โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ต้องระวังการประจญจากกับดักโลกดิจิทัลและโฆษณาสินค้าเชิงพาณิชย์"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน สงฆ์ต้องระวังการประจญล่อลวงที่สกัดกั้นเราในการช่วยเหลือฝูงแกะของพระเจ้า อาทิ กับดักโลกดิจิทัลที่ทำง่ายๆ แค่เปิดและปิดด้วยการกดคลิก หรือจะเป็นกับดักจากโฆษณาสินค้าอำนวยความสะดวกที่ทำให้เราไม่สามารถถอนตัวออกมา และก้าวไปข้างหน้าอย่างอิสระเพื่อก้าวไปหาฝูงแกะของพระเจ้า ทรงสอน ซีมอนเปโตรยอมรับอย่างจริงใจว่าตนเป็นคนบาป ส่วนหญิงคนบาปก็ร่ำไห้เช็ดเท้าพระเยซูด้วยการสำนึกผิดจริงๆ แต่เราหลายคน เวลาทำผิดก็สำนึกผิดด้วยการเดินก้มหน้าทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ แต่พอมีคนมาช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรี เรากลับใช้โอกาสนี้ปกปิดความผิดตนเอง และเดินโชว์ออฟให้คนอื่นเห็น เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ตนเองแทน การทำแบบนี้เป็นเรื่องผิด เพราะฟื้นฟูศักดิ์ศรีของตน ต้องเริ่มจากการถ่อมตัวลงต่างหาก








ช่วงสายวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นมิสซารื้อฟื้นคำมั่นสัญญาของการเป็นสงฆ์ ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน

มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนใจความว่า

- พระสงฆ์เป็นประจักษ์พยานถึงความเมตตาของพระบิดา นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้อภิบาลที่เปี่ยมล้นอย่างมากถึงความเมตตาของพระบิดาด้วยเช่นกัน กล่าวคือ พวกเรามีหน้าที่ปลอบโยนและทำให้ความเมตตานี้เป็นที่สัมผัสได้เหมือนอย่างที่พระเยซูทรงทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง

- โอกาสวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พ่ออยากเน้นย้ำพวกท่านสองเรื่องในประเด็นเกี่ยวกับความเมตตาอันล้นเหลือของพระเจ้า นั่นคือ การพบหน้ากันและการให้อภัย

- เรื่องแรก เราได้เห็นพระเจ้าแสดงความเมตตาออกมาอย่างล้นพ้นเมื่อมีการพบหน้ากัน พระเจ้าทรงมอบพระองค์เองอย่างสมบูรณ์แบบในทุกหนทางของการพบหน้าและมันนำไปสู่ความชื่นชมยินดี ดังที่เราเห็นได้จากเรื่องบิดาผู้ใจ้ดีกับลูกล้างผลาญ นี่คือความชื่นชมยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ของบิดา เมื่อได้เห็นลูกของตนกลับมา

- ความเมตตาฟื้นฟูทุกสิ่ง ความเมตตาฟื้นฟูศักดิ์ศรีของเราแต่ละคน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบิดาถึงสั่งให้ผู้รับใช้นำลูกของตนไปสวมเสื้อที่ดีที่สุดแล้วออกมางานเลี้ยงที่จัดอย่างดีที่สุด ดังนั้น มันเป็นการดีที่เราควรถามตัวเองว่า หลังจากไปรับศีลอภัยบาปแล้ว เราชื่นชมยินดีหรือเปล่าที่ได้คืนดีกับพระเจ้า หรือเวลาเราไปฟังผลกับหมอ แล้วพบว่ามันไม่มีอะไรร้ายแรง เรายินดีไหม หรือเมื่อเราทำบุญให้ผู้ยากไร้ เรายิ้มยินดีไหมเมื่อได้ทำ หรือว่าเรายังคงรู้สึกหงุดหงิดกับเงินที่บริจาคไป

- เรื่องที่สอง การให้อภัย พระเจ้าไม่ได้ให้อภัยเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังช่วยเราให้ได้รับศักดิ์ศรีในตัวเรากลับมาด้วย พระเจ้าทรงให้อภัยหญิงคนบาปที่มาเช็ดเท้าของพระองค์พร้อมกับน้ำตา ส่วนซีมอนเปโตรก็สารภาพว่าตนเป็นคนบาปและขอร้องให้พระเยซูไปจากเขา แต่พระองค์ทรงยกเขาขึ้นและแต่งตั้งเป็นชาวประมงจับมนุษย์

- อย่างไรก็ตาม พวกเราเองนี่แหละที่พยายามจะแยกทัศนคติสำนึกผิดและให้อภัยออกจากกัน กล่าวคือ เมื่อเรารู้สึกผิดและอับอายกับบาปของตน เราพยายามหลบๆ ซ่อนๆ และเดินก้มหน้าเหมือนที่อดัมและเอวาได้ทำ และเมื่อเราได้รับการฟื้นฟูศักดิ์ศรีของตน เรากลับพยายามปกปิดบาปของตน และพยายามโชว์ออฟให้คนอื่นเห็น เพื่อสร้างความพอใจให้กับตนเอง นี่เป็นเรื่องผิด เพราะการรื้อฟื้นศักดิ์ศรีนี้ เราต้องถ่อมตนลงต่างหาก

- ในฐานะพระสงฆ์ พวกเราก็เป็นเหมือนคนที่ถูกกีดกัน และก็เป็นเหมือนคนที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอด พวกเราเตือนตัวเองว่า ยังมีคนอีกมากที่ยากไร้, ไม่ได้รับการศึกษา และเป็นผู้ต้องขัง พวกเขาพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพราะคนอื่นกดขี่ข่มเหงเขา

- แต่เราก็ต้องเตือนตัวเองด้วยเช่นกันว่า เราแต่ละคนต้องรู้ถึงสิ่งที่ทำให้เราตาบอดและขาดความเชื่อ ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่มีพระวรสารอยู่ใกล้ไม้ใกล้มือนะ แต่มันเป็นเพราะเทวศาสตร์อันซับซ้อนมากเกินไปต่างหากที่ทำให้เราเป็นแบบนี้

- พวกเราสัมผัสได้ว่าตัวเองติดกับดักเหล่านี้ กับดักที่เกี่ยวกับดิจิทัลและกับดักที่เกิดจากจิตตารมณ์ทางโลกซึ่งเปิดและปิดด้วยการคลิกง่ายๆ พวกเราถูกกดขี่ข่มเหง แต่ไม่ใช่ด้วยภัยคุกคามหรือแรงบีบคั้นแบบที่ผู้ยากไร้ประสบพบเจอ แต่เราถูกกดขี่ข่มเหงด้วยโฆษณาเชิงพาณิชย์ที่ทำให้เราไม่สามารถถอนตัวออกมาและก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างอิสระ ก้าวไปบนหนทางที่จะนำเราไปรักเพื่อนพี่น้องชายหญิง ก้าวไปหาฝูงแกะของพระเจ้าที่รอคอยเสียงของนายชุมพาบาล

ประมวลภาพ: มิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์

Comments