โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องจดจำอัตลักษณ์การเป็นคริสตชนของตัวเราเอง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนต้องจดจำอัตลักษณ์การเป็นคริสตชนของตัวเราเอง สิ่งนี้คือการที่พระเจ้าทรงนำเราออกจากความสงสัยและเปลี่ยนมาเป็นความเชื่อที่มั่นคงในพระองค์ ทรงชี้ บาปเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์คริสตชน แต่อาศัยความเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าจะช่วยเราให้ลุกขึ้นจากความผิดพลั้งนี้และก้าวเดินต่อไปในพระองค์ 




ช่วงเช้าวันอังคารที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ท่านระบุว่า พระเจ้าทรงเจิมเราทุกคน และนี่คือตราประทับที่เป็นอัตลักษณ์ของคริสตชนทุกคน พระเจ้าทรงประทานพระจิตไว้ในดวงใจของเราเพื่อเป็นเครื่องประกัน ส่วนพระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงสอนว่า เราต้องเป็นเกลือดองโลกและเป็นแสงสว่างส่องโลก

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "อัตลักษณ์คริสตชนของพวกเราคืออะไร พ่ออยากเชิญชวนเราทุกคนให้คิดถึงการจาริกเดินทางอันยาวไกล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ความสงสัยต่างๆ เรื่อยมาจนถึงความเชื่อที่เข้มแข็งซึ่งเราสามารถเป็นประจักษ์พยานในการดำเนินชีวิตของเราได้

"มันเป็นความจริงว่า พวกเราเป็นคนบาป และพวกเราก็ทำผิดพลาดลงไป แต่อาศัยพละกำลังของพระเจ้า พวกเราจะสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้งและก้าวเดินต่อไปบนหนทางนี้ บาปจัดเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ของเรา แต่พวกเราเป็นคนบาปที่อยู่กับความเชื่อในพระเจ้า ผู้ทรงเจิมเราและทรงประทับตราไว้บนเรา พระองค์ยังประทานพระจิตเพื่อเป็นเครื่องประกันบนหัวใจของเราด้วย

"คริสตชนไม่ใช่คนที่ติดตามปรัชญาใดปรัชญาหนึ่ง แต่คริสตชนคือคนที่ยืนหยัดต่อความเชื่อในอัตลักษณ์ที่พระเจ้าประทานมาให้ ประหนึ่งการเจิมที่เราให้พระจิตทรงเข้ามาสู่จิตใจของเรา

"ความสวยงามของอัตลักษณ์นี้ สามารถมองเห็นได้จากหนทางที่เราเป็นประจักษ์พยานต่อโลก แต่มันก็มีหลายๆ ทางเหมือนกันที่การเป็นประจักษ์พยานถูกทำให้อ่อนแอลงหรือถูกทำให้เจือจางลงไป อาทิ การปลีกตัวออกจากความเชื่อที่จับต้องได้ในพระคริสตเจ้า แล้วหันไปหาประเภทของศาสนาที่ไม่มีชีวิตชีวา เช่น การภาวนาและมโนคติทั่วไป มันเหมือนกับพวกนอสติกในโลกยุคโบราณ (นอสติก เชื่อว่า มนุษย์ควรสละวัตถุทางโลก แล้วสนใจแต่เรื่องจิตวิญญาณ) แต่นอสติกสมัยใหม่ ล่อลวงเราให้หนีห่างจากความอดสูของไม้กางเขน และหันไปหาพระเจ้าโดยผ่านทางจิตวิญญาณคริสตชนที่ไร้แก่นสาร

"นอกจากนี้ ยังมีบางคนที่ยังหลงลืมว่า พวกเขาได้รับการเจิมและได้รับหลักประกันจากพระจิต แต่พวกเขายังคงแสวงหาเรื่องแปลกใหม่ในอัตลักษณ์คริสตชนของตนเสมอ พวกเขามักจะพูดว่า 'คนที่เห็นแม่พระประจักษ์อยู่ที่ไหน เขาเหล่านั้นสามารถบอกเราได้ว่าสารของแม่พระที่แจ้งเราตอนบ่าย 4 โมงคือเรื่องอะไร"

"กลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่อัตลักษณ์คริสตชนของตนเองอ่อนแอลงด้วยจิตตารมณ์ทางโลก พวกเขาเป็นเหมือนเกลือที่สูญเสียความเค็มไปแล้ว

"ตลอดระยะเวลาประวัติศาสตร์แห่งความรอด พระเจ้าทรงนำทางเราด้วยความอดทน พระองค์นำเราจากความสงสัยเปลี่ยนมาเป็นความมั่นคงแน่วแน่ของพระวจนาตถ์และการไถ่ให้รอดพ้นจากจากบาป โดยผ่านทางการสิ้นพระชนม์ของพระบุตร ดังนั้น นี่คืออัตลักษณ์คริสตชนของเรา เราต้องวอนขอพระเจ้าสำหรับพระหรรษทานเพื่อเราจะได้เป็นประจักษ์พยานถึงความจริง" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย


Comments