โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนที่ไม่ประกาศข่าวดีและไม่รับใช้ผู้อื่น เขาไม่ใช่คริสตชนที่แท้จริง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ศิษย์พระเยซูถูกเรียกมาเพื่อ "ทำพันธกิจประกาศข่าวดี" พระเจ้าไม่ได้เรียกเรามา "เดินเล่น" บนวิถีคริสตชน ศิษย์พระเยซูที่ไม่ประกาศข่าวดีและไม่รับใช้ผู้อื่น เขาไม่ใช่คริสตชนไม่ใช่ศิษย์ที่แท้จริง แต่เขาจะกลายเป็นคนอวดดีและโอหัง ทรงย้ำ เราได้รับพระพรจากพระเจ้ามาแบบฟรีๆ ดังนั้น เราก็ต้องมอบให้ผู้อื่นผ่านทางการรับใช้แบบฟรีๆ เช่นกัน ทรงแบ่งปัน เศร้าใจทุกครั้งที่เห็นวัด คณะนักบวช และสังฆมณฑล หลงลืมคำสอนพระเยซูในเรื่องนี้



ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงส่งศิษย์ทั้ง 12 คนออกไปประกาศพระวรสาร พร้อมสั่งพวกเขาว่า "ท่านได้รับพระพรมาโดยไม่ต้องเสียเงิน ดังนั้น จงให้คนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเช่นกัน ... ถ้าบ้านไหน สมควรได้รับพร จงให้สันติสุขของท่านแก่บ้านนั้น ถ้าบ้านนั้นไม่สมควรได้รับพร สันติสุขจะกลับมาหาท่าน"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "ศิษย์ของพระเยซูถูกเรียกมาเพื่อก้าวออกไปบนหนทางนี้ พระเจ้าไม่ได้เรียกเรามาเดินเล่น แต่ทรงเรียกเรามาให้ทำพันธกิจประกาศพระวรสารและประกาศข่าวดีแห่งความรอด สิ่งนี้คืองานที่พระเยซูทรงมอบให้ศิษย์ของพระองค์ ถ้าศิษย์พระเยซูยังนิ่งอยู่กับที่และไม่ก้าวออกไป เขาคนนั้นก็ไม่ได้มอบสิ่งที่พระเจ้าให้เขาเมื่อตอนรับศีลล้างบาปให้กับคนอื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ใช่ศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซู เขาขาดการเป็นธรรมทูต เขาไม่สามารถก้าวออกจากตัวเองและไม่มีความสามารถที่จะนำสิ่งดีๆ ไปมอบให้ผู้อื่น

"หนทางของศิษย์พระเยซูคือการก้าวออกจากข้อจำกัดของตัวเอง เพื่อจะได้นำข่าวดีไปมอบให้ทุกคน มันยังมีอีกหนทางสำหรับการเป็นศิษย์พระเยซู นั่นคือ การเดินทางภายในจิตใจ หนทางข้างในใจที่ศิษย์พระเยซูต้องแสวงหาพระเจ้าในทุกวันของชีวิต โดยผ่านทางการสวดภาวนาและการรำพึงไตร่ตรอง ถ้าศิษย์พระเยซูไม่แสวงหาพระเจ้าอย่างต่อเนื่องบนหนทางนี้ พระวรสารที่พวกเขาจะไปประกาศให้คนอื่น ก็จะอ่อนกำลังลงทันที มันจะกลายเป็นสิ่งเจือจาง พระวรสารจะไม่มีพละกำลังเลย

"หนทางทั้งสองนี้คือหนทางที่พระเยซูต้องการจากศิษย์ทุกคน สิ่งนี้เรียกร้องการรับใช้ ศิษย์พระเยซูที่ไม่รับใช้คนอื่นก็ไม่ใช่คริสตชน ศิษย์พระเยซูต้องทำตามที่พระเยซูทรงเทศน์สอนในสองเสาหลักของคริสตศาสนา นั่นคือ เรื่องมหาบุญลาภและแนวทางที่เราจะถูกตัดสินที่กล่าวไว้ในพระวรสารของนักบุญแม็ทธิว บทที่ 25 (เมื่อเราหิว ท่านได้ให้อาหาร เมื่อเรากระหาย ท่านให้เราดื่มน้ำ เมื่อเราเจ็บป่วย ท่านได้พยาบาล) นี่คือสองเสาหลักที่เป็นกรอบของการรับใช้ด้วยการประกาศข่าวดี

"ถ้าศิษย์พระเยซูไม่เดินบนหนทางของการรับใช้ มันก็ไม่มีเหตุผลสำหรับการเดินต่อบนหนทางนี้ ถ้าชีวิตของเขาไม่ได้มีเพื่อรับใช้คนอื่น มันก็ไม่มีประเด็นในการดำเนินชีวิตคริสตชน เขาจะกลายเป็นคนอวดดีและคิดว่า 'ใช่ เราเป็นคริสตชน เรามีสันติ เราไปแก้บาป เราไปมิสซา เราทำตามพระบัญญัติทุกข้อ' แต่ศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูถูกเรียกมาเพื่อรับใช้ผู้อื่น กล่าวคือ การรับใช้พระเยซูในตัวผู้ป่วย ผู้ถูกจองจำ ผู้หิวโหย และผู้ที่ไม่มีใครคิดถึง พระเยซูต้องการสิ่งนี้จากเราทุกคน เพราะเราจะพบพระองค์ได้ในคนเหล่านี้

"พวกเราจำได้ใช่ไหมกับสิ่งที่พระเยซูตรัสกับศิษย์ของพระองค์ 'ท่านได้รับพระพรมาโดยไม่ต้องเสียเงิน ดังนั้น จงให้คนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเช่นกัน' หนทางของการรับใช้คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เพราะพวกเราได้รับความรอดมาแบบฟรีๆ นี่คือพระหรรษทานอันบริสุทธิ์ ไม่มีใครในพวกเราที่ได้จ่ายเงินซื้อความรอด นี่คือสิ่งที่พระบิดาให้เราโดยผ่านทางพระหรรษทานบริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ ในการสละชีวิตของพระคริสตเจ้า

"มันน่าเศร้านะเมื่อเราเห็นคริสตชนที่หลงลืมคำสั่งของพระเยซูในเรื่องนี้ 'ท่านได้รับพระพรมาโดยไม่ต้องเสียเงิน ดังนั้น จงให้คนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเช่นกัน' มันน่าเศร้าเมื่อเห็นกลุ่มคริสตชน ไม่ว่าจะเป็นวัด คณะนักบวช และสังฆมณฑล หลงลืมของขวัญ (พระพร) นี้ เพราะฉากหลังนั้น มันกลายเป็นการหลอกลวงว่า ความรอดต้องมาจากความร่ำรวยและอำนาจของมนุษย์

"ดังนั้น พ่ออยากสรุปบทเทศน์ในวันนี้ด้วยคำพูด 3 อย่าง ได้แก่ หนึ่ง การเดินทางที่เราถูกส่งออกไปประกาศพระวรสาร สอง การรับใช้ ชีวิตคริสตชนไม่ได้มีเพื่อตัวเอง แต่มีเพื่อผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูแสดงให้เห็น และสาม พระพรที่ได้มาแบบฟรีๆ" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย

Read More: Vatican Radio


Comments