โป๊ปฟรังซิส: "มันยากที่จะพูดอย่างจริงใจว่าเราเป็นคนบาป หลายคนจึงพูดนินทากันแทน"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ คาทอลิกหลายคนประกาศว่าพระเยซูคือพระเจ้า แต่ไม่กล้าประกาศอย่างสำนึกใจจริงว่า "เราเป็นคนบาป" เหมือนที่นักบุญเปโตรทำให้เห็น ตรงกันข้าม แทนที่จะพูดว่าตนเป็นคนบาป เราดันไปพูดนินทาให้ร้ายกันแทนเหมือนพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ สิ่งนี้คือความแตกต่างระหว่างการประกาศว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าที่นักบุญเปโตรทำให้เห็นกับพวกฟาริสีทำให้เห็นนั่นเอง



มิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปันพระวรสารซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ซีโมนเปโตรพยายามจับปลาทั้งคืนแต่จับไม่ได้เลย พระเยซูจึงสั่งให้เขาแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลา เมื่อทำดังนี้ พวกเขาก็จับปลาได้จำนวนมากจนอวนเกือบขาด จากนั้น ซีโมนเปโตรทูลพระเยซูว่า "โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป" เพราะเขาและคนอื่นๆ ต่างประหลาดใจที่จับปลาได้มากเช่นนั้น

พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า "วิธีที่เราจะพบกับพระเยซูมีอยู่ 2 ทาง วิธีแรกคือแบบนักบุญเปโตรและคนอื่นๆ (ยาก็อบและจอห์น) พวกเขาต่างประหลาดใจ มันเป็นความอัศจรรย์ใจและประหลาดใจที่จับจิตใจของพวกเขา พวกเขาฟังพระเยซูและรู้ว่าพระองค์ทรงพูดด้วยอำนาจอันชอบธรรม

"วิธีที่สองคือทำแบบพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ เวลาคนพวกนี้ฟังพระเยซู เขาจะคำนวณส่วนได้ส่วนเสีย เขาอาจคิดว่า 'ใช่ พระเยซูทรงอัจฉริยภาพ พระเยซูพูดความจริง แต่เราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พระองค์พูด' พวกเขาคำนวณแล้วว่าไม่คุ้ม และถอยตัวออกห่างจากพระองค์

"ปีศาจก็ยืนยันกับพระเยซูว่า 'พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า' แต่มันก็เหมือนกับบรรดาธรรมาจารย์และฟาริสีนั่นแหละ คนพวกนี้ไร้ความสามารถต่อความอัศจรรย์ใจ พวกเขาปิดตัวเองอยู่ในความทนงตน แต่นักบุญเปโตรตระหนักว่าพระเยซูคือพระเมสซิยาห์ และประกาศตนว่าตัวเองเป็นคนบาป สิ่งนี้ต่างกับปีศาจที่พูดว่าพระเยซูคือพระเจ้า แต่ไม่พูดว่าตัวเองเป็นคนบาปเลย เพราะอะไร ก็เพราะความหยิ่งผยองมันกีดกันไม่ให้มันทำอย่างนั้นไง

"ในสังคมของเรา หรือแม้แต่ในสังคมพระสงฆ์และนักบวช มีกี่คนกันที่มีความสามารถในการประกาศว่าพระเยซูคือพระเจ้า อันนี้ มีหลายคนประกาศอยู่แล้ว! แต่มันยากนะที่จะกล้าประกาศอย่างจริงใจว่า 'เราเป็นคนบาป' มันง่ายกว่าที่จะพูดเรื่องอื่น อาทิ การนินทา หากเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เป็นเหมือนพวกธรรมาจารย์ใช่หรือไม่" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย

Read More: Vatican Radio


Comments