Must Read! บทสัมภาษณ์โป๊ปฟรังซิสบนเที่ยวบินกลับจากเม็กซิโกไปอิตาลี

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระสังฆราชที่สั่งย้ายสงฆ์ที่ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศไปหลบในที่ไกลๆ ถือเป็นคนไร้ความรับผิดชอบและควรจะลาออกจากหน้าที่ด้วย ทรงตอบกลับ "โดนัลด์ ทรัมพ์" คนที่บอกให้สร้างกำแพงกั้นผู้อพยพต่างหากที่ไม่ใช่คริสตชน พร้อมขอบคุณที่ ทรัมพ์ กล่าวหาว่าพระสันตะปาปาเป็นนักการเมือง เพราะในความเป็นจริง มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตทางการเมืองตามที่ อริสโตเติ้ล กล่าวอยู่แล้ว ทรงชี้ การคุมกำเนิดเพื่อป้องกันไวรัสซิก้า เป็นเรื่องยอมรับได้ เพราะสถานการณ์นี้เลวร้ายมาก แต่มันต้องไม่ใช่การทำแท้ง เพราะนั่นคือบาปฆ่าคน พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ก็เคยอนุญาตให้ซิสเตอร์ในแอฟริกาใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดได้ในกรณีที่ถูกข่มขืน ทรงยืนยัน ความสัมพันธ์แบบมิตรภาพแน่นแฟ้นระหว่าง สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 กับ อันนา เทเรซา ติเมียนเนียซก้า สตรีนักปรัชญา ไม่ใช่บาป เพราะมิตรภาพแน่นแฟ้นนี้เป็นแบบเพื่อน ไม่ใช่แบบภรรยา ทรงถาม ผู้ชายที่ไม่รู้จักสร้างมิตรภาพกับผู้หญิง ต้องเป็นคนผิดปกติในชีวิตแน่ๆ ทรงย้ำ ประเทศที่อยากไปมากที่สุดคือ "ประเทศจีน" 





สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทานการสัมภาษณ์นาน 45 นาทีแก่บรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จเยือนเม็กซิโก บนเที่ยวบินกลับจากเมืองฮัวเรซ ประเทศเม็กซิโก ไปยังสนามบินชัมปีโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยประเด็นสำคัญๆ มีดังนี้

1) นักข่าวถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในเม็กซิโก กรณีดังสุดคือคุณพ่อมาร์เซียล มาเซียล ผู้ก่อตั้งคณะทหารของพระคริสตเจ้า (Legionaries of Christ) ที่ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้ง เมื่อพระสงฆ์ก่อคดีแบบนี้ พระสังฆราชมักแก้ปัญหาด้วยการจับสงฆ์ผู้ก่อคดีย้ายไปอยู่ในที่ห่างไกล พระองค์ทรงคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้

พระสันตะปาปา ตอบว่า "อันดับแรก ถ้าพระสังฆราชจับพระสงฆ์ที่ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ ย้ายไปยังวัดอื่นๆ พระสังฆราชคนนั้นเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ และควรจะลาออก ... พ่ออยากจะเน้นย้ำว่า สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงทำงานเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างหนักมากๆ เช่นเดียวกัน พ่อก็พยายามแก้ปัญหานี้กับคณะพระคาร์ดินัลที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรีย, สมณกระทรวงหลักความเชื่อ และสมณกรรมาธิการเพื่อปกป้องผู้เยาว์ การล่วงละเมิดทางเพศคือความโหดร้าย เพราะพระสงฆ์คือผู้อุทิศตนให้พระเจ้า เพื่อที่จะนำเด็กๆ เข้าไปใกล้ชิดพระองค์ แต่พวกเขากลับกินเด็กเสียเอง (eats up the child)"

2) นักข่าวถามพระสันตะปาปาว่าคิดอย่างไร ในประเด็นที่ "โดนัลด์ ทรัมพ์" ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "พระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นนักการเมืองมากๆ ในเรื่องนโยบายผู้อพยพของเม็กซิโก" ถ้าเป็นตนเอง ทรัมพ์จะสร้างกำแพงยาว 2,500 กิโลเมตรขวางชายแดนอเมริกากับเม็กซิโก และจะส่งชาวเม็กซิกัน 11 ล้านคนที่เข้ามายังอเมริกาแบบผิดกฏหมายกลับไปให้หมด 

พระสันตะปาปา ตอบว่า "ขอบคุณพระเจ้าที่เขาหาว่า พ่อเป็นนักการเมือง เพราะอริสโตเติ้ลนิยามมนุษย์ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตทางการเมือง (Political Animal) อย่างน้อย พ่อก็ยังเป็นคน พ่อปล่อยให้พวกท่านตัดสินแล้วกัน ส่วนเรื่องที่คิดจะสร้างกำแพง ไม่สร้างสะพาน เขาคนนั้นก็ไม่ใช่คริสตชน สิ่งนี้ (การสร้างกำแพง) ไม่ได้อยู่ในพระวรสาร พ่อไม่ขอยุ่งเกี่ยวว่า คาทอลิกควรจะลงคะแนนเสียง (ให้ทรัมพ์) หรือไม่ พ่อพูดได้แค่ว่า ถ้าเขาพูดแบบนั้นออกมา ชายคนนี้ก็ไม่ใช่คริสตชน"

3) นักข่าวถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับการที่พระองค์พบกับ "พระอัยกาคีริล" ผู้นำออโธด็อกซ์แห่งรัสเซีย ได้ทำให้คริสตชนจารีตกรีกคาทอลิกที่อยู่ในยูเครนรู้สึกผิดหวัง เพราะรัสเซียกำลังมีประเด็นขัดแย้งกับยูเครน พระสันตะปาปาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้

พระสันตะปาปา ตอบว่า "พ่อเข้าใจความกลัวของคริสตชนจารีตกรีกคาทอลิก แต่มันสำคัญกว่านั้นถ้าจะแสดงความเห็นอยู่บนบริบทของการพบกัน (เป็นเรื่องคริสตศาสนสัมพันธ์ ไม่ใช่การเมือง)"

4) นักข่าวถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับ "ไวรัสซิก้า" ซึ่งกลุ่มเสี่ยงสุดคือ "สตรีตั้งครรภ์" เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้มีอำนาจในหลายประเทศได้เสนอให้การทำแท้งและการคุมกำเนิดเพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์(และติดไวรัสซิก้า) พระศาสนจักรมองประเด็นนี้ว่ากรณีนี้เป็นการทำผิดที่น้อยลงหรือเปล่า

พระสันตะปาปา ตอบว่า "การทำแท้งเป็นอาชญากรรม มันคือการฆ่าคนเพื่อรักษาบางอย่างไว้ มันไม่มีวันได้รับการยอมรับว่าเป็นหนทางช่วยให้ทำผิดน้อยลง ส่วนการคุมกำเนิด (เพื่อหลีกเลี่ยงไวรัสซิก้า) สามารถยอมรับได้ในสถานการณ์อันยากลำบากแบบนี้ ครั้งหนึ่งในทวีปแอฟริกา สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เคยอนุญาตให้บรรดาซิสเตอร์ใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดได้ในกรณีที่ถูกข่มขืน ดังนั้น ขอให้เราอย่าสับสนระหว่างการหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์กับการทำแท้ง" (Using contraceptives to avoid pregnancy can be acceptable in difficult situations, noting that Pope Paul VI authorized nuns in Africa to do the same half a century ago when they were threatened with rape)

5) นักข่าวถามพระสันตะปาปาว่า "ทำไมพระศาสนจักรที่มีเมตตา สามารถอภัยโทษบาปให้กับฆาตกรได้ง่ายดายกว่าคู่สมรสที่หย่าร้างแล้วไปแต่งงานใหม่"

พระสันตะปาปา ตอบว่า "คำถามนี้ดีมาก พ่อชอบคำถามนี้นะ เดี๋ยวจะมีเอกสารหลังจากประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกเรื่องครอบครัว เผยแพร่ออกมาหลังปาสกา ขอให้พวกท่านรอติดตามจากเอกสารนี้ มันจะอธิบายเชิงลึกเลยล่ะ ทุกวันนี้ มีคู่ชายหญิงจำนวนมากที่ถูกกดดันให้เร่งแต่งงานเพราะท้องก่อนแต่ง สมัยที่พ่อยังเป็นพระสังฆราชที่บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา พ่อสั่งบรรดาพระสงฆ์เลยว่า อย่าทำพิธีแต่งงานให้กับกรณีเหล่านี้เด็ดขาด จนกว่าคู่บ่าวสาวจะพร้อมอุทิศตนใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต ส่วนคนที่หย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ต้องได้รับการรวบรวมกลับมาสู่ชีวิตพระศาสนจักร มันดูเหมือนหนทางอีกยาวไกล แต่ประตูยังเปิดกว้างเสมอ"

6) นักข่าวถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับข่าวที่ "บีบีซี" นำเสนอสารคดี สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีเพื่อนสนิทแบบสุดๆ เป็นนักปรัชญาสตรีอเมริกันเชื้อสายโปล นามว่า อันนา เทเรซา ติเมียนเนียซก้า ผมอยากทราบว่า พระสันตะปาปาจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสตรีได้ไหม

พระสันตะปาปา ตอบว่า "พ่อทราบเรื่องมิตรภาพระหว่างนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 กับนักปรัชญาคนนี้ ตั้งแต่สมัยพ่อยังอยู่ที่บัวโนสไอเรส พ่ออยากบอกว่า ผู้ชายที่ไม่รู้ว่าจะสร้างมิตรภาพกับผู้หญิงอย่างไร จัดเป็นผู้ชายที่มีบางสิ่งผิดปกติในชีวิตแล้วล่ะ มิตรภาพกับสตรีไม่ได้เป็นบาป มันคือมิตรภาพ แต่การมีมิตรภาพโรแมนติกกับสตรีที่ไม่ใช่ภรรยาของตนต่างหากที่เป็นบาป พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีมิตรภาพที่ศักดิ์สิทธิ์กับสตรีคนนี้ นักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบุญคลารา ก็มีมิตรภาพต่อกัน ดังนั้น อย่าตกใจไป

7) ประเทศไหนที่พระองค์อยากไปมากที่สุด

พระสันตะปาปา ตอบว่า "พ่อบอกได้เลยว่า จีน! พ่ออยากไปเยือนที่นั่นมากๆ นอกจากนี้ พ่อยังหวังจะได้ไปพบ อิหม่ามแห่งอัล-อาซาร์ (อาเหม็ด เอล ตาเย็บ) อีกด้วย"

สุดท้าย พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนทุกคนปรบมือขอบคุณ "อัลแบร์โต้ กาสบาร์รี่" หัวหน้าออร์แกไนเซอร์ประจำสันตะสำนัก (คนจัดทริปเวลาพระสันตะปาปาเยือนที่ต่างๆ) เพราะหลังจากจบทริปเม็กซิโกนี้ เขาจะขอเกษียณอายุงานแล้ว

Full Text: Vatican


Comments