ตามโป๊ปฟรังซิสไปอเมริกาใต้ ตอนป้ายสอง "โบลิเวีย"

หลังจากพระสันตะปาปาทรงเสร็จสิ้นการเยือนเอกวาดอร์และประทับเครื่องบินมุ่งหน้ามายัง “ลา ปาซ” เมืองหลวงของโบลิเวีย Pope Report ก็จะขอนำทุกท่านเจาะลึกการเยือนที่เกิดขึ้นในประเทศนี้แบบเจาะลึก เพราะอย่างที่ทราบดีว่า การเยือนโบลิเวีย มีประเด็นน่าสนใจที่ดังไปทั่วโลก นั่นคือ การที่ “อีโว โมราเลส” ประธานาธิบดีโบลิเวีย ได้ถวายไม้กางเขนรูปค้อนเคียว สัญลักษณ์ของคอมมิวนิสต์ ให้กับพระสันตะปาปานั่นเอง



ก่อนจะลงเล่าเรื่องเชิงลึก ขออธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า หนึ่งในไฮไลท์ที่พระสันตะปาปามาเยือนโบลิเวียก็คือการมาภาวนา ณ จุดที่ “คุณพ่อหลุยส์ เอสปิน่อล” ถูกฆ่าตาย คุณพ่อท่านนี้เป็นพระสงฆ์เยสุอิตชาวสเปนที่มาทำงานแพร่ธรรมในโบลิเวีย ท่านมีพรสวรรค์หลายอย่าง อาทิ เป็นนักศิลป์ เป็นนักออกแบบ เป็นนักข่าว เป็นกวี เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ เป็นผู้อภิบาลที่คอยช่วยเหลือบรรดาคนงานเหมืองแร่ และเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน (สู้จนถูกรัฐบาลทหารในยุคนั้นมองว่าเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย)

คุณพ่อเอสปิน่า เป็นที่เคารพยกย่องในสังคมโบลิเวีย ท่านถูกลอบสังหารในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ.1980 สิ่งนี้สร้างความสะเทือนใจสุดๆ ให้กับชาวโบลิเวียเป็นอย่างมาก

ที่ต้องเล่าเรื่องของ “คุณพ่อหลุยส์ เอสปิน่า” ขึ้นมาก่อน เพราะอยากเล่าที่มาที่ไปให้ทุกท่านได้ทราบ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ “ไม้กางเขนค้อนเคียว” ที่ “อีโว โมราเลส” ถวายให้พระสันตะปาปานั่นเอง

โป๊ปไม่ได้ตรัส “ไม่พอใจ” แต่ตรัสว่า “ไม่ทราบที่มาของไม้กางเขนนี้”

วันที่ 8 กรกฏาคม 2015 หลังจากมาถึงโบลิเวีย พระสันตะปาปาเสด็จไปยังทำเนียบประธานาธิบดีโบลิเวีย เพื่อร่วมพิธีต้อนรับจากฝ่ายรัฐบาล ช่วงท้ายของการต้อนรับ อีโว โมราเลส ได้ถวายไม้กางเขนรูปค้อนเคียวแด่พระสันตะปาปา จังหวะนี้เอง กล้องโทรทัศน์ได้จับไปที่ใบหน้าของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงมีสีหน้านิ่งและขรึมขณะที่รับฟังคำอธิบายจากประธานาธิบดีโบลิเวียเกี่ยวกับเรื่องราวของไม้กางเขนนี้

จังหวะนี้ สื่อหลายสำนักได้อ่านปากพระสันตะปาปา เพื่อพยายามจับให้ได้ว่า พระองค์ตอบกลับไปว่าอะไร คำพูดที่ปรากฏในข่าวก็คือ “นี่ไม่ถูกต้อง” (ภาษาสเปน - NO ESTA BIEN ESO) ... เพียงแค่นี้ สำนักข่าวทุกแห่งก็รายงานกันอย่างคึกโครมและกลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก หลายคนพยายามอธิบายและขยายความกันไปต่างๆ นาๆ จนประเด็นนี้เริ่มคุมไม่อยู่

อย่างไรก็ตาม วันต่อมา คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ (เยสุอิต) ผู้อำนวยการศูนย์ข่าววาติกัน แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า “มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ยินพระสันตะปาปาตรัสแบบชัดๆ เพราะพระองค์พูดเบามากและเสียงกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปก็รัวมากๆ

“พ่อมั่นใจว่า พระสันตะปาปาน่าจะพูดว่า ‘พ่อไม่ทราบ’ (ESO NO LO SABIA) มากกว่าจะพูดว่า ‘นี่ไม่ถูกต้อง’ (NO ESTA BIEN ESO) เพราะในจังหวะนั้น อีโว โมราเลส กำลังอธิบายว่า ไม้กางเขนรูปค้อนเคียวนี้ทำขึ้นโดยยึดจากการออกแบบของคุณพ่อหลุยส์ เอสปิน่า พ่อมั่นใจว่า พระสันตะปาปาไม่เคยทราบเรื่องการออกแบบไม้กางเขนรูปค้อนเคียวมาก่อน และพ่อก็มั่นใจว่า พระองค์ตรัสว่า ‘พ่อไม่ทราบ’ มากกว่าตรัสว่า ‘นี่ไม่ถูกต้อง’

“พ่อได้ถามบรรดาเพื่อนนักบวชเยสุอิตในโบลิเวีย หลายคนบอกว่า สาเหตุที่คุณพ่อหลุยส์ เอสปิน่า ออกแบบไม้กางเขนเป็นรูปค้อนเคียว เพราะท่านต้องการให้มีการเสวนากัน มีการพูดกันดีๆ ระหว่างรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในตอนนั้นกับพระศาสนจักรคาทอลิก เพราะยุคนั้น รัฐบาลทหารกดขี่ข่มเหงประชาชนอย่างหนัก รวมถึงเบียดเบียนพระศาสนจักรคาทอลิกด้วย การที่คุณพ่อหลุยส์ เอสปิน่า ออกแบบไม้กางเขนแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าท่านยึดมั่นในคอมมิวนิสต์ และท่านก็ไม่ได้ตีความหมายของมาร์กซิสต์ลงในความเชื่อด้วย”

อนึ่ง คุณพ่อลอมบาร์ดี้ ยังเปิดเผยด้วยว่า พระสันตะปาปาทรงถวายไม้กางเขนค้อนเคียวนี้ ไว้ที่แท่นแม่พระแห่งโกปากาบาน่า ภายในวัดน้อยของบ้านพักพระสังฆราชกิตติคุณในสังฆมณฑลซานตา ครูซ เดลลา เซียร์ร่า พระองค์ไม่ได้นำติดตัวไปแต่อย่างใด

ต้องแยกให้ออกระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมกับส่วนตน

ย้อนกลับมาที่พิธีการแรกหลังจากเสด็จมาถึงโบลิเวีย พระสันตะปาปาเสด็จมาพบปะเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลและคณะผู้บริหารประเทศโบลิเวีย โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงขอร้องให้พระศาสนจักรคาทอลิกในโบลิเวีย คณะรัฐบาล ภาครัฐ ภาคประชาชน รวมไปถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในโบลิเวีย ร่วมมือกันทำงานเพื่อส่งเสริมความดีในสังคม

“หากปราศจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี พวกเราอาจสับสันระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมกับการกินดีอยู่ดีที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตน เฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราสนุกกับการกินดีอยู่ดี ถ้าเรากินอยู่อย่างหรูหรา เราก็มีแนวโน้มที่เราจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวและปกป้องแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เราจะไม่ห่วงใยผู้อื่น แต่ผลประโยชน์ส่วนรวมคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ไม่ใช่สำหรับเราคนเดียว นี่คือการโอบกอดทุกคนไว้ด้วยกัน เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีการแบ่งปันค่านิยมร่วมกัน”

พระเยซูไม่จ้องกำจัดคนที่หมดประโยชน์ออกไปจากสังคม

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฏาคม 2015 พระสันตะปาปาทรงเริ่มพันธกิจแรกด้วยการถวายมิสซาเปิดงานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทนานาชาติครั้งที่ 5 ในโบลิเวีย มิสซานี้ จัดที่ลานพระคริสตเจ้าพระผู้ไถ่ เมืองตาริฮา นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มาร่วมกว่า 36 กลุ่ม

ก่อนเริ่มมิสซา มีเรื่องน่าสนใจมาแบ่งปัน ห้องซาคริสตี (ห้องแต่งตัวพระสงฆ์) ในพิธีนี้ไม่มี เพราะจัดที่ลานขนาดใหญ่ พระสันตะปาปาจึงเข้าไปเปลี่ยนชุดกาซูลาภายในร้าน “เบอร์เกอร์ คิง” (วันดังกล่าว ร้านปิดให้บริการ เพื่อถวายร้านเป็นห้องซาคริสตี)





สำหรับบทเทศน์ พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า “พวกเราที่มาร่วมมิสซาก็เหมือนกับประชาชนที่มาฟังพระเยซูสอนในดินแดนที่อยู่ห่างไกล บ่อยครั้งพวกเราเหนื่อยกับการเดินทาง บ่อยครั้งพวกเราขาดพละกำลังที่จะมีความหวัง เมื่อคนเราขาดความหวัง เราจะตกลงไปในการประจญล่อลวงของความคิดวัตถุนิยมที่คิดว่าทุกอย่างมีราคา ทุกอย่างสามารถซื้อได้ ทุกอย่างต่อรองราคากันได้ นี่คือแนวคิดที่เลือกกำจัดคนที่หมดประโยชน์ออกไปจากสังคม

“แต่พระเยซูไม่ทำแบบนั้น พระเยซูไม่เคยยอมรับตรรกะที่จ้องกำจัดคนหมดประโยชน์ออกจากตัวเอง พระองค์ทรงห่วงใยทุกคน คอยหาอาหารให้พวกเขา ดังนั้น จึงไม่มีใครไปจากพระเยซูหรือถูกทอดทิ้งเวลาที่มาฟังพระองค์เทศน์สอน เราสามารถดูได้จากการทวีขนมปังเพื่อเลี้ยงประชาชนที่มาเฝ้าพระองค์ พระศาสนจักรก็เช่นกัน เรายังคงเดินอยู่บนถนนแห่งธรรมล้ำลึกนี้ เราร่วมกันแบ่งปันชีวิตของพระคริสตเจ้า แบ่งปันความหมายที่ว่า พวกเราต้องไม่กีดกันคนอื่นออกไปจากตัวเรา เราต้องรวมทุกคนเข้าไว้ด้วยกันและแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กัน”

สงฆ์และนักบวชอย่าปิดหูปิดตาต่อเสียงร้องของคนที่ขอความช่วยเหลือ

หลังถวายมิสซาเสร็จแล้ว ช่วงบ่าย พระสันตะปาปาเสด็จไปยังวิทยาลัย ดอน บอสโก เพื่อพบปะบรรดาพระสงฆ์และนักบวชชายหญิงในโบลิเวีย

โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนพวกเขาว่า “พ่อประทับใจพระวรสารตอนที่บาร์ทิเมอุส คนขอทานตาบอดที่นั่งอยู่ริมทางได้ร้องเรียกหาพระเยซู แต่บรรดาศิษย์กลับต่อว่าเขาให้เงียบเสียงลง แต่บาร์เทเมอุสก็ไม่หยุด ตะโกนเรียกพระเยซูดังขึ้นเรื่อยๆ จนพระองค์ได้ยินและเข้ามารักษาเขาให้หาย

“พระวรสารตอนนี้สอนเราให้รู้จักเห็นอกเห็นใจและเป็นทุกข์ไปกับผู้อื่น นี่คือตรรกะที่ศิษย์พระเยซูต้องมีติดตัวเพราะนี่คือสิ่งที่พระจิตทรงสอน เราต้องทำแบบพระเยซูที่ไม่ปิดหูปิดตาต่อเสียงกรีดร้องของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ พระสงฆ์และนักบวชคือประจักษ์พยานความรักของพระเจ้า เราคือประจักษ์พยานแห่งความเมตตาของพระเจ้าและเราต้องเป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งเหล่านี้ในงานที่เราทำอยู่ในสังคม”

การสร้างความยุติธรรมคือบทบัญญัติของคริสตชน

พิธีการสุดท้ายของวันนี้ พระสันตะปาปาเสด็จไปพบปะกับผู้แทนของนักเคลื่อนไหวทางสังคม ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มคนยากไร้และคนที่ถูกทอดทิ้งให้เป็นส่วนเกินของสังคม

พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า “การทำงานเพื่อสร้างความยุติธรรมในสังคมไม่ได้เป็นแค่ความใจบุญเท่านั้น แต่มันคือพันธะทางศีลธรรม สำหรับคริสตชน ความรับผิดชอบนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกเพราะนี่คือบทบัญญัติของพวกเรา มันคือการมอบสิทธิอันชอบธรรมให้กับผู้ยากไร้”

ปีศาจจ้องจะสร้างความแตกแยกและการแบ่งพรรคแบ่งพวก

วันศุกร์ที่ 10 กรกฏาคม 2015 พันธกิจสุดท้ายในโบลิเวียคือการเสด็จไปเยี่ยม “ผู้ต้องขัง” ในเรือนจำซานตา ครูซ ปัลมาโซล่า ซึ่งถูกขนานนามว่า “เป็นหนึ่งในเรือนจำที่น่ากลัวและคุณภาพชีวิตแย่ที่สุดในอเมริกาใต้”




กระนั้น พระสันตะปาปาไม่เคยกลัว พระองค์เสด็จเข้าไปที่นั่นและพูดคุยกับนักโทษทุกคนว่า “พ่อไม่สามารถไปจากโบลิเวียได้ ถ้าหากพ่อยังไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบ แบ่งปันความเชื่อและความหวังกับท่านทุกคน ขอบคุณที่ท่านให้การต้อนรับพ่ออย่างอบอุ่น

“พ่อขอให้ทุกคนอย่ากลัวที่จะช่วยเหลือกัน ปีศาจแสวงหาความเป็นศัตรู ความแตกแยก การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดังนั้น เราต้องหลีกหนีจากสิ่งนี้ให้ได้” พระสันตะปาปา ตรัสย้ำ

Comments