โป๊ปฟรังซิส: "อย่าเอาชนะความเกลียดชังด้วยความเกลียดชังที่รุนแรงกว่า"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอนเยาวชน อย่าเอาชนะความเกลียดชังด้วยความเกลียดชังที่รุนแรงกว่า อย่าเอาชนะความรุนแรงด้วยความรุนแรงขั้นกว่า สิ่งเดียวที่เราจะสนองตอบสงครามคือการสร้างสะพานและความเป็นพี่น้องกันให้เกิดในสังคม ทรงชี้ บางคนคิดว่าสถานการณ์ในซีเรียห่างไกลจากชีวิตเรามาก เพราะเราเห็นผลของสงครามนี้จากหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ มันไม่ได้เกิดกับชีวิตเราจริงๆ เราจึงตายด้านไม่รู้สึกอะไร ทรงเตือน สิ่งร้ายแรงกว่าความเฉยชาคือการนั่งอยู่ในมุมสบายและไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น สิ่งนี้เหมือนเราเล่นวิดีโอเกมส์และไม่สนใจคนมาเรียกให้ไปทำสิ่งต่างๆ เลย 









ช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานการภาวนาคืนตื่นเฝ้าในงานเยาวชนโลก ณ แคมปัส มิเซริคอร์ดิเอ เมืองคราครูฟ ประเทศโปแลนด์ ท่ามกลางเยาวชนที่มาร่วมภาวนากว่า 2 ล้านคน

พิธีนี้ เริ่มต้นด้วยพระสันตะปาปาทรงเดินจาริกผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับเยาวชนผู้แทนจาก 5 ทวีป จากนั้น เป็นการเริ่มพิธีด้วยการรับฟังการแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อจากผู้แทนเยาวชน 3 คน หนึ่งในนั้นมีเยาวชนวัย 26 ปีจากซีเรียด้วย เมื่อฟังทั้ง 3 คนจบแล้ว พระสันตะปาปาจึงเริ่มตรัสสอนเยาวชน ใจความว่า

- การแบ่งปันจาก แรนด์ เยาวชนชาวซีเรีย เมื่อครู่นี้ถือว่าทรงพลังมากๆ พวกเรามาจากสถานที่แตกต่างกันไปบนโลก ต่างภาษาและวัฒนธรรม บางคนในพวกเรามาจากประเทศที่กำลังมีความขัดแย้งและสงคราม ส่วนที่เหลืออาจมาจากประเทศที่มีสันติและปราศจากสงคราม ทุกวันนี้ สงครามในซีเรียทำให้เกิดความเจ็บปวดและทุกข์ระทมให้กับคนจำนวนมาก อาทิ แรนด์ เพื่อนที่แสนดีของเราคนนี้ เธอมาที่นี่เพื่อขอให้เราทุกคนช่วยกันสวดภาวนาเพื่อประเทศของเธอ

- สถานการณ์ในซีเรียที่เราได้เห็นกัน ก็คือ มีคนเป็นล้านๆ ต้องหนีตายออกมา ทำนองเดียวกัน มันก็เป็นสิ่งที่ห่างไกลมากจากโลกความเป็นจริงของเราบางคน มันห่างไกลมากจนกว่าเราจะได้สัมผัสกับเรื่องนี้ พวกเราไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้เพราะเราแค่เห็นสงครามซีเรียจากจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อมันเกิดกับชีวิตเราจริงๆ ล่ะ เกิดกับชีวิตจริง ไม่ได้อยู่บนหน้าจอ เราจะรู้สึกทันที ดังนั้น พ่ออยากเชิญชวนเราทุกคนภาวนาให้กับเหยื่อของสงครามทุกคน

- ตอนนี้ มันไม่มีเวลาแล้วที่จะมาประณามใครสักคนหรือประณามการต่อสู้กัน พวกเราไม่ต้องการจะเสียน้ำตาอีกต่อไป พวกเราไม่ต้องการเอาชนะความเกลียดชังด้วยความเกลียดชังที่รุนแรงกว่านั้น  พวกเราไม่ต้องการเอาชนะความรุนแรงด้วยความรุนแรง พวกเราไม่ต้องการเอาชนะการก่อการร้ายด้วยการก่อการร้าย สิ่งเดียวที่เราจะตอบสนองสงครามก็คือความเป็นพี่น้องกัน ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และการเป็นครอบครัวเดียวกัน ขอให้คำพูดที่ดีที่สุดของเราอยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในคำภาวนา ขอให้เราทุกคนเงียบสักครู่และภาวนาเพื่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยนะ

- พ่ออยากให้ทุกคนภาวนาเพื่อคนที่รู้ว่า การต้องลี้ภัยจากบ้านในครั้งนี้อาจหมายถึงการไม่ได้กลับมาเจอสิ่งที่เรารักอีกเลย และยังอยากให้เราภาวนาให้กับคนที่รู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าและไม่มีคนรัก ความกลัวจะนำเราไปสู่ทัศนคติปิดตายและมันจะทำให้เราตายด้าน ความรู้สึกด้านชาหรืออัมพาต เรารู้จักกันใช่ไหม ลองจินตนาการดูนะ ถ้าสังคมของเราเป็นแบบนี้ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร

- ยังมีอีกรูปแบบของความเฉยชาและพ่ออยากบอกว่ามันอันตรายกว่าด้วย นั่นคือ ความเฉยชาเมื่อเราสับสนกับความสุขที่อยู่บนเก้าอี้โซฟา สิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าตนเองปลอดภัยและสุขสบาย เก้าอี้โซฟาที่ทำให้เราสบายซึ่งจะช่วยเราให้หนีเข้าไปสู่โลกของวิดีโอเกมส์ เก้าอี้แห่งความสุขสบายนี้บางทีเป็นรูปแบบที่ให้โทษมากสุดของโรคเฉยชาเลยก็ได้ เพราะมันทำให้เราเซื่องซึมหรือหลับไป ขณะที่คนอื่นๆ กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเรา แต่เราคิดว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขตรงนี้

- แน่นอนว่า สำหรับหลายคน มันดีและง่ายกว่าที่จะเซื่องซึมและสับสนกับความสุขอยู่บนเก้าอี้โซฟา แต่เยาวชนที่รัก พวกเราไม่ได้มางานเยาวชนโลกเพื่อทำตัวเฉยชาแบบนี้นะ มันน่าเศร้ามากที่เห็นหลายคนทำตัวแบบนี้

- พระเยซูทรงเป็นอาจารย์แห่งความเสี่ยง พระองค์ไม่ใช่อาจารย์แห่งความสบาย การติดตามพระเยซูเรียกร้องความกล้าหาญและความพร้อมที่จะลุกจากโซฟาตัวนี้ แล้วใส่รองเท้าเพื่อก้าวไปบนหนทางที่ไม่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ พระเจ้ายังสอนเราให้ติดตามพระองค์ไปพบกับผู้อดอยาก ผู้ป่วย ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ลี้ภัย ผู้ถูกจองจำ และผู้ถูกทอดทิ้ง พระเจ้ายังสนับสนุนให้เราเป็นนักการเมือง นักคิด และนักเคลื่อนไหวทางสังคม พระองค์ขอร้องเราให้สร้างระบบเศรษฐกิจด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

- พระเจ้าต้องการบางสิ่งจากตัวลูก พระเจ้าทรงหวังในตัวลูก พระเจ้าทรงทำลายกำแพงขวางระหว่างเรา พระองค์มาเพื่อเปิดประตูชีวิตของเรา พระเจ้าต้องการให้มือของเราเป็นเครื่องมือของการคืนดีกันและสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน พระองค์ต้องการให้มือของเราสร้างโลกให้ดียิ่งขึ้น

- ปัญหาและบาปไม่ใช่ปัญหา เพราะพระเจ้าทรงเรียกเรา พระองค์ไม่กังวลกับสิ่งที่เราเป็น ชีวิตทุกวันนี้ บอกเราว่า มันง่ายเหลือเกินที่จะสนใจกับสิ่งที่แยกเราออกจากกัน ดังนั้น เรามีความกล้าหรือเปล่าที่จะสร้างสะพานมากกว่าสร้างกำแพง ว่าแต่ลูกรู้ไหมว่าจะสร้างสะพานได้อย่างไร สะพานแรกเลยที่ลูกจะสร้างก็คือจับมือกันและกัน เอาล่ะ ลองจับมือคนข้างๆ ดูนะ นี่แหละสะพานแรกที่เราแต่ละคนสร้างได้ นี่คือสะพานแห่งความเป็นพี่น้องกัน ขอให้สะพานมนุษย์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ ด้วย

Comments