โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องรักศัตรู สิ่งนี้จะป้องกันเราจากการแก้แค้น"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ที่สาธารณรัฐแอฟริกากลาง โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยพระองค์ทรงอนุญาตให้เปิดก่อนพิธีทางการที่กรุงโรมและนับเป็นครั้งแรกที่พระสันตะปาปาทรงเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์นอกกรุงโรมด้วย พร้อมสอน หน้าที่ของคริสตชนคือต้องรักศัตรูของตน สิ่งนี้จะช่วยปกป้องเราจากการประจญให้คิดแก้แค้น ทรงชี้ ผู้ประกาศข่าวดีต้องเป็นผู้ชำนาญการให้อภัย สร้างความปรองดอง และเปี่ยมด้วยเมตตา นอกจากนี้ ช่วงเที่ยงที่เสวยอาหารกลางวัน มีการแจ้งข่าวให้พระสันตะปาปาทราบว่า มีคริสตชนถูกฆ่าตาย พระสันตะปาปาทรงต้องการจะไปยังที่เกิดเหตุ แต่ถูกสมณทูตห้ามไว้ด้วย








ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม‬ (Jubilee Year of Mercy) ณ อาสนวิหารแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล อัครสังฆมณฑลบังกี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง

การเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระสันตะปาปาทรงเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์นอกกรุงโรม โดยปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการทั่วโลกในวันที่ 8 ธันวาคม 2015 แต่พระสันตะปาปาทรงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้กับพระศาสนจักรคาทอลิกในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง‬ ที่จะเริ่มปีศักดิ์สิทธิ์นี้ในวันนี้เลย 29 พฤศจิกายน 2015 เพราะพระองค์ต้องการให้ปีศักดิ์สิทธิ์นี้นำสันติและความสงบมาสู่ประเทศแห่งนี้ หลังจากการสู้รบในประเทศยังไม่มีวี่แววจะยุติลง

พระสันตะปาปา ตรัสก่อนจะเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ว่า "วันนี้ กรุงบังกี้ จะกลายเป็นเมืองหลวงแห่งความเมตตาของโลก ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมได้เริ่มขึ้นที่เมืองแห่งนี้ก่อนเมืองอื่นๆ ดังนั้น ขอให้เราวอนขอพระเจ้าเพื่อสันติภาพ การให้อภัยกัน การคืนดีกัน การยกโทษ และความรักของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ขอให้ทุกคนพูดพร้อมกัน เราจะสวดเพื่อสันติภาพ เราจะสวดเพื่อสันติภาพของประเทศนี้"

ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า

- พวกเราจำเป็นต้องปลดปล่อยตัวเองออกจากความคิดแบ่งแยกทางครอบครัวและสายเลือด เพื่อจะได้ร่วมกันสร้างพระศาสนจักรซึ่งเป็นครอบครัวของพระเจ้า ให้เปิดออกต้อนรับทุกคน เฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทุกข์ร้อนมากที่สุด การจะทำเช่นนี้ได้ เราต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นพี่น้องกัน

- หนึ่งในหน้าที่ของคริสตชนทุกคนก็คือจงรักศัตรูของตน สิ่งนี้จะปกป้องเราจากการประจญให้คิดถึงการแก้แค้นอย่างไม่จบไม่สิ้น พระเยซูทรงเน้นย้ำสิ่งนี้มากในด้านของการเป็นประจักษ์พยานตามแบบฉบับคริสตชน ดังนั้น สิ่งสำคัญสุดคือคนที่ประกาศข่าวดีต้องเป็นผู้ประพฤติตนในการให้อภัย เป็นผู้ชำนาญการสร้างความปรองดอง และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความเมตตา

- ในทุกสถานที่ เฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีความรุนแรง ความเกลียดชัง และการเบียดเบียนข่มเหง คริสตชนถูกเรียกมาเพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก เหมือนอย่างที่คนต่างศาสนาเคยพูดกันถึงคริสตชนยุคแรกเริ่มว่า 'ดูซิ พวกคริสตชนรักกันและกันจริงๆ พวกเขาทำได้อย่างไรกัน'

- สุดท้ายนี้ พ่อขอกล่าวไปยังผู้ที่ใช้อาวุธเพื่อสร้างความอยุติธรรมให้กับโลก พ่อขอร้องพวกท่านว่า จงวางเครื่องมือแห่งความตายนี้ลงเถอะ จงมอบตนเองให้กับความชอบธรรม ความรัก ความเมตตา และเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพ

อนึ่ง ช่วงเที่ยงของวันนี้ ขณะที่พระสันตะปาปากำลังเสวยอาหารเที่ยงอยู่กับบรรดาพระสังฆราชของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พระอัครสังฆราช ฟรังโก้ ค็อปโปล่า สมณทูตวาติกัน ได้แจ้งพระสันตะปาปาว่า "เกิดเหตุฆาตรกรรมขึ้น โดยคริสตชน 3 คนถูกฆ่าตายในชุมชนของชาวมุสลิม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่พระองค์กำลังประทับ" พระสันตะปาปาจึงตรัสถามกลับไปว่า "พ่อจะไปจุดเกิดเหตุได้ไหม" แต่สมณทูตปฏิเสธพระสันตะปาปา เนื่องด้วยเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (จันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พระสันตะปาปาจะเสด็จเยือนมัสยิดกลางของกรุงบังกี้ เพื่อพบปะกับผู้นำชาวมุสลิมในสาธารณรัฐแอฟริกากลางด้วย)


Comments