Must Read! บทสัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบินจากอเมริกากลับอิตาลี

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระองค์ไม่ใช่ "ซูเปอร์สตาร์" แต่ตำแหน่งของพระสันตะปาปาคือ "ผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ของพระเจ้า" ทรงยอมรับ เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ครอบครัวผู้ถูกสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ จะเลิกเป็นคาทอลิกและไม่ให้อภัยพระศาสนจักร ทรงชี้ การสร้างกำแพงสกัดผู้ลี้ภัยในยุโรปไม่ใช่ทางออกของปัญหา แต่มันจะสร้างความเกลียดชังให้เพิ่มขึ้น ทรงยืนยัน การหย่าร้างแบบคาทอลิกไม่มีอยู่จริง หลังหลายคนเข้าใจผิดเรื่องการลดขั้นตอนขอโมฆกรรมการแต่งงาน ทรงแบ่งปัน ตอนอยู่อาร์เจนตินา ได้สั่งพระสงฆ์ ห้ามทำมิสซาแต่งงานให้กับคู่สมรสที่เกิดกรณี "ท้องก่อนแต่ง แล้วบังคับผู้หญิงว่าต้องแต่งงาน เพื่อปกปิดสถานการณ์แบบนี้" เพราะนี่คือการขาด "วุฒิภาวะทางอารมณ์และยังไม่เข้าใจการอุทิศตนตลอดชีวิตให้กันและกัน ทรงกล่าวซ้ำ ยินดีมากถ้าจะได้ไปเยือน "ประเทศจีน" ทรงประกาศชัด "จะไม่มีพระสงฆ์สตรี ในพระศาสนจักรคาทอลิกอย่างแน่นอน"




ระหว่างเที่ยวบินกลับจากเมืองฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลี สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประทานการสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จเยือนคิวบาและสหรัฐอเมริกา ในประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้

นักข่าว: สิ่งใดที่สร้างความประหลาดใจให้พระองค์เกี่ยวกับอเมริกา สิ่งใดคือความแตกต่างไปจากที่พระองค์เคยจินตนาการไว้ และสิ่งใดคือความท้าทายที่พระศาสนจักรต้องเผชิญในอเมริกา

พระสันตะปาปา: นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อมาอเมริกา พ่อไม่เคยไปเยือนอเมริกามาก่อน พ่อประหลาดใจกับความอบอุ่นและมิตรภาพที่ได้รับ ... ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่มีการยั่วยุ การกล่าวร้าย และไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น ส่วนความท้าทายก็คือเราต้องสานต่องานทั้งในเวลาชื่นชมยินดีและยากลำบาก ที่ใดที่ไม่มีงาน ที่นั่นก็เจ็บป่วย ความท้าทายของพระศาสนจักรคือต้องออกไปใกล้ชิดกับชาวอเมริกัน อย่ากีดกันพวกเขา แต่จงไปใกล้ชิดพวกเขา

นักข่าว: หลายคนประหลาดใจกับพระดำรัสที่พระองค์ตรัสกับบรรดาพระสังฆราชที่วอชิงตัน ดีซี พระองค์พูดถึงการปลอบโยนต่อพระศาสนจักร ทำไมพระองค์ต้องแสดงความเห็นใจต่อบรรดาพระสังฆราชด้วยล่ะ

พระสันตะปาปา: พ่อรู้สึกว่ามันจำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจพวกเขา เรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นและพระสังฆราชหลายคนต้องทนทุกข์ เพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องมาก่อน เมื่อผลมันออกมาแบบนั้น พวกเขาต้องทุกข์ระทมอย่างมาก พวกเขาคือบุรุษของพระศาสนจักร บุรุษแห่งการภาวนาและเป็นผู้อภิบาลที่แท้จริง ... เมื่อพระสงฆ์คนหนึ่งก่อคดีล่วงละเมิด มันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะกระแสเรียกของพระสงฆ์คือการพาเด็กๆ ไปหาความรักของพระเจ้า เพื่อที่เขาจะได้เติบโตเป็นคนดี แต่แล้ว พระสงฆ์กับถูกความชั่วร้ายบดขยี้จนละเอียด เขาทรยศกระแสเรียกของพระเจ้า คนในพระศาสนจักรที่ปกปิดเรื่องล่วงละเมิดทางเพศจัดว่ามีความผิด ไม่เว้นตัวพระสังฆราชเองก็ตาม มันเป็นเรื่องเลวร้ายมาก สิ่งที่พ่อพูดปลอบโยนพระสังฆราช พ่อไม่ได้พูดว่า 'อย่ากังวลไปเลย ไม่มีอะไรหรอก' พ่อไม่ได้พูดแบบนั้น แต่พ่อพูดว่า 'นี่คือสิ่งเลวร้าย พ่อจินตนาการว่าท่านต้องร่ำไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้น'

นักข่าว: พระองค์ได้ตรัสขอโทษต่อคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ แต่มันยังมีพระสงฆ์อีกมากที่ไม่ขอโทษต่อการล่วงละเมิดทางเพศ พระองค์ให้อภัยพวกเขาไหม พระองค์คิดอย่างไรกับครอบครัวที่ไม่พร้อมจะยกโทษให้พระสงฆ์เหล่านี้

พระสันตะปาปา: เมื่อคนๆ หนึ่งทำความชั่ว พวกเขารู้ว่าตนเองทำอะไรลงไป แต่ไม่ขอโทษ(ต่อสิ่งที่ทำ) พ่อวิงวอนขอพระเจ้าโปรดพิจารณาเขาด้วย พ่อยกโทษให้เขาคนนั้น แต่เขาจะไม่ได้รับการยกโทษเพราะเขาปิดตัวเอง เราทุกคนมีหน้าที่ให้อภัย เพราะเราได้รับการให้อภัยเช่นกัน ... ถ้าพระสงฆ์คนนั้นปิดตัวเอง เขาจะไม่ได้รับการให้อภัย เพราะประตูมันปิดจากข้างใน สิ่งที่เราทำได้คือสวดขอพระเจ้าโปรดเปิดประตูนี้ ... พ่อเข้าใจได้ว่าทำไมครอบครัวของผู้ถูกล่วงละเมิดไม่สามารถยกโทษให้เรื่องแบบนี้ พ่อสวดให้พวกเขา พ่อไม่ตัดสินเขา พ่อเข้าใจเขา ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งบอกพ่อว่า 'เมื่อแม่ของดิฉันรู้ว่า ตัวดิฉันถูกสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ แม่ของดิฉันได้ด่าพระเจ้า ท่านเสียความเชื่อและกลายเป็นคนไม่นับถือศาสนา' พ่อเข้าใจคุณแม่ของหญิงคนนี้ และพระเจ้าผู้ทรงความดีก็เข้าใจเธอเช่นกัน พ่อมั่นใจว่า พระเจ้าทรงโอบกอดคุณแม่ของผู้หญิงคนนี้ เพราะมันเป็นร่างกายของลูกสาวตัวเองที่ถูกกระทำชำเรา พ่อไม่ตัดสินใครก็ตามที่ไม่สามารถยกโทษให้เรื่องแบบนี้ แต่พระเจ้าทรงความดีที่สุดในการหาทางให้อภัย

นักข่าว: พระองค์รู้สึกอย่างไร เมื่อเครื่องบินได้บินออกจากประเทศที่พระองค์มาเยือน

พระสันตะปาปา: ด้วยความสัตย์จริง เมื่อเครื่องยินออกจากประเทศที่พ่อมาเยือน พ่อได้เห็นใบหน้าของประชาชนที่ผ่านหน้าพ่อไป พ่อรู้สึกถึงการวอนขอคำภาวนาเพื่อพวกเขา พ่อทูลพระเจ้าว่า 'ลูกมาที่นี่เพื่อทำบางสิ่ง มาเพื่อทำความดี บางที ลูกได้ทำผิดไป ขอพระเจ้ายกโทษให้ลูกด้วย ขอพระองค์โปรดปกป้องประชาชนที่มองมาที่ลูก รวมทั้งปกป้องคนที่ได้ยินเสียงของลูก และปกป้องแม้กระทั่งคนที่วิจารณ์ลูกด้วย

นักข่าว: ประเด็นวิกฤติผู้ลี้ภัยในยุโรป หลายประเทศกำลังสร้างกำแพงสกัดกั้นผู้ลี้ภัย พระองค์คิดอย่างไรกับเรื่องนี้

พระสันตะปาปา: ท่านระบุว่ามันเป็น 'วิกฤติ' มันมาถึงขั้นวิกฤติหลังจากมันดำเนินระยะเวลามายาวนาน มันเกิดจากสงครามที่ผู้คนต้องหนีและลี้ภัยมานานเป็นปี มันคือความอดอยากที่กินเวลานานเป็นปี ... ท่านถามพ่อเกี่ยวกับสิ่งกีดขวาง อาทิ กำแพง มันพังทลายลงได้ วันนี้ พรุ่งนี้ หรืออีก 100 ปี มันก็พังลง มันไม่ใช่ทางออกของปัญหาเลย ตอนนี้ ยุโรปพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภาวะยากลำบาก นี่คือเรื่องจริง การหาทางออกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเสวนาระหว่างชาติต่างๆ จะนำพาไปสู่ทางออกของปัญหา กำแพงไม่เคยเป็นทางออกของปัญหาเลย สะพานต่างหากคือคำตอบอยู่เสมอ กำแพงมีแต่ทำให้ปัญหาดำรงอยู่และยิ่งทวีความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น

นักข่าว: ว่าด้วย สมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก (เรื่องครอบครัว) พวกเราอยากรู้สิ่งที่อยู่ในใจของพระองค์ในฐานะผู้อภิบาล พระองค์ต้องการให้มีทางออกสำหรับคาทอลิกที่หย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ นอกจากนี้ ยังทรงประกาศสมณกฤษฎีกาการลดขั้นตอนการยื่นเรื่องโมฆกรรมการแต่งงาน พระองค์จะตอบคำถามคนที่กลัวเรื่องการปฏิรูปเรื่องพวกนี้อย่างไร มันทำให้เกิดการหย่าร้างแบบคาทอลิกโดยพฤตินัยหรือเปล่า

พระสันตะปาปา: คนที่คิดว่าการทำเรื่องนี้เท่ากับการหย่าร้างแบบคาทอลิก ก็คิดผิดแล้วล่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นการช่วยให้การดำเนินธุรการเป็นไปได้ง่ายมากกว่า มันเป็นการปิดประตูใส่การหย่าร้างอยู่แล้ว มันยังมีขั้นตอนตามกฏหมายพระศาสนจักรอีก การประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกเมื่อปีที่แล้ว ก็มีการยกประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะบางกรณีมันใช้เวลาเดินเรื่องเป็น 10 ปีหรือนานกว่านั้นอีก มันเหมือนการจำคุกเลยทีเดียว เพราะต้องอุทธรณ์แล้วอุทธรณ์อีก มันไม่จบไม่สิ้น! ... มีกรณีในกรุงบัวโรสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา มีพิธีแต่งงานเมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์ก่อนแต่ง เธอถูกบอกว่า 'เธอต้องแต่งแล้วล่ะ' พ่อบอกกับพระสงฆ์อย่างจริงจังเลยว่า ห้ามทำพิธีภายใต้เงื่อนไขนี้เด็ดขาด พวกเราเรียกกรณีแบบนี้ว่า 'การแต่งงานแบบรวบรัด' (Speedy Wedding) ชายและหญิงมาแค่ปรากฏตัว และเด็กที่เกิดมาก็ไม่มีเสรีภาพที่แท้จริง บางกรณีเลวร้ายลงไปอีก พวกเขาหย่าร้างกันและออกมาพูดว่า 'ฉันถูกบังคับให้แต่งงาน เพราะเราอยากปกปิดสถานการณ์นี้' และนี่คือเหตุผลสำหรับการขอทำโมฆกรรมการแต่งงาน ... อีกปัญหาคือการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สำหรับการแต่งงาน ประเด็นคือความเชื่อ ท่านเชื่อในศีลสมรสว่าเป็นนิรันดร์หรือไม่ ดูอย่างการจะเป็นพระสงฆ์ เรายังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ปีในการเตรียมตัวเลย แต่กับการอุทิศตนทั้งชีวิตผ่านทางการแต่งงาน มันใช้เวลาอบรมแค่ 4 ช่วงเอง! ... กระนั้น พ่ออยากให้รู้ว่า 'การหย่าร้างแบบคาทอลิก' ไม่มีอยู่จริง!

นักข่าว: พระองค์ไปเยี่ยมซิสเตอร์คณะธิดาน้อยแห่งผู้ยากไร้ (Little Sisters of the Poor - คณะนี้กำลังมีปัญหากับรัฐบาลอเมริกันในเรื่องนโยบายประกันสุขภาพ) พระองค์ต้องการแสดงออกว่าสนับสนุนพวกเธอ แต่เวลาเดียวกัน พระองค์ก็สนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งบอกว่าตนไม่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกอันดี ในประเด็นเกี่ยวกับการออกกฏหมายการแต่งงานของเพศเดียวกัน

พระสันตะปาปา: พ่อไม่ขอระบุแบบเป็นเรื่องๆ เกี่ยวกับประเด็นมโนธรรม แต่สิ่งที่พ่อจะพูดคือการปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายที่ขัดต่อมโนธรรมถือเป็นสิทธิมนุษยชน ถ้าคนๆ หนึ่งไม่ยินยอมให้คนอื่นเป็นผู้คัดค้านโดยยึดถือมโนธรรม เขาก็ปฏิเสธสิทธิมนุษยชน ... การปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายที่ขัดต่อมโนธรรมคือสิทธิ ถ้าเราต้องการสร้างสันติ เราต้องเคารพสิทธิทุกรูปแบบ

นักข่าว: ที่สหประชาชาติ พระองค์ใช้ภาษาที่แรงมากในการประณามโลกที่เงียบเฉยต่อเหตุเข่นฆ่าคริสตชน ตอนนี้ ฟร็องซัวส์ ออลล็องด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเริ่มเปิดฉากโจมตีกลุ่มไอซิสในซีเรีย พระองค์คิดอย่างไรกับเรื่องนี้

พระสันตะปาปา: พ่อได้ยินเรื่องนี้มา 2-3 วัน แต่พ่อยังตามข่าวไม่ทัน แต่เมื่อพ่อได้ยินคำว่า 'ระเบิด, ความตาย, เลือด' พ่อจะขอพูดซ้ำตามที่กล่าวในรัฐสภาสหรัฐว่า สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น  แต่พ่อไม่สามารถตัดสินสถานการณ์ทางการเมืองได้ เพราะพ่อไม่รู้เรื่องดีพอ

นักข่าว: ความสัมพันธ์ระหว่างสันตะสำนักกับจีนเป็นอย่างไรบ้าง พระองค์จะทำอย่างไรต่อไป

พระสันตะปาปา: จีนเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่และมอบวัฒนธรรมยิ่งใหญ่ให้กับโลก เช่นเดียวกับสิ่งดีมากมาย ครั้งหนึ่ง พ่อเคยพูดตอนอยู่บนเครื่องบินจากเกาหลีที่บินผ่านเมืองจีนว่า พ่ออยากไปประเทศจีนมากๆ พ่อรักคนจีนและพ่อหวังว่า จะมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น พวกเราติดต่อกัน คุยกัน เรากำลังเดินไปข้างหน้า แต่สำหรับพ่อ การเยือนประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างจีน ถือเป็นความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง

นักข่าว: เรามีโอกาสจะได้เห็น "สงฆ์เป็นผู้หญิง" ในพระศาสนจักรคาทอลิกบ้างไหม เหมือนอย่างที่เห็นในศาสนจักรอื่นๆ

พระสันตะปาปา: ซิสเตอร์ในอเมริกาทำงานได้ดีมากๆ ทั้งการศึกษาและดูแลผู้ป่วย ชาวอเมริกันรักซิสเตอร์มากๆ พ่อไม่รู้ว่าพวกเขาจะรักพระสงฆ์มากแค่ไหน (หัวเราะ) แต่ที่แน่ๆ คนอเมริกันรักซิสเตอร์มากๆ ... กลับมาที่คำถามของท่าน พ่อตอบเลยว่า 'ไม่มีทางเป็นไปได้' นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 เคยพูดไว้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่าผู้หญิงไม่มีความสามารถ ในพระศาสนจักร ผู้หญิงมีความสำคัญมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ แม่พระก็มีความสำคัญมากกว่าพระสันตะปาปาและพระสงฆ์ด้วย เพราะพระศาสนจักรเองก็เป็นสตรีเพศ (ภาษาอังกฤษคือ She, อิตาเลี่ยนคือ La Chiesa) พระศาสนจักรคือเจ้าสาวของพระเยซูคริสต์

นักข่าว: การเยือนอเมริกาของพระองค์ประสบความสำเร็จมากๆ พระองค์รู้สึกทรงอำนาจไหม หลังจากทุกสายตาจ้องมาที่พระองค์

พระสันตะปาปา: พ่อไม่รู้ว่ามันประสบความสำเร็จหรือไม่ ส่วนอำนาจเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน มาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไป มันสำคัญกว่านี้ถ้าคุณทำความดีด้วยอำนาจที่มี พระเยซูทรงนิยามอำนาจไว้ว่า มีเพื่อรับใช้ รับใช้บนหนทางที่สุภาพอ่อนน้อมที่สุด และพ่อยังต้องดำเนินการนี้ต่อไป

นักข่าว: คำถามสุดท้าย พระองค์ได้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว มันดีต่อพระศาสนจักรหรือไม่ที่พระสันตะปาปากลายเป็นซูเปอร์สตาร์

พระสันตะปาปา: คุณรู้หรือเปล่าว่าตำแหน่งของพระสันตะปาปาคืออะไร มันคือผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ของพระเจ้านะ! มันดูแตกต่างพอสมควรกับซูเปอร์สตาร์ เพราะสตาร์ (ดาว) คือสิ่งงดงามที่ชวนมอง พ่อชอบดูดาวในเวลาท้องฟ้าเปิดยามฤุดูร้อน แต่พระสันตะปาปาต้องเป็นผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ของพระเจ้า มันยังมีความจริงอีกข้อ นั่นคือ ดวงดาวที่เราเห็นนั้นมีขึ้นมีลง มันไม่ยั่งยืน แต่การเป็นผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ของพระเจ้าคือบางสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องชั่วครั้งชั่วคราว



Comments