โป๊ปฟรังซิส: "เศร้าใจที่ต้องพูดถึงพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่ยึดติดกับเงินทอง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยอมรับ เศร้าใจที่ต้องพูดถึงพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่ยึดติดกับเงินทอง เพราะคนพวกนี้สนใจแต่การวางรากฐานให้ตัวเอง ทำตัวเป็นพวกปีนป่ายให้สูงๆ เพื่อรักษาสถานภาพของตน ไม่สนใจทำตัวเป็นผู้รับใช้ ตรงกันข้าม พวกเขาทำทุกทางเพื่อให้คนอื่นมารับใช้เขา ทรงสอน เราต้องทำตัวแบบนักบุญเปาโลซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่แท้จริง ไม่ใช่รับใช้แต่ชื่อ แล้วเบื้องหลังคอยสั่งการคนอื่น 




ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม ท่านย้ำว่า ท่านอุทิศตนทั้งครบให้กับการเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า ส่วนพระวรสาร เป็นเหตุการณ์ที่ผู้จัดการจอมล้างผลาญถูกเจ้านายสั่งให้ทำบัญชีแจกแจง พร้อมเตรียมสั่งไล่ออกจากงาน ผู้จัดการคนนี้จึงไปสั่งให้ลูกหนี้ของเจ้านาย นำใบสัญญามาแต่งตัวเลข เพื่อโกงเจ้านายของตน

พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า

- บทอ่านและพระวรสารวันนี้ สะท้อนถึงภาพลักษณ์ชัดเจน 2 ประการของผู้รับใช้ นักบุญเปาโลคือผู้รับใช้ที่ถวายทุกสิ่งให้กับพระคริสตเจ้า สุดท้ายท่านถูกทรยศจากคนใกล้ตัวและถูกประณาม สิ่งที่ดีที่สุดของนักบุญเปาโลมาจากไหนกันล่ะ คำตอบคือมาจากพระเยซูคริสต์ เพราะนักบุญเปาโลประกาศชัดเจนถึงการเป็นผู้รับใช้พระองค์ ท่านเป็นผู้ถูกเลือก และเปี่ยมด้วยพละกำลังจากพระจิต

- นักบุญเปาโลคือผู้รับใช้ที่ทำหน้าที่รับใช้อย่างแท้จริง ท่านอภิบาลและวางรากฐานต่างๆ นี่คือการประกาศพระเยซูคริสต์ ท่านไม่เคยหยุดใช้อำนาจหน้าที่ในการเป็นผู้รับใช้ ท่านคือผู้อภิบาลที่แท้จริง เป็นผู้รับใช้ที่คอยรับใช้คนอื่น ไม่ใช่เป็นผู้รับใช้แต่ชื่อ แต่แท้จริงแล้วคอยสั่งการคนอื่น

- พ่อจะเล่าอะไรให้ฟัง พ่อมีความสุขมากๆ เมื่อหลังจบมิสซาแล้ว มีพระสงฆ์บางคนเดินเข้ามาบอกพ่อว่า 'พระสันตะปาปา ผมมาที่นี่เพื่อมาหาสัตบุรุษของผม เพราะเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ผมเคยเป็นมิชชันนารี่ในอเมซอน' หรือจะเป็นซิสเตอร์บางคนที่มาบอกพ่อว่า 'พระสันตะปาปาคะ ซิสเตอร์เคยทำงานอยู่ในแอฟริกามากว่า 30 ปี' บางคนก็มาบอกพ่อว่า 'ซิสเตอร์ทำงานในแผนกที่ดูแลผู้พิการในโรงพยาบาล' เรื่องแบบนี้ทำให้พ่อมีความสุขมากๆ เพราะพวกท่านเหล่านี้ได้ทำหน้าที่รับใช้อย่างแท้จริง นี่คือความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักร กล่าวคือ นี่คือการออกไป มันคือการก้าวออกจากตัวเอง และไปอุทิศชีวิตรับใช้คนอื่น นี่คือสิ่งที่นักบุญเปาโลได้ทำ ใช่แล้ว นี่คือการรับใช้

- แต่สำหรับพระวรสารวันนี้ พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นถึงผู้รับใช้อีกประเภทหนึ่งซึ่งแทนที่จะรับใช้คนอื่น เขากลับทำทุกอย่างเพื่อให้คนอื่นมารับใช้เขา เราได้ยินกันไปแล้วว่า ผู้รับใช้ประเภทนี้ทำอะไรลงไป เราได้ยินกันแล้วว่า เขาทำตัวลูกหนี้อย่างไร เพื่อจะได้รักษาสถานภาพของตนเอาไว้เท่านั้น

- ในพระศาสนจักรก็เช่นกัน มันมีคนประเภทนี้อยู่ คนที่แทนที่จะรับใช้ผู้อื่น แต่กลับมาคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง คิดแต่ว่าจะวางรากฐานให้ตัวเองอย่างไร คนพวกนี้ให้พระศาสนจักรมารับใช้พวกเขา คนพวกนี้เป็นพวก 'จอมปีนป่าย' ที่ยึดติดกับเงินทอง มีพระสังฆราชและพระสงฆ์กี่คนที่เราเห็นและทำตัวแบบนี้ มันเศร้านะที่ต้องพูดถึงเรื่องแบบนี้ มันน่าเศร้าใช่ไหม

- เรื่องแบบนี้ต่างกับพระเยซูชัดเจน พระองค์มาเพื่อรับใช้ มาเพื่อเป็นผู้รับใช้คนอื่น พระองค์ไม่เคยหยุดที่จะมอบตนเองเพื่อรับใช้ พระองค์ก้าวออกจากตัวเองเสมอ

- นี่คือภาพลักษณ์ 2 แบบของคริสตชน นี่คือภาพลักษณ์ 2 แบบของพระสงฆ์และซิสเตอร์ พระเยซูทำให้เรามองเห็นแบบอย่างที่ถูกต้องในนักบุญเปาโล พระศาสนจักรต้องไม่หยุดที่จะก้าวออกจากตัวเองและเดินบนหนทางของการรับใช้

- ในทางตรงกันข้าม เมื่อพระศาสนจักรเฉื่อยชา ปิดตัวเอง และเน้นแต่เรื่องผลประโยชน์เชิงธุรกิจ เราก็ไม่สามารถพูดได้ว่า นี่คือพระศาสนจักรที่คอยรับใช้ แต่ต้องพูดว่า นี่คือพระศาสนจักรที่คอยใช้ผู้อื่นมากกว่า

- ดังนั้น ขอพระเจ้าประทานพระหรรษทานให้เราเหมือนที่พระองค์มอบให้นักบุญเปาโล ขอพระองค์ช่วยเราจากการถูกประจญล่อลวงให้มีชีวิต 2 มาตรฐาน แต่เราต้องมองเห็นตัวเองเป็นผู้อภิบาล เราต้องเป็นผู้รับใช้ และเราต้องรับใช้ผู้อื่น ไม่ใช่ไปใช้ผู้อื่น


Comments