บทสัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบินขากลับจากแอฟริกา

1) สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงตั้งคำถาม จำเป็นด้วยหรือที่ผู้นำศาสนาต้องชักจูงศาสนิกชนของตนให้เป็นพวกหัวรุนแรง

2)ทรงชี้ การคลั่งศาสนาแบบหัวรุนแรงมีอยู่ในทุกศาสนา คาทอลิกก็มีเช่นกัน เช่นพวกที่คิดว่าตัวเองยึดมั่นความจริงเที่ยงแท้ และทำให้คนอื่นมัวหมองด้วยการให้ร้ายและทำลายชื่อเสียงของเขา

3) ทรงยอมรับ การใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคเอดส์ ทำให้พระศาสนจักรเจอภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันเหมือนกับการที่ฟาริสีถามพระเยซูว่า "ถูกต้องหรือไม่ที่จะรักษาคนป่วยในวันสับบาโต"

4) ทรงประณาม สงครามกลายเป็นอุตสาหกรรมไปแล้ว พร้อมถาม ผู้ก่อการร้ายผลิตอาวุธเองได้หรือ ใครให้อาวุธกับพวกก่อการร้าย พออาวุธมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ผลิตก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น

5) ทรงยอมรับ เป็นความผิดพลาดที่แต่งตั้ง มองซินญอร์ ลูโช่ บัลเลโฆ่ บัลดา และ ดร.ฟรานเชสก้า ชาอูกี้ เป็นทีมงานคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารจัดการโครงสร้างสันตะสำนัก จนนำไปสู่การขโมยเอกสารสำคัญของวาติกัน

6) ทรงย้ำ สื่อมวลชนที่เป็นมืออาชีพตัวจริง ต้องรายงานความจริงให้ครบ อย่ารายงานครึ่งเดียว เจอเรื่องโกงต้องรายงานและพูดไปตามจริง แต่ถ้ารายงานผิด ต้องกล้าออกมาขอโทษ








สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทานการสัมภาษณ์แก่บรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จไปทำข่าวการเยือนทวีปแอฟริกา ระหว่างเที่ยวบินกลับจากกรุงบังกี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง มายังกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยใจความสำคัญของบทสัมภาษณ์มีดังต่อไปนี้

นักข่าว: ตอนไปเยือนชุมชนแออัดที่เคนยา พระองค์ได้ฟังเรื่องราวที่พวกเขาถูกกีดกันจากสิทธิขั้นพื้นฐาน อาทิ ไม่มีน้ำสะอาดดื่ม พระองค์รู้สึกอย่างไรบ้างกับความอยุติธรรมแบบนี้ที่ผู้คนในแอฟริกาต้องประสบ

พระสันตะปาปา: พ่อรู้สึกเจ็บปวด เมื่อวานนี้ พ่อไปเยี่ยมโรงพยาลเด็กในกรุงบังกี้ (สาธารณรัฐแอฟริกากลาง) นี่คือโรงพยาลเด็กแห่งเดียวของประเทศนี้! พ่อไปดูห้องไอซียู พบว่า มันไม่มีอ็อกซิเจนให้ผู้ป่วย เด็กหลายคนต้องทนอยู่ในนั้น ผู้คนระดับฐานรากต้องเผชิญภาวะแบบนี้ ถ้ามนุษยชาติไม่เปลี่ยนแปลงล่ะก็ ความยากจน โศกนาฏกรรม สงคราม และความอยุติธรรมยังจะเกิดต่อไปอีกแน่นอน เด็กกำลังจะตายเพราะความอดอยาก

นักข่าว: พระองค์ประทับใจอะไรมากที่สุดของทริปนี้ พระองค์จะกลับมาแอฟริกาอีกหรือเปล่า แล้วประเทศต่อไปที่พระองค์จะไปคือที่ไหน

พระสันตะปาปา: พ่อคิดว่าประเทศต่อไปคือเม็กซิโก วันที่แน่ชัดยังไม่ถูกกำหนด ส่วนพ่อจะกลับมาแอฟริกาอีกหรือไม่ พ่อไม่รู้ พ่อแก่แล้วและการเดินทางก็ทำให้เหนื่อยมาก ส่วนความประทับใจที่สุดคือผู้คนนี่แหละ ทุกคนเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี นี่คือการเฉลิมฉลองทางจิตใจ สำหรับพ่อ แอฟริกาคือเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ พระเจ้าทำให้เราประหลาดใจเสมอ ผู้คนที่นี่รับรู้ถึงการมาเยี่ยมพวกเขา พวกเขาทั้งสามประเทศให้การต้อนรับอย่างเหลือเชื่อมากๆ แต่ละประเทศมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เคนยาดูทันสมัยและพัฒนามาก อัตลักษณ์ของยูกันดาถูกแต้มสีจากมรณสักขีของคาทอลิกและโปรเตนแตนท์ ส่วนสาธารณรัฐแอฟริกากลางกำลังหิวกระหายสันติภาพ การคืนดี และการให้อภัย คาทอลิก โปรเตสแตนท์ และมุสลิมที่นั่นอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ชาวเอแวนเจลิคั่ลมาร่วมมิสซาด้วย ส่วนวันที่พ่อไปเยี่ยมมัสยิดเพื่อภาวนาร่วมกับพวกเขา อิหม่ามก็ขึ้นมาบนรถโป๊ปโมบิลเพื่อไปทักทายผู้ลี้ภัยพร้อมพ่อด้วย

นักข่าว: ตอนนี้ กำลังมีเรื่อง "วาติลีกส์" (การขโมยเอกสารสำคัญในวาติกัน) ผมจะไม่พูดถึงการพิจารณาคดีความนี้ แต่อยากทราบว่า เสรีภาพและสื่อที่ไม่ใช่ของพระศาสนจักรนั้น มีความสำคัญอย่างไรในการรายงานเรื่องการคดโกง

พระสันตะปาปา: เสรีภาพในการรายงานข่าวทั้งของสื่อที่ไม่ใช่ของพระศาสนจักรและของพระศาสนจักร ต้องยึดความเป็นมืออาชีพ การประณามการโกงและความอยุติธรรมเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ สื่อมืออาชีพจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้โดยต้องไม่ยอมจำนนต่อบาป การให้ข้อมูลผิดๆ พูดอีกความหมายก็คือ ต้องอย่ารายงานแค่ครึ่งเดียวและปล่อยที่เหลือให้หายไป เพราะคนที่ทำแบบนี้คือสื่อที่ไม่เป็นมืออาชีพ ไม่ให้เกียรติคนติดตาม และดูหมิ่นคนตามข่าว พวกเราต้องความเป็นมืออาชีพของสื่อมวลชน เมื่อเห็นการคดโกง สื่อต้องมองเรื่องที่เกิดอย่างรอบคอบและพูดไปตามความจริงว่า มีการโกงเกิดขึ้น และถ้านักข่าวตัวจริงทำผิดพลาด เขาต้องกล้าออกมาขอโทษ

นักข่าว: มองซินญอร์ ลูโช่ บัลเลโฆ่ บัลดา และ ดร.ฟรานเชสก้า ชาอูกี้ (ผู้ต้องหาจากคดีขโมยเอกสารสำคัญของวาติกัน) มาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการของวาติกันได้อย่างไร พระองค์คิดว่า ได้ทำผิดพลาดหรือเปล่า (กับการแต่งตั้ง 2 คนนี้)

พระสันตะปาปา: ใช่ ความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว มองซินญอร์ บัลเลโฆ่ ได้รับแต่งตั้งเพราะตำแหน่งของเขา เขาเคยเป็นเลขาธิการของหน่วยงานเศรษฐกิจแห่งสันตะสำนัก ส่วน ดร.ชาอูกี้ พ่อไม่แน่ใจ แต่พ่อจำได้ว่า มองซินญอร์ บัลเลโฆ่แนะนำพ่อว่า ดร.ชาอูกี้ คือคนสำคัญในการติดต่อเรื่องความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ทั้งสองทำงานร่วมกันและงานก็เสร็จสมบูรณ์ เรื่องนี้ คณะผู้พิพากษาจะบอกเราเองว่า ทำไมเธอถึงทำสิ่งนี้ลงไป (ขโมยเอกสาร) มีเรื่องหนึ่งที่พ่ออยากพูดถึง มันไม่เกี่ยวกับ มองซินญอร์ บัลเลโฆ่ และ ดร.ชาอูกี้ ตอนนั้น การเดินรูป 14 ภาคที่พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ เป็นประธานแทนสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ช่วงก่อนพระองค์จะสิ้นพระชนม์ ท่านเทศน์ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการโกงในพระศาสนจักร ท่านประณามเรื่องนี้อย่างหนัก ในมิสซาปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ท่านก็พูดเรื่องนี้อีกครั้ง พวกเราคณะพระคาร์ดินัลจึงเลือกท่านเพราะท่านเปิดกว้างที่จะพูดถึงเรื่องนี้ กลับมาต่อที่เรื่องการพิจารณาคดี พ่อยังไม่ได้อ่านรายละเอียดการไต่สวนแบบเต็มๆ พ่ออยากให้ทุกอย่างจบก่อนที่เราจะเปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม แต่พ่อคิดว่า มันค่อนข้างยาก เพราะพ่ออยากให้ทนายของผู้ถูกกล่าวหาใช้เวลาเตรียมหลักฐานเพื่อลูกความของเขาให้เต็มที่

นักข่าว: พวกหัวรุนแรงทางศาสนากำลังคุกคามโลก เหมือนอย่างที่เราเห็นจากการโจมตีกรุงปารีส พระองค์คิดว่า ผู้นำศาสนาควรเข้าไปมีส่วนร่วมยับยั้งในเชิงการเมืองหรือไม่

พระสันตะปาปา: ถ้าการเข้าไปแทรกแซงในเรื่องการเมืองหมายถึงการเล่นการเมือง ผู้นำศาสนาไม่ควรทำ พวกเขาควรเป็นพระสงฆ์ ศิษยาภิบาล อิหม่าม และรับไบต่อไป แต่การจะแทรกแซงทางการเมืองนั้นควรเป็นทางอ้อม อาทิ การเทศนาเรื่องคุณค่าที่แท้จริงของความเป็นพี่น้องกันระหว่างมนุษย์ พวกเราเป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน พ่อไม่ชอบคำว่า 'อดทนอดกลั้น' แต่พวกเราต้องดำเนินชีวิตอย่างสันติร่วมกับผู้อื่น การคลั่งศาสนาแบบหัวรุนแรงคือโรคร้ายที่อยู่ในทุกศาสนา ในพระศาสนจักร เราก็มีพวกนี้บ้างเหมือนกัน พวกเขาเชื่อว่าตนเองครอบครองความจริงสุดเที่ยงแท้และพวกเขาก็ทำให้คนอื่นต้องมัวหมอง ผ่านทางการให้ร้ายและทำลายชื่อเสียงคนอื่น สิ่งนี้เป็นเรื่องผิด การคลั่งศาสนาแบบหัวรุนแรงต้องได้รับการยับยั้ง เพราะมันไม่ใช่ศาสนา พระเจ้าทรงหายไป มันเป็นการบูชาสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบไม่ลืมหูลืมตา มันจำเป็นด้วยเหรอที่ผู้นำศาสนาต้องชักจูงศาสนิกชนของตนให้เป็นพวกหัวรุนแรง การคลั่งศาสนาแบบหัวรุนแรงมีจุดจบแบบโศกนาฏกรรมและทำให้เกิดอาชญากรรม นี่คือเรื่องเลวร้ายที่มีอยู่ในทุกศาสนา

นักข่าว: เอดส์เป็นปัญหาหนักหนาสาหัสในแอฟริกา การลุกลามของโรคนี้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง พวกเรารู้ว่าการป้องกันคือกุญแจสำคัญ ถุงยางอนามัยไม่ได้เป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะหยุดการลุกลามนี้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของทางแก้ปัญหาด้วย บางที มันถึงเวลาของพระศาสนจักรแล้วหรือไม่ที่จะเปลี่ยนจุดยืนต่อการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี

พระสันตะปาปา: คำถามนี้ดูเหมือนมีอคติกับพ่อนะ ใช่! มันเป็นหนึ่งในวิธีที่ว่า หลักศีลธรรมของพระศาสนจักรเผชิญกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในแอฟริกา พระบัญญัติประการที่ห้าและหก กล่าวว่า อย่าฆ่าคนและอย่าทำอุลามก แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ คำถามนี้ทำให้พ่อคิดถึงคำถามที่พระเยซูเคยถูกถามว่า 'พระอาจารย์ บอกพวกเราหน่อยว่า เป็นเรื่องรับได้ไหมที่จะทำการรักษาคนป่วยในวันสับบาโต' การรักษาคนป่วยคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้นะ! ภาวะขาดสารอาหาร, การเห็นแก่ได้, แรงงานทาส และการขาดน้ำดื่ม ล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้น เราไม่ได้กำลังพูดถึงพลาสเตอร์ที่เราจะใช้ปิดแผลนี้  ความอยุติธรรมที่ร้ายแรงคือความอยุติธรรมทางสังคม ความอยุติธรรมที่ร้ายแรงคือภาวะขาดสารอาหาร พ่อไม่ชอบการแบ่งปันเชิงสำนวนโวหารแบบนี้ เมื่อมันมีผู้คนกำลังจะตายเพราะขาดน้ำดื่มและความอดอยาก ลองคิดถึงการค้าอาวุธนะ เมื่อปัญหายุติลง เมื่อนั้น พ่อคิดว่าเราจะสามารถถามตัวเองว่า 'มันเป็นเรื่องรับได้ไหมที่จะรักษาคนป่วยในวันสับบาโต ทำไมอาวุธยังคงถูกผลิตออกมาอีก สงครามกำลังนำไปสู่ความตาย' ลืมเรื่องที่ว่า รับได้หรือไม่ที่จะรักษาคนในวันสับบาโตเถอะ จงสร้างความยุติธรรม เมื่อทุกคนได้รับการรักษาให้หายจากโรค เมื่อมันไม่มีความอยุติธรรมในโลกแล้ว เมื่อนั้น เราค่อยมาพูดเรื่องวันสับบาโตกันเถอะ

นักข่าว: วาติกันมีจุดยืนอย่างไรต่อวิกฤติความสัมพันธ์ระหว่างรัสเชียและตุรกี พระองค์ยังพิจารณาจะไปเยือนอาร์เมเนีย เพื่อร่วมรำลึก 101 ปีของเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่

พระสันตะปาปา: ปีที่แล้ว พ่อสัญญากับพระอัยกา 3 คนว่าพ่อจะไป สัญญานี้ยังคงอยู่นะ ส่วนเรื่องสงคราม พ่อจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ว่ามีการป้องกันตัวเองอย่างชอบธรรมต่อผู้บุกรุกที่ไม่ชอบธรรมหรือไม่ สงครามคืออุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ เราได้เห็นหลายครั้งมากๆ ว่า ประเทศที่ฐานะทางการเงินไม่ดี ได้ตัดสินใจเข้าร่วมสงครามเพื่อสร้างฐานะการเงินของตนให้แกร่งขึ้น สงครามคือธุรกิจ ส่วนผู้ก่อการร้ายล่ะ พวกเขาผลิตอาวุธเหรอ ใครให้อาวุธกับพวกเขากันล่ะ มันเป็นวงจรผลประโยชน์ทั้งนั้น เบื้องหลังสงครามเราจะเห็นเงินและอำนาจ

นักข่าว: การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP21) ซึ่งจัดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เริ่มขึ้นแล้ว พวกเราหวังว่า มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของทางแก้ปัญหา พระองค์มั่นใจไหมว่า กระบวนการนี้จะสำเร็จไป

พระสันตะปาปา: ทุกปี ปัญหานี้เลวร้ายลงเรื่อยๆ ถ้าพูดแรงๆ ก็คือพวกเราอยู่บนหน้าผาของการฆ่าตัวตาย พ่อมั่นใจว่าผู้ร่วมประชุมที่ปารีสรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป

นักข่าว: พระองค์แสดงออกถึงมิตรภาพและเคารพชาวมุสลิมมากๆ คำสอนอิสลามและท่านมูฮัมหมัดบอกอะไรกับโลกทุกวันนี้บ้าง

พระสันตะปาปา: การเสวนาไง พ่อเป็นเพื่อนกับผู้นำโลกคนหนึ่งที่เป็นชาวมุสลิม พวกเราคุยกันได้เสมอ เขามีค่านิยมของเขา พ่อก็มีของพ่อ เขาภาวนา พ่อก็ภาวนา คุณค่าเหล่านั้นมีมาก อาทิ การภาวนาและการอดอาหาร คุณไม่สามารถกำจัดความยุติธรรมของศาสนาเพียงเพราะพวกกลุ่มหัวรุนแรง มันเป็นเรื่องจริงที่มีสงครามระหว่างความเชื่อ และเราต้องวอนขอการอภัยโทษแก่กัน วันนี้ พ่อไปที่มัสยิดที่สาธารณรัฐแอฟริกากลาง อิหม่ามต้องการให้พ่อเข้าไปข้างใน จากนั้น ทั้งพระสันตะปาปาและอิหม่ามก็ขึ้นรถโป๊ปโมบิลด้วยกัน ลองคิดถึงสงครามที่คริสตชนเข้าร่วมนะ มันไม่ใช่ชาวมุสลิมที่ต้องรับผิดชอบต่อการขับไล่พระสันตะปาปาออกจากกรุงโรมเลยนะ

นักข่าว: พระองค์จะไปเยือนโคลอมเบียและเปรูบ้างไหม

พระสันตะปาปา: การเดินทางตอนอายุปูนนี้ ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ ในปี 2017 พ่อได้รับเชิญให้ไปเยือนอปาเรชิด้า (บราซิล) จากนั้น พ่อสามารถไปประเทศอื่นได้ แต่พ่อยังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการวางแผนใดๆ ทั้งนั้น

นักข่าว: นี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์มาแอฟริกา ทุกฝ่ายกังวลเรื่องความปลอดภัยมาก พระองค์จะพูดกับโลกอย่างไรบ้าง เวลาที่คิดว่า แอฟริกาไม่มีอะไรเลย นอกเสียจากเหยื่อสงครามและการทำลายล้าง

พระสันตะปาปา: แอฟริกาคือผู้เคราะห์ร้าย และถูกแสวงหาอำนาจในทางที่ผิดเสมอ ทาสชาวแอฟริกันถูกค้าแรงงานในอเมริกา มีขั้วอำนาจที่ต้องการแสวงหาความมั่งคั่งจากแอฟริกา บางที ก็ทวีปที่รวยที่สุดนั่นแหละ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คิดจะพัฒนาแอฟริกาเลย แอฟริกาคือมรณสักขีของการถูกแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมพ่อรักแอฟริกา



Comments