โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรต้องระวังนิสัยคิดก่อนว่าทำแล้วจะคุ้มหรือไม่ และการติดกับความสุขสบาย"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน พระศาสนจักรต้องระวังทัศนคติที่ต้องคำนวณก่อนว่าคุ้มหรือไม่ถ้าจะลงมือทำอะไรบางอย่าง รวมไปถึงทัศนคติชอบอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ไม่อยากเสี่ยงเจอความลำบาก ถ้าหากพระศาสนจักรติดกับดักทัศนคติแบบนี้ เราจะกลายเป็นพระศาสนจักรระบบเจ้าขุนมูลนายทันที ทรงย้ำ พระศาสนจักรไม่ต้องการระบบเจ้าขุนมูลนายและพนักงานที่เคร่งเครียด แต่พระศาสนจักรต้องการธรรมทูตผู้ร้อนรน ซึ่งจะนำการบรรเทาใจด้วยความเมตตาจากพระคริสต์ไปมอบให้ทุกคน ทรงชี้ ถ้าพระศาสนจักรไม่เปิดตัวเองให้พระจิต เราจะเป็นพระศาสนจักรที่เฉยชา ภายในพระศาสนจักรนี้ จะมีแต่คริสตชนผู้เย็นชาเต็มไปหมด




ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงกล่าวว่า "เรามาเพื่อจุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิ่งเพื่อให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า

- พระเยซูคริสต์ทรงต้องการนำพระจิตมาจุดไฟในจิตใจของเราและทำให้เราสามารถที่จะรักคนอื่นได้ ไฟนี้มีพละกำลังที่สร้างสรรค์ซึ่งชำระทุกสิ่งให้บริสุทธิ์และฟื้นฟูทุกอย่าง มันเผาไหม้ความทุกข์ระทมของมนุษยชาติ เผาอีโก้และบาป มันแปรเปลี่ยนเราจากภายในจิตใจให้กลับเป็นคนใหม่

- ถ้าเราเปิดตัวเองให้กับผลงานของพระจิต พระองค์จะประทานความกล้าและความร้อนรนในการประกาศพระนามพระเยซู และยังมอบการสารบรรเทาใจแห่งความเมตตาและความรอดมามอบให้เราทุกคน เราจะกล้าแล่นเรือออกไปกลางทะเลโดยปราศจากความกลัว แต่ทั้งนี้ ไฟของพระจิตจะเริ่มต้นในจิตใจของเราเสมอ

- ในการทำพันธกิจของพระเยซู พ่อขอย้ำว่า พระศาสนจักรต้องการความช่วยเหลือจากพระจิต เพื่อที่เราจะไม่ถอยหลังกลับด้วยความกลัวและคิดคำนวณว่าคุ้มหรือไม่ที่จะลงมือทำ พระศาสนจักรต้องไม่เคยชินอยู่กับการเดินอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง นอกจากนี้ พ่ออยากเตือนว่า ทัศนคติที่ต้องมาคำนวณว่าคุ้มหรือไม่กับการลงมือทำและการเคยชินกับพื้นที่ปลอดภัย จะนำพระศาสนจักรให้กลายเป็นพระศาสนจักรเชิงบริหารปกครองหรือระบบเจ้าขุนมูลนาย เพราะพระศาสนจักรที่เป็นแบบนี้คือพระศาสนจักรที่ไม่เคยลงมือเสี่ยงทำอะไรเลย

- ตรงกันข้าม พระจิตจะประทานความกล้าตามแบบอัครสาวกให้กับเรา ความกล้านี้จะเป็นเหมือนไฟที่ช่วยเราให้ฝ่าฟันกำแพงและสิ่งกีดขวางต่างๆ ความกล้าจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้า ออกเดินไปในหนทางที่เราไม่เคยไป และให้ความช่วยเหลือกับทุกคนที่เราพบ

- มันจึงสำคัญมากที่พระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสจะต้องรู้สึกถึงความเห็นอกเห็นใจและก้าวออกไปหาพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก มีตัวอย่างมากมายของพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสที่ประกาศพระวรสารด้วยความรักอันยิ่งใหญ่และศรัทธา บางครั้ง ต้องยอมสละชีวิต แต่พวกเขาก็ยอม นี่คือตัวอย่างการเป็นประจักษ์พยานซึ่งย้ำเตือนว่า พระศาสนจักรไม่ต้องการระบบเจ้าขุนมูลนายและพนักงานที่เคร่งเครียด แต่พระศาสนจักรต้องการธรรมทูตผู้ร้อนรนที่จะนำถ้อยคำแห่งการปลอยโยนของพระคริสต์ไปมอบให้ประชากรทุกคน

- นี่คือไฟของพระจิต ถ้าพระศาสนจักรไม่ได้รับไฟนี้และไม่ยอมให้ไฟนี้เข้าไปสู่จิตใจของเรา พระศาสนจักรจะกลายเป็นพระศาสนจักรที่เฉยชา ไร้ความสามารถในการมอบชีวิตให้คนอื่น เพราะภายในพระศาสนจักรนี้ มีแต่คริสตชนผู้เย็นชาเต็มไปหมด

- วันนี้ พระศาสนจักรระลึกถึง นักบุญมักซีมีเลี่ยน โกลเบ มรณสักขีแห่งความรักความเมตตา ซึ่งยอมตายแทนนักโทษอีกคนในค่ายเอ้าส์ชวิตช์ พ่อจึงขอให้ทุกคนดูแบบอย่างความรักจากท่านนักบุญ เพราะนี่คือผู้ที่ยอมให้ไฟของพระจิตเข้าไปในตัว เพื่อจะได้รักเพื่อนมนุษย์ทุกคน

Comments