ข่าวร้อนที่กลบกระแสการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ที่กลายเป็น "ข่าวร้อน" จนทั่วโลกให้ความสนใจเกี่ยวกับพระสันตะปาปาและวาติกันอีกครั้ง ข่าวที่ว่า มี 3 เหตุการณ์ แต่มีความเกี่ยวข้องกันโดยบังเอิญ เพราะทั้งหมดถูกผูกด้วยเรื่อง "ความรักที่มีต่อเพศเดียวกัน"



ข่าวแรก เกิดระหว่างพระสันตะปาปาเยือนสหรัฐอเมริกา เมื่อพระองค์ทรงพบกับ "คิม เดวิส" เจ้าหน้าที่เขตโรแวน รัฐเคนทั๊กกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยถูกจำคุกหลังจากไม่รับจดทะเบียนสมรสให้กลุ่มคนรักเพศเดียวกัน สาเหตุที่ เดวิส ปฏิเสธที่จะจดทะเบียนสมรสให้คนรักเพศเดียวกัน เพราะเธอยึดมั่นในหลักคริสตศาสนา (คิม เดวิส ไม่ได้เป็นคาทอลิก)

การพบกันครั้งนี้ ผู้ประสานงานได้แก่สถานทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา (พระสันตะปาปาไม่ได้เชิญเธอมาพบ แต่สถานทูตเป็นผู้ดำเนินการ)

เดวิส เผยว่า ตนเองวางตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อรู้ว่าจะได้พบกับพระสันตะปาปา ตนยังคุยกับมองซินญอร์ที่ทำงานในสถานทูตวาติกันว่า "ต้องแต่งตัวอย่างไร และต้องวางตัวอย่างไร" แต่เมื่อได้พบกับพระสันตะปาปาแล้ว พระองค์ตรัสกับเธอว่า "ขอให้เข้มแข็งเข้าไว้" พร้อมมอบ "สายประคำ" เป็นที่ระลึกให้กับเธอด้วย

หลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกมา หลายคนมาตีความไปต่างๆ นาๆ แต่จากนั้นไม่นาน วาติกันออกมาแถลงว่า "สมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา ได้เชิญผู้คนมากมายมาเฝ้าพระสันตะปาปา ทุกคนเป็นการเข้าเฝ้าแบบสั้นๆ พระสันตะปาปาทรงต้อนรับทุกคนที่มาพบ แต่การเข้าเฝ้าจริงๆ ที่ใช้เวลาแบบกันเอง มีเพียงแค่ครั้งเดียว โดยพระสันตะปาปาทรงให้ "อดีตนักเรียนของพระองค์มาเข้าเฝ้าพร้อมกับครอบครัวของเขา"

"สำหรับกรณีของ คิม เดวิส พระสันตะปาปาไม่ได้สนทนาเชิงลึกกับเธอ ดังนั้น อย่าไปตีความว่าพระสันตะปาปาทรงสนับสนุนแต่อย่างใด"

........................

ข่าวที่สอง เกิดระหว่างพระสันตะปาปาเยือนสหรัฐอเมริกาเหมือนกัน และก็เกี่ยวข้องกับข่าวแรกที่บอกว่า พระสันตะปาปาทรงให้ "อดีตนักเรียนของพระองค์มาเข้าเฝ้าพร้อมกับครอบครัวของเขา"

อดีตนักเรียนที่ว่า ก็คือ "ยาโก้ กราซซี่" อดีตลูกศิษย์ของพระองค์นั่นเอง โดย กราซซี่ มาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาพร้อมกับคุณแม่และน้องสาว นอกจากนี้ เขายังพา "แฟนหนุ่ม" มาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาด้วย

วาติกัน แถลงเรื่องนี้ว่า "พระสันตะปาปาทรงรักษามิตรภาพส่วนพระองค์กับทุกคน ด้วยจิตใจที่เมตตา เปิดรับทุกคน และพร้อมจะคุยกับทุกคน"

.........................

และข่าวที่สาม อันนี้ชวนช็อกกันทั้งวาติกัน เมื่อ "มองซินญอร์ คริสตอฟ ชารัมซ่า" สงฆ์จากโปแลนด์ วัย 43 ปี ซึ่งทำงานในสมณกระทรวงหลักความเชื่อของสันตะสำนักมาตั้งแต่ค.ศ.2003 ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกลางร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงโรมว่า "ผมเป็นเกย์ ผมเป็นสงฆ์รักเพศเดียวกัน ผมมีความสุขและภูมิใจกับอัตลักษณ์ของตนเอง ผมพร้อมจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไป แต่ในตอนนี้ พระศาสนจักรควรจะเปิดกว้างให้กับเกย์ที่มีความเชื่อต่อพระเจ้า และต้องเข้าใจพวกเขา หาทางออกให้กับพวกเขาทุกคน"

การออกมายอมรับว่าตนเองเป็นสงฆ์เกย์ ยังเป็นที่เข้าใจได้ แต่ที่ทุกคนรับไม่ได้คือ การพาแฟนหนุ่มของตนมางานแถลงข่าวและเปิดเผยความสัมพันธ์ด้วย อันนี้ หลายฝ่ายรับไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นการ "ทำลาย" คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้าเมื่อรับศีลบวชว่า "จะครองโสดและถือความบริสุทธิ์" นั่นเอง

วาติกันออกมาแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่า "มองซินญอร์ คริสตอฟ ชารัมซ่า ได้พ้นสภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ในสมณกระทรวงหลักความเชื่อแล้ว ส่วนสถานะความเป็นสงฆ์ เป็นหน้าที่ของสังฆมณฑลที่บวช ต้องเป็นผู้ดำเนินการตัดสินใจต่อไปว่าจะจัดการอย่างไร

"วาติกันเคารพสิทธิส่วนบุคคลและสิ่งที่เขาทำ แต่ว่า การออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ก่อนการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว (จัดวันถัดไป) ถือเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบอย่างมาก เพราะเป็นการออกมากสร้างความกดดันให้กับการประชุมสมัชชาพระสังฆราช ผ่านสื่อมวลชน"

Comments