนพื้นเมืองละทิ้งความเชื่อดั้งเดิมเพื่อมานับถือพระเยซู ท่านไม่เคยบังคับขู่เข็ญพวกเขา แต่ท่านเลือกดำเนินชีวิตไปกับพวกเขา ทำอะไรก็ทำไปด้วยกัน สิ่งนี้ทำให้คนพื้นเมืองเหล่านี้รักท่านและสนใจจะมาเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู

- การประกาศข่าวดีไม่ได้หมายความว่า เราต้องไปเคาะประตูบ้านของคนอื่นแล้วบอกว่า 'พระเยซูกลับคืนชีพแล้ว' ไม่ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่มันหมายถึงการที่เราต้องดำเนินชีวิตอยู่บนความเชื่อและทำตัวให้สะท้อนถึงความเชื่อที่มีในพระเจ้า สะท้อนถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ นี่แหละคือความหมายแท้จริงของการประกาศข่าวดี

Comments