โป๊ปฟรังซิส: "ความต้องการทางโลกและอำนาจทางโลกไม่ได้นำสันติสุขที่แท้จริงมาให้เรา"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซารำลึกถึงบรรดานักบุญมรณสักขีชาวยูกันดา 45 คน จำนวนนี้เป็นคาทอลิก 22 คนและแองกลิกัน 23 คน พร้อมยกย่องการสละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเจ้านี้เป็นการหลั่งเลือดแห่งคริสตศาสนสัมพันธ์อย่างแท้จริง ทรงสอน ความพอใจทางโลกและอำนาจทางโลกไม่ได้นำความชื่นชมยินดีที่แท้จริงและสันติสุขที่แท้จริงมาให้กับเรา ตรงกันข้าม การซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและการยึดมั่นในความดีต่างหากที่นำสันติมาให้กับเรา 





ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซารำลึกการครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาเหล่านักบุญมรณสักขีชาวยูกันดาที่ถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อในพระเจ้าช่วงศตวรรษที่ 19 โดยมรณสักขีเหล่านี้ เป็นคาทอลิก 22 คน และเป็นแองกลิกัน 23 คน มิสซานี้จัดที่สักการะสถานเนมูกอนโก้ ประเทศยูกันดา ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 250,000 คน

สำหรับประวัติของมรณสักขีเหล่านี้ ทั้งหมดถูกกษัตริย์แห่งบูกันดา (ปัจจุบันคือยูกันดา) สั่งเผาทั้งเป็น การสั่งประหารชีวิตเกิดระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.1885 - 27 มกราคม ค.ศ.1997 เพราะมรณสักขีทั้งหมดยังคัดค้านพฤติกรรมรักร่วมเพศของกษัตริย์ ซึ่งทำให้กษัตริย์กริ้วเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กษัตริย์ยังหวาดกลัวการเติบโตของศาสนาคริสต์ในประเทศของตนด้วย สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 15 สถาปนามรณสักขีคาทอลิกชาวยูกันดาเป็นบุญราศีในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.1920 จากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ทรงสถาปนาท่านเหล่านี้เป็นนักบุญในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ.1964

ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า

- ตั้งแต่ยุคของอัครสาวกจนถึงทุกวันนี้ ก้อนเมฆอันยิ่งใหญ่ของการเป็นประจักษ์พยานได้รวมตัวใหญ่ขึ้นเพื่อประกาศพระเยซูและแสดงให้เห็นถึงฤทธานุภาพของพระจิต วันนี้ เราทุกคนมาที่นี่พื่อรำลึกถึงการเสียสละของบรรดามรณสักขีชาวยูกันดา ซึ่งเป็นประจักษ์พยานถึงความรักของพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักร สิ่งนี้จะดำรงอยู่ไปจนถึงวันสิ้นพิภพ นอกจากนี้ พวกเรายังรำลึกถึงมรณสักขีของแองกลิกันที่ยอมตายเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเยซูด้วย นี่คือการหลั่งเลือดแห่งคริสตศาสนสัมพันธ์อย่างแท้จริง

- ในทุกๆ วัน พวกเราถูกเรียกมาเพื่อทำให้การประทับอยู่ของพระจิตมีความเข้มข้นลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นไปอีกในชีวิตของเรา เพื่อที่ว่า เราจะได้กลายเป็นบ่อเกิดของปรีชาญาณและพละกำลังให้กับคนอื่น ดังเช่น นักบุญโจเซฟ เอ็มกาซ่า และนักบุญชาร์ลส์ ลวันก้า ท่านได้รับการสอนคำสอนและต้องการจะถ่ายทอดความเชื่อให้กับผู้อื่นด้วย พวกท่านไม่กลัวที่จะนำพระคริสตเจ้าไปประกาศให้คนอื่นได้รับรู้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของตนก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ความเชื่อจึงกลายเป็นประจักษ์พยาน ท่านได้กลายเป็นมรณสักขี แบบอย่างนี้ได้สร้างบันดาลใจให้กับผู้คนทั้งโลก

- การเป็นประจักษ์พยานของบรรดามรณสักขี แสดงให้เราเห็นว่า ความพอใจทางโลกและอำนาจทางโลกไม่ได้นำความชื่นชมยินดีที่แท้จริงและสันติสุขที่แท้จริงมาให้กับเรา ตรงกันข้าม การซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและการยึดมั่นในความดีต่างหากที่นำสันติมาให้กับเรา



Comments