โป๊ปฟรังซิส: "การขโมยเอกสารลับสันตะสำนัก ไม่ได้หยุดยั้งพ่อจากการปฏิรูปโรมันคูเรีย"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยืนยัน เสียใจแต่ไม่เสียกำลังใจแน่นอนกับการปฏิรูปโรมันคูเรีย แม้จะเกิดเหตุอื้อฉาวภาค 2 เกี่ยวกับการขโมยเอกสารลับของสันตะสำนักเพื่อนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ จนนำไปสู่การจับกุมตัวมองซินญอร์ชาวสแปนิชและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์วาติกัน ทรงชี้ การขโมยเอกสารลับเป็นอาชญากรรม และไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทรงขอคำภาวนาจากทุกคนเพื่อให้การปฏิรูปโรมันคูเรียเป็นไปด้วยดีและบังเกิดผล ทรงสอน อย่าเป็นคาทอลิกที่ปากบอกรักพระเจ้า แต่ทำตัวจองหองและคิดแสวงหากำไรจากพระนามของพระองค์

ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายนที่่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงเรื่องการขโมยเอกสารลับของสันตะสำนักออกมาเผยแพร่และนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเพื่อวางขาย 2 เล่ม และนำไปสู่การจับกุมตัว "มองซินญอร์ ลูโช่ อังเคล บัลเยโฆ่" ชาวสแปนิช อายุ 54 ปี อดีตเลขาธิการของหน่วยงานเศรษฐกิจแห่งสันตะสำนัก และ "มารีอา อิมมาโคลาต้า ชาอูกี้" ชาวอิตาเลี่ยน อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวาติกัน
พระสันตะปาปา ตรัสถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า
- พ่อทราบดีว่า พวกท่านหลายคนผิดหวังกับข่าวการขโมยเอกสารลับของสันตะสำนักและถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ ด้วยเหตุนี้ พ่ออยากบอกกับทุกคนว่า การขโมยเอกสารเหล่านี้ถือเป็นอาชญากรรม มันเป็นการกระทำที่เลวร้ายซึ่งไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
- โดยส่วนตัวแล้ว พ่อได้ขอให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ทั้งตัวพ่อและบรรดาที่ปรึกษาในการปฏิรูปต่างรู้อยู่แล้วว่า เนื้อหาในเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างไร และพ่อก็รู้ว่า จะต้องทำอะไรต่อไปเพื่อให้การปฏิรูปบังเกิดผล
- ดังนั้น พ่ออยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เรื่องน่าเศร้านี้ไม่ได้ขัดขวางพ่อจากแผนปฏิรูปโรมันคูเรียที่กำลังดำเนินอยู่ ... พ่อขอขอบคุณกำลังใจจากทุกคน และขอให้พวกท่านช่วยสวดให้พระสันตะปาปาและพระศาสนจักรต่อไปด้วย เพื่อจะได้ไม่ยอมแพ้หรือเกิดปัญหา แต่สวดเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปด้วยความเชื่อและความหวัง
ในการส่วนการแบ่งปันพระวรสารประจำวันอาทิตย์นี้ พระเยซูทรงสอนว่า "จงระวังพวกธรรมาจารย์ที่ชอบสวมเสื้อยาวเดินไปมา เพื่อให้คนคำนับตามลานสาธารณธ นั่งแถวหน้าในศาลาธรรม ภาวนายืดยาวให้คนมอง คนเหล่านี้จะได้รับโทษมากกว่าคนอื่น ... แต่จงเป็นแบบหญิงม่ายที่ขัดสน แต่ทำบุญด้วยเงินทั้งหมดที่มี"
พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันว่า
- พวกธรรมาจารย์เป็นพวกหยิ่งยะโส โลภ และหน้าซื่อใจคด คริสตชนจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นแบบนี้ ดังนั้น เราต้องอย่าแยกการสวดภาวนาออกจากการปฏิบัติตน เพราะเราไม่สามารถสวดขอพระเจ้าและทำร้ายผู้ยากไร้ไปพร้อมกัน หรืออีกแบบหนึ่งก็คือ พวกที่บอกว่ารักพระเจ้า แต่จองหองและคิดหากำไรในนามของพระองค์
- แต่เราต้องดำเนินชีวิตแบบหญิงม่ายผู้ยากไร้ พระเยซูทรงสอนบรรดาศิษย์ให้ดูแบบอย่างของหญิงม่ายที่บริจาคเงินทั้งหมดที่มี สิ่งนี้แตกต่างกับพวกเศรษฐีที่บริจาคเงินจากส่วนที่เจียดไว้เท่านั้น
- ภาพของธรรมาจารย์และหญิงม่ายสอนเราว่า อย่าตัดสินคนที่ปริมาณ (ฐานะ) แต่จงดูที่หัวใจ เฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่จะรักพระเจ้าแบบสิ้นสุดจิตใจ และเชื่อในพระญาณสอดส่องของพระองค์
- เมื่อเราพบเพื่อนบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก เราต้องช่วยเหลือพวกเขาสุดกำลังความสามารถ ไม่ใช่ช่วยเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น เพราะเราถูกเรียกมาเพื่อการอุทิศตนทั้งครบในการช่วยเหลือคนอื่น
หลังการภาวนาจบลง พระสันตะปาปาทรงขอคำภาวนาจากทุกคน โอกาสที่วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายนนี้ พระองค์จะเสด็จเยือนอัครสังฆมณฑลฟิเรนเซ่ (ฟลอเร็นซ์) แบบเช้าเย็นกลับด้วย
หมายเหตุ - หากใครไม่ทราบความเป็นมา ผมขอเล่าความแตกต่างระหว่างการขโมยและปล่อยเอกสารลับของสันตะสำนัก มี 2 ภาค ดังนี้
1) ภาคแรกเกิดในปี 2012 ปลายสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ... ตอนนั้น ผู้ขโมยเอกสารคือ "เปาโล กาบริเอเล่" พ่อบ้านประจำวังพระสันตะปาปา
- จุดประสงค์ครั้งนั้น กาบริเอเล่ ต้องการเปิดเผยว่า โรมัน คูเรีย ถูกครอบงำด้วยอำนาจของพระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่ และมีการใช้เงินอย่างไม่โปร่งใส อาทิ การตกแต่งอพาร์ทเมนท์ของพระคาร์ดินัล แบรโตเน่ ที่ใช้เงินสูงถึง 200,000 ยูโร (8 ล้านบาท)
- การใช้อำนาจเกินควรและการใช้เงินอย่างไม่โปร่งใสนี้ พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน
2) ส่วนภาคสอง เกิดในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ... ผู้ขโมยคือ "มองซินญอร์ ลูโช่ อังเคล บัลเยโฆ่" ชาวสแปนิช อายุ 54 ปี อดีตเลขาธิการของหน่วยงานเศรษฐกิจแห่งสันตะสำนัก และ "มารีอา อิมมาโคลาต้า ชาอูกี้" ชาวอิตาเลี่ยน อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวาติกัน
- จุดประสงค์ครั้งนี้ ต้องการเปิดโปงเรื่องทุจริตและอื้อฉาวในรั้ววาติกัน เพื่อช่วยชี้ทางสว่างให้ทีมปฏิรูปโรมันคูเรียได้เห็นชัดยิ่งขึ้น (ดูเหมือนหวังดี แต่พระสันตะปาปา ฟรังซิส เสียใจที่พวกเขาใช้วิธีนี้ และตำหนิชัดเจนว่า "นี่คืออาชญากรรมและไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย")
- พระสันตะปาปา ฟรังซิส ย้ำว่า เนื้อหาในเอกสารลับทุกอย่างที่ถูกขโมยออกไป เพื่อแจ้งให้คนทั่วไปทราบนั้น พระองค์ "รู้เรื่องอยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง" อาทิ การทุจริตการเงินของ "โรงพยาบาลเจเมลลี่" โรงพยาบาลที่รักษาพระสันตะปาปา, ความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการเงินกองทุนพระสันตะปาปา (Peter's Pence), ความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการที่ดินและทรัพย์สินของวาติกัน และความไม่โปร่งใสของการจัดการการเงินเวลาที่มีการสถาปนานักบุญใหม่

ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายนที่่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงเรื่องการขโมยเอกสารลับของสันตะสำนักออกมาเผยแพร่และนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเพื่อวางขาย 2 เล่ม และนำไปสู่การจับกุมตัว "มองซินญอร์ ลูโช่ อังเคล บัลเยโฆ่" ชาวสแปนิช อายุ 54 ปี อดีตเลขาธิการของหน่วยงานเศรษฐกิจแห่งสันตะสำนัก และ "มารีอา อิมมาโคลาต้า ชาอูกี้" ชาวอิตาเลี่ยน อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวาติกัน
พระสันตะปาปา ตรัสถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า
- พ่อทราบดีว่า พวกท่านหลายคนผิดหวังกับข่าวการขโมยเอกสารลับของสันตะสำนักและถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ ด้วยเหตุนี้ พ่ออยากบอกกับทุกคนว่า การขโมยเอกสารเหล่านี้ถือเป็นอาชญากรรม มันเป็นการกระทำที่เลวร้ายซึ่งไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
- โดยส่วนตัวแล้ว พ่อได้ขอให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ทั้งตัวพ่อและบรรดาที่ปรึกษาในการปฏิรูปต่างรู้อยู่แล้วว่า เนื้อหาในเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างไร และพ่อก็รู้ว่า จะต้องทำอะไรต่อไปเพื่อให้การปฏิรูปบังเกิดผล
- ดังนั้น พ่ออยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เรื่องน่าเศร้านี้ไม่ได้ขัดขวางพ่อจากแผนปฏิรูปโรมันคูเรียที่กำลังดำเนินอยู่ ... พ่อขอขอบคุณกำลังใจจากทุกคน และขอให้พวกท่านช่วยสวดให้พระสันตะปาปาและพระศาสนจักรต่อไปด้วย เพื่อจะได้ไม่ยอมแพ้หรือเกิดปัญหา แต่สวดเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปด้วยความเชื่อและความหวัง
ในการส่วนการแบ่งปันพระวรสารประจำวันอาทิตย์นี้ พระเยซูทรงสอนว่า "จงระวังพวกธรรมาจารย์ที่ชอบสวมเสื้อยาวเดินไปมา เพื่อให้คนคำนับตามลานสาธารณธ นั่งแถวหน้าในศาลาธรรม ภาวนายืดยาวให้คนมอง คนเหล่านี้จะได้รับโทษมากกว่าคนอื่น ... แต่จงเป็นแบบหญิงม่ายที่ขัดสน แต่ทำบุญด้วยเงินทั้งหมดที่มี"
พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันว่า
- พวกธรรมาจารย์เป็นพวกหยิ่งยะโส โลภ และหน้าซื่อใจคด คริสตชนจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นแบบนี้ ดังนั้น เราต้องอย่าแยกการสวดภาวนาออกจากการปฏิบัติตน เพราะเราไม่สามารถสวดขอพระเจ้าและทำร้ายผู้ยากไร้ไปพร้อมกัน หรืออีกแบบหนึ่งก็คือ พวกที่บอกว่ารักพระเจ้า แต่จองหองและคิดหากำไรในนามของพระองค์
- แต่เราต้องดำเนินชีวิตแบบหญิงม่ายผู้ยากไร้ พระเยซูทรงสอนบรรดาศิษย์ให้ดูแบบอย่างของหญิงม่ายที่บริจาคเงินทั้งหมดที่มี สิ่งนี้แตกต่างกับพวกเศรษฐีที่บริจาคเงินจากส่วนที่เจียดไว้เท่านั้น
- ภาพของธรรมาจารย์และหญิงม่ายสอนเราว่า อย่าตัดสินคนที่ปริมาณ (ฐานะ) แต่จงดูที่หัวใจ เฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่จะรักพระเจ้าแบบสิ้นสุดจิตใจ และเชื่อในพระญาณสอดส่องของพระองค์
- เมื่อเราพบเพื่อนบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก เราต้องช่วยเหลือพวกเขาสุดกำลังความสามารถ ไม่ใช่ช่วยเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น เพราะเราถูกเรียกมาเพื่อการอุทิศตนทั้งครบในการช่วยเหลือคนอื่น
หลังการภาวนาจบลง พระสันตะปาปาทรงขอคำภาวนาจากทุกคน โอกาสที่วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายนนี้ พระองค์จะเสด็จเยือนอัครสังฆมณฑลฟิเรนเซ่ (ฟลอเร็นซ์) แบบเช้าเย็นกลับด้วย
หมายเหตุ - หากใครไม่ทราบความเป็นมา ผมขอเล่าความแตกต่างระหว่างการขโมยและปล่อยเอกสารลับของสันตะสำนัก มี 2 ภาค ดังนี้
1) ภาคแรกเกิดในปี 2012 ปลายสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ... ตอนนั้น ผู้ขโมยเอกสารคือ "เปาโล กาบริเอเล่" พ่อบ้านประจำวังพระสันตะปาปา
- จุดประสงค์ครั้งนั้น กาบริเอเล่ ต้องการเปิดเผยว่า โรมัน คูเรีย ถูกครอบงำด้วยอำนาจของพระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่ และมีการใช้เงินอย่างไม่โปร่งใส อาทิ การตกแต่งอพาร์ทเมนท์ของพระคาร์ดินัล แบรโตเน่ ที่ใช้เงินสูงถึง 200,000 ยูโร (8 ล้านบาท)
- การใช้อำนาจเกินควรและการใช้เงินอย่างไม่โปร่งใสนี้ พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน
2) ส่วนภาคสอง เกิดในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ... ผู้ขโมยคือ "มองซินญอร์ ลูโช่ อังเคล บัลเยโฆ่" ชาวสแปนิช อายุ 54 ปี อดีตเลขาธิการของหน่วยงานเศรษฐกิจแห่งสันตะสำนัก และ "มารีอา อิมมาโคลาต้า ชาอูกี้" ชาวอิตาเลี่ยน อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวาติกัน
- จุดประสงค์ครั้งนี้ ต้องการเปิดโปงเรื่องทุจริตและอื้อฉาวในรั้ววาติกัน เพื่อช่วยชี้ทางสว่างให้ทีมปฏิรูปโรมันคูเรียได้เห็นชัดยิ่งขึ้น (ดูเหมือนหวังดี แต่พระสันตะปาปา ฟรังซิส เสียใจที่พวกเขาใช้วิธีนี้ และตำหนิชัดเจนว่า "นี่คืออาชญากรรมและไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย")
- พระสันตะปาปา ฟรังซิส ย้ำว่า เนื้อหาในเอกสารลับทุกอย่างที่ถูกขโมยออกไป เพื่อแจ้งให้คนทั่วไปทราบนั้น พระองค์ "รู้เรื่องอยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง" อาทิ การทุจริตการเงินของ "โรงพยาบาลเจเมลลี่" โรงพยาบาลที่รักษาพระสันตะปาปา, ความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการเงินกองทุนพระสันตะปาปา (Peter's Pence), ความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการที่ดินและทรัพย์สินของวาติกัน และความไม่โปร่งใสของการจัดการการเงินเวลาที่มีการสถาปนานักบุญใหม่
Comments
Post a Comment