บทสัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบินกลับจากอเมริกาใต้ไปยังกรุงโรม

ปิดท้ายทริปพระสันตะปาปาเยือนอเมริกาใต้ด้วยบทสัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบิน ในความเป็นจริงแล้ว มีหลากหลายประเด็น แต่ขอคัดมาแบบเน้นๆ เพื่อให้ทุกคนได้ติดตามแบบไม่ยืดยาวเลยนะครับ



นักข่าว: ทำไมพระสันตะปาปาไม่แต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่จากปารากวัยบ้างครับ 

พระสันตะปาปา: "การที่ปารากวัยไม่มีพระคาร์ดินัล ไม่ได้หมายความว่าเป็นบาปนะ เพราะหลายประเทศในโลกก็ไม่มีพระคาร์ดินัล จริงอยู่ มันเป็นเรื่องจริงที่ปารากวัยยังไม่เคยมีพระคาร์ดินัลเลยแม้แต่คนเดียว แต่พ่อไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้พวกท่านได้ในตอนนี้ บางครั้ง การแต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่ ต้องได้รับการศึกษาแบบรายบุคคลไป เพราะพระคาร์ดินัลจะต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับพระสันตะปาปาในการบริหารปกครองพระศาสนจักรสากล กระนั้น มันไม่ได้หมายความว่า ไม่มีพระสังฆราชชาวปารากวัยคนไหนที่ไม่มีความสามารถตรงนี้ หลายคนอาจแย้งพ่อว่า โบลิเวียมีพระคาร์ดินัล 2 ท่านนะ ส่วนอุรุกวัยก็มี 2 ท่านเหมือนกัน แต่อย่าลืมว่า หลายประเทศในอเมริกาใต้ก็ไม่มีพระคาร์ดินัล ดังนั้น พ่ออยากให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า นี่ไม่ใช่บาป แต่มันขึ้นกับสถานการณ์มากกว่า และก็ไม่ได้หมายความว่า พระสังฆราชชาวปารากวัยไม่มีศักยภาพแต่อย่างใด หากดูจากประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรคาทอลิกในปารากวัย พ่อบอกได้เลยว่า พวกท่านไม่ควรมีพระคาร์ดินัลแค่หนึ่งท่านเท่านั้น แต่ควรมีถึงสองท่านเลย เพราะพระศาสนจักรคาทอลิกปารากวัยมีชีวิตชีวามากๆ"

นักข่าว: ที่โบลิเวีย พระองค์ได้เข้าร่วมและตรัสในการประชุมของกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางสังคม พระองค์ตรัสถึงลัทธิล่าอาณานิคมรูปแบบใหม่ที่พยายามทำให้ผู้คนในดินแดนนั้นๆ ตกเป็นทาสความคิดของตน พระองค์ยังตรัสถึงพวกที่บูชาเงินเป็นพระเจ้า และกล่าวถึงนโยบายรัดเข็มขัดที่บีบบังคับคนยากจนให้ขัดสนยิ่งขึ้นไปอีก ตัวอย่างชัดๆ ก็คือกรีซที่เสี่ยงต่อการหลุดออกจากยูโรโซน พระองค์ทรงมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องพวกนี้

พระสันตะปาปา: "จริงๆ แล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่พ่อเข้าร่วมการประชุมกับกลุ่มนี้ ครั้งแรกเกิดที่วาติกัน ตอนนั้นจัดโดยสมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ พ่อสนใจการประชุมของกลุ่มนี้เพราะปรากฏการณ์ทั้งหมด (การล่าอาณานิคมแบบใหม่และการบูชาเงินเป็นพระเจ้า) ได้ลุกลามไปทั่วโลกก็ว่าได้ แม้แต่ในโลกตะวันออกอย่างฟิลิปปินส์ อินเดีย และประเทศไทย กลุ่มนักเคลื่อนไหวไม่ได้มารวมตัวประท้วงอย่างเดียว แต่พวกเขายังผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย สมาชิกของกลุ่มนี้ไม่ได้สังกัดพวกสหภาพแรงงานต่างๆ เพราะเขามองว่า การสังกัดสหภาพไม่ได้สู้เพื่อสิทธิของผู้ยากไร้อย่างแท้จริง แต่สู้เพื่อความเป็นอยู่ของตนเอง พระศาสนจักรจึงไม่สามารถนิ่งเฉยได้ พระศาสนจักรต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกเขา"

นักข่าว: ในการเยือนอเมริกาใต้ครั้งนี้ พระดำรัสที่ทรงพลังอย่างมากคือการกล่าวว่าระบบเศรษฐกิจยุคปัจจุบันให้กำไรเป็นศูนย์กลางเหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ทราบไหมว่า สหรัฐอเมริกามองว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสคือการวิจารณ์แนวทางการดำเนินชีวิตของพวกเขา

พระสันตะปาปา: "สิ่งที่พ่อพูด ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย พ่อพูดชัดมากว่า "ระบบเศรษฐกิจฆ่าคน" พูดแบบนี้ทั้งในสมณสาส์นความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสารและสมณสาส์นจงสรรเสริญ พ่อได้ยินว่ามีคำวิจารณ์จากอเมริกากลับมาที่ตัวพ่อเอง พ่อยังไม่มีเวลาไปศึกษาสิ่งที่พวกเขาวิจารณ์ แต่ทุกคำวิจารณ์พ่อขอรับไว้ เพื่อตรวจสอบสิ่งที่พ่อกล่าวไป และจะได้กลับไปเสวนากับพวกเขา พวกคุณถามพ่อว่า พ่อคิดอย่างไรกับคำวิจารณ์เหล่านี้ พ่อยังไม่ได้เสวนากับคนที่วิจารณ์พ่อ ดังนั้น คงไม่ถูกนักที่พ่อจะกล่าวอะไรออกไปในตอนนี้ แต่การที่พ่อกำลังจะไปเยือนอเมริกา พ่อจำเป็นต้องศึกษาสิ่งที่เขาวิจารณ์และศึกษาระบบเศรษฐกิจให้ถ่องแท้อย่างแน่นอน"

นักข่าว: รู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับมอบ ไม้กางเขนค้อนเคียว จากประธานาธิบดีโบลิเวีย

พระสันตะปาปา: พ่ออยากรู้ที่มาที่ไปของไม้กางเขน พ่อไม่รู้มาก่อนว่า คุณพ่อเอสปิน่า (ผู้ออกแบบกางเขนนี้) เป็นนักศิลป์และกวี พ่อได้รู้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พ่อเห็นและประหลาดใจมาก กางเขนนี้สามารถจัดให้เป็นหนึ่งในรูปแบบของศิลปะของการประท้วง (PROTEST ART) ในอาร์เจนตินา ก็มีศิลปะประเภทนี้อยู่เหมือนกัน เป็นรูปพระเยซูบนไม้กางเขนติดอยู่กับระเบิดที่ล่วงลงมา มีคำวิจารณ์ว่านี่มันคือการต่อต้านศาสนาคริสต์ชัดๆ แต่พ่ออยากจัดว่าเป็นศิลปะการประท้วง

"บางกรณี ศิลปะแบบนี้ถูกมองว่าเป็นการก้าวร้าว ยิ่งในกรณีของคุณพ่อเอสปิน่า ช่วงเวลานั้น เทวศาสตร์แห่งการปลดปล่อยแตกเป็นหลายสาขามากๆ หนึ่งในนั้นคือสาขาที่วิเคราะห์ความจริงของลัทธิมาร์กซิสต์ และคุณพ่อเอสปิน่าก็แบ่งปันเรื่องนี้ พ่อทราบเรื่องนี้ดี เพราะตอนนั้นพ่อเป็นคณบดีของคณะเทวศาสตร์ พวกเราหารือเรื่องนี้กันอย่างมาก

"ในปีเดียวกัน คุณพ่ออาร์รูเป้ อธิการเยสุอิต ส่งจดหมายไปหาสมาชิกเยสุอิตทุกคน เพื่อขอร้องให้หยุดการวิเคราะห์ความจริงของลัทธิมาร์กซิสต์ และ 4 ปีต่อมา สมณกระทรวงหลักความเชื่อได้ตีพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่พวกเราในอเมริกาใต้ เราทราบกันดีว่า คุณพ่อเอสปิน่า เป็นคนที่กระตือรือร้นเกี่ยวกับการวิเคราะห์เรื่องมาร์กซิสต์ ท่านสร้างผลงานไว้มาก

"เอาล่ะ ขอให้ทุกคนตีความตามนี้ พ่อเข้าใจเรื่องราวของไม้กางเขนนี้แล้วและไม่คิดว่ามันจะก้าวร้าวตรงไหน พ่อถือไม้กางเขนนี้ไปด้วย แต่พ่อนำสร้อยที่ประธานาธิบดีให้มา ถวายไว้กับแม่พระแห่งโกปากาบานา พ่อไม่เคยรับเครื่องประดับเหล่านี้ แต่ โมราเลส ให้พ่อด้วยความตั้งใจดี ส่วนไม้กางเขนนั้น พ่อนำติดตัวมาด้วย"

นักข่าว: การเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอเมริกากับคิวบาเป็นไปด้วยดี พระองค์ทรงทำได้อย่างไรเพื่อให้สองชาตินี้กลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กันอีกครั้ง

พระสันตะปาปา: "พระเจ้าทรงทำให้พ่อนึกถึงพระคาร์ดินัลองค์หนึ่ง พ่อส่งท่านผู้นี้ไปเป็นคนกลางและเชิญทั้งสองชาติมาเจรจาร่วมกัน จากนั้น ข่าวความคืบหน้าของการเจรจานี้เงียบหายไป 3 เดือน แต่แล้ววันหนึ่ง สำนักเลขาธิการนครรัฐวาติกันแจ้งพ่อว่า 'เรากำลังจะมีการประชุมครั้งที่สองกับทางอเมริกาและคิวบา' พ่องงมากและถามกลับไปว่า 'มันเกิดขึ้นได้อย่างไร' แต่นี่แหละคือความตั้งใจดีของทั้งอเมริกาและคิวบา ผลของการเจรจานี้ก็ตอบทุกอย่างแล้ว

นักข่าว: พระสันตะปาปามีพลังลึกลับอะไรหรือไม่ เพราะพระองค์ดูไม่มีวี่แววว่าจะหมดแรงเลยตลอดการเยือนอเมริกาใต้ (ก่อนการเดินทาง มีกระแสข่าวว่า ชาวโบลิเวียจะให้พระสันตะปาปาเสวยกัญชา เพราะจะช่วยรักษาอาการปวดหัวจากการอยู่บนที่ราบสูงของภูมิประเทศโบลิเวีย ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากสุดในโลก ผลที่ตามมาคืออากาศจะเบาบางมาก หายใจลำบาก ชาวพื้นเมืองโบลิเวียจึงกินกัญชาเพื่อรักษาอาการนี้)

พระสันตะปาปา: "พ่อรู้นะว่าคุณจะถามอะไร คำถามของคุณคือ 'พระสันตะปาปากินยาเพิ่มพลังตัวไหนใช่หรือเปล่า' (ทุกคนหัวเราะชอบใจ) ไม่หรอก พ่อขอเคลียร์แบบชัดๆ เลยว่า พ่อไม่ได้ลองกัญชาแต่อย่างใด พ่อกิน 'มาเต้' ซึ่งเป็นชาสุขภาพที่ชาวอาร์เจนไตน์ชอบดื่มกันต่างหาก หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตรงกันนะ!

นักข่าว: ทริปนี้ เราได้ยินแต่พระองค์พูดถึงคนยากจน และบางทีก็กล่าวถึงคนรวยและคนที่ใช้อำนาจต่างๆ ในทางที่ผิด เรายังไม่ได้ยินพระองค์พูดถึง "ชนชั้นกลาง" บ้างเลย พระองค์มีอะไรจะกล่าวกับชนชั้นกลางบ้างไหม

พระสันตะปาปา: "ขอบคุณมากสำหรับคำถามนี้ คุณพูดถูก นี่คือความผิดพลาดของพ่อที่ไม่ได้กล่าวถึงพวกเขา ชนชั้นกลางกำลังถูกบีบช่องว่างจากคนจนและคนรวย นี่คือความจริง แต่ทำไมพ่อต้องพูดถึงคนยากจนบ่อยๆ เพราะนี่คือหัวใจของพระวรสาร ส่วนชนชั้นกลาง คนธรรมดาทั่วไปที่เปี่ยมด้วยคุณค่า พ่อจะขอพูดถึงพวกเขาอย่างแน่นอน ขอบคุณที่คุณช่วยย้ำประเด็นนี้นะ

นักข่าว: คำถามสุดท้าย พระองค์คิดอย่างไรเกี่ยวกับการที่ทุกคนเข้ามาขอ "เซลฟี่" กับพระองค์

พระสันตะปาปา: "สนุกดี มันเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งก็ว่าได้ พ่อเป็นเหมือนคุณปู่ที่มีแต่เด็กๆ เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย วันนี้ก็เช่นกัน ตำรวจอายุประมาณ 40 ปีที่สนามบินเข้ามาขอเซลฟี่กับพ่อ พ่อตอบเขาไปว่า 'คุณเป็นเยาวชนด้วยนะเนี่ย' โดยรวมแล้ว พ่อเคารพวัฒนธรรมนี้นะ"


Comments