โป๊ปฟรังซิส: "มีบางคนกระตุ้นให้เกิดสงคราม เพื่อจะได้ขายอาวุธได้มากขึ้น"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ สันติภาพคือแผนงานของพระเจ้าเพื่อมนุษยชาติ แต่มีบางคนคอยปลุกระดมให้เกิดสงคราม เพื่อจะได้ขายอาวุธได้มากขึ้น ทรงชี้ โลกยุคนี้ทำให้เราสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสงครามโลกครั้งที่สาม เพราะมันมีการสู้รบแบบสะสมความขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทรงสอน เราต้องเป็น "ช่างศิลป์แห่งสันติภาพ" อย่าทำโง่ๆ ด้วยการคิดว่า สันติภาพต้องขึ้นกับเราคนเดียวเท่านั้น











ช่วงสายวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาภายในสนามโอลิมปิค สเตเดี้ยม กรุงซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 65,000 คน สนามกีฬาแห่งนี้เคยใช้จัดในพธีเปิดและปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ปี 1984 จากนั้น ช่วงทศวรรษที่ 90 ยังถูกใช้เป็นที่พักสำหรับประชาชนเพื่อหลบภัยจากการต่อสู้สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ก็เคยมาถวายมิสซาที่สนามกีฬาแห่งนี้ในค.ศ.1997 ด้วย

สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "พี่น้องที่รัก ทุกวันนี้ เสียงร่ำไห้จากประชากรของพระเจ้าได้ดังขึ้นอีกครั้งจากเมืองแห่งนี้ นี่คือเสียงร่ำไห้จากชายและหญิงที่มีจิตใจดีงาม พวกเขาร้องออกมาว่า 'สงครามต้องไม่เกิดขึ้นอีก!'

"ในเมืองที่เป็นที่รู้กันถึงบาดแผลลึกและความทุกข์ทรมานที่เกิดจากสงคราม พ่ออยากเชิญชวนพวกเราทุกคนคิดถึงความขัดแย้งที่เกิดจากสงครามที่ส่งผลกระทบต่อโลกของเราในตอนนี้ นี่คือรูปแบบของสงครามโลกครั้งที่สามที่เป็นการต่อสู้กันแบบสะสมความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ในบริบทของการสื่อสารยุคโลกาภิวัฒน์ พวกเราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งสงครามจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็ว่าได้

"พ่ออยากแบ่งปันความจริงอย่างหนึ่ง ก็คือ สันติภาพคือความฝันของพระเจ้า นี่คือแผนงานของพระองค์เพื่อมนุษยชาติ เพื่อประวัติศาสตร์ และเพื่อสิ่งสร้างทุกชนิด อย่างไรก็ตาม มันยังมีคนที่ต้องการจะกระตุ้นและปลุกปั่นบรรยากาศแห่งสงครามให้เกิดขึ้น คนเหล่านี้คือคนที่ต้องการความขัดแย้งระหว่างความแตกต่างทางวัฒนธรรมและสังคม นอกจากนี้ ยังมีคนที่ต้องการให้เกิดสงคราม เพราะต้องการจะขายอาวุธด้วย

"สงครามหมายถึงเด็ก สตรี และคนชราในค่ายผู้ลี้ภัย มันยังหมายถึงการบังคับให้คนต้องไม่มีที่อยู่อาศัย มันยังหมายถึงการทำลายบ้านเรือน ถนน และโรงงาน เหนือสิ่งอื่นใด มันหมายถึงการทำลายชีวิตอย่างนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

"สำหรับชาวเมืองซาราเยโว พวกท่านทราบดีถึงสิ่งนี้ พวกท่านมีประสบการณ์นี้ดี ท่านจึงทราบดีว่า มันทนทุกข์ขนาดไหน มันสูญเสียมากแค่ไหน และมันเจ็บปวดมากขนาดไหน!

"ด้วยเหตุนี้ พ่อจึงอยากขอร้องชายและหญิงที่มีจิตใจดีงามและเป็นผู้สร้างสันติ ได้โปรดทำงานสร้างสันติของพวกท่านในแต่ละวัน ทำแบบทีละก้าว ทำโดยไม่เหนื่อยไม่ท้อ เพราะสันติภาพต้องได้รับการนำไปปฏิบัติด้วยการกระทำที่เห็นอกเห็นใจกัน เป็นพี่น้องกัน มีการเสวนาพูดจากัน และมีความเมตตาต่อกัน สิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการลงมือทำให้ลุล่วงไปด้วยการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การถ่อมตน การอดทนอย่างสุภาพ และมีจิตวิญญาของการให้อภัย

"ทัศนคติเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เรากลายเป็นช่างศิลป์แห่งสันติภาพในสถานที่ซึ่งเราดำเนินชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ทำให้ตัวเองโง่ลงด้วยการคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องขึ้นกับเราคนเดียว เพราะสันติภาพคือของขวัญจากพระเจ้า อาศัยพระจิต พระองค์จะประทับทัศนคติเหล่านี้ลงในจิตใจของเราและในเนื้อหนังของเรา เพื่อที่ว่า เราจะสามารถเป็นเครื่องมือที่แท้จริงในการสร้างสันติภาพ

"สุดท้ายนี้ พ่อวิงวอนขอพระเจ้าโปรดประทานพระหรรษทานมายังหัวใจที่เรียบง่ายของทุกคน พ่อวอนขอพระหรรษทานของการอดทน พระหรรษทานของการดิ้นรนต่อสู้ทำงานเพื่อสันติภาพ ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งสันติลงในประเทศของเรา" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาถวายมิสซาในกรุงซาราเยโว

Read More: Vatican Radio


Comments