โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนที่ชอบโชว์ออฟและไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิดคือคนที่ทำลายเกียรติคริสตชน"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือนสติ เมื่อเราเป็นคนชอบโชว์ออฟ ชอบทำให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง ชอบการชิงดีชิงเด่น และไม่เคยยอมรับว่าตนทำผิดพลาด เมื่อนั้น เราก็ทำลายเกียรติการเป็นคริสตชนของตนเอง สิ่งนี้จะทำให้เรากลายเป็นคริสตชนที่เฉยชาและไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับใคร ทรงหวังเห็นคริสตชนรำลึกถึงพี่น้องที่ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะเชื่อในพระเยซู รวมไปถึงภาวนาเพื่อคริสตชนที่ถูกฆ่าตายในพระนามของพระเจ้า





ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาสมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญจอห์น ลาเตรัน ทั้งนี้ พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาวันสมโภชนี้แบบตรงวัน ส่วนสังฆมณฑลอื่นๆ อาจย้ายไปสมโภชวันอาทิตย์ถัดมา

ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "เมื่อเราไม่เชื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า เมื่อเราไม่มีความเป็นพี่น้องกันในกลุ่มคริสตชน เมื่อเราชิงดีชิงเด่นเพื่อตำแหน่งที่ดีที่สุด เมื่อเราไม่สามารถหาความกล้าที่จะแสดงออกถึงความเมตตา เมื่อเราไม่สามารถมอบความหวังให้คนอื่น เมื่อนั้น เราก็แยกตัวออกจากพระเจ้า

"อย่างไรก็ตาม ศีลมหาสนิทจะทำให้เราไม่ถูกนำพาให้ห่างไกลจากพระเจ้า ศีลมหาสนิทจะเป็นสายสัมพันธ์แห่งพันธสัญญา นี่คือเครื่องหมายทรงชีวิตแห่งความรักของพระคริสตเจ้าผู้ทรงถ่อมองค์ลงมาและย่ำยีเพื่อพวกเรา เพื่อที่ว่า พวกเราจะยังได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ อาศัยการร่วมพิธีมิสซาและรับศีลมหาสนิท พวกเราจะถูกรวมไว้ในหนทางที่ไม่แตกแยก พระคริสตเจ้าจะประทับอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์ประทับอยู่ในเครื่องหมายของแผ่นปังและเหล้าองุ่น เครื่องหมายนี้เรียกร้องเราว่า พลังของความรักจะมีชัยเหนือบาดแผลทุกชนิด ในเวลาเดียวกัน มันคือการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ยากไร้ ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ให้ความสนใจแบบพี่น้องต่อคนที่ดิ้นรนในการแบกภาระหนักในชีวิตทุกวัน

"ส่วนการลดเกียรติการเป็นคริสตชนของเราในทุกวันนี้ หมายถึง การที่เรายอมให้ตัวเองถูกกัดกร่อนด้วยการหลงบูชาบางสิ่งแบบไม่ลืมหูลืมตา อาทิ การชอบโชว์ออฟ การชอบให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง และยังหมายถึงการชอบชิงดีชิงเด่น การหยิ่งยะโสที่มองเห็นได้จากทัศนคติการเป็นผู้ชนะ การไม่เคยยอมรับความผิดพลาดใดๆ สิ่งเหล่านี้ลดเกียรติการเป็นคริสตชนของเรา มันทำให้เรากลายเป็นคริสตชนเฉยชา ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับใคร และเป็นคริสตชนที่จืดชืด

"เพื่อป้องกันการลดเกียรติแบบนี้ ขอให้เรามองไปที่พระเยซู ขอให้เราดื่มพระโลหิตของพระองค์ เพื่อที่เราจะได้อยู่ห่างไกลจากความเสี่ยงของการโกง เราจะได้พบกับพระหรรษทานของการเปลี่ยนแปลง เราจะยังคงเป็นคนบาปผู้น่าสงสาร แต่พระโลหิตของพระคริสตเจ้าจะปลดปล่อยเราจากบาปและทำให้เราได้รื้อฟื้นศักดิ์ศรีของเรา

"เมื่อเราเดินไปตามท้องถนน ขอให้เรารู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องหลายคนที่ไม่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความเชื่อต่อพระเยซู ขอให้เราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องที่ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะพระนามของพระเจ้า ขอให้เราร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าไปกับพวกเขา และสุดท้าย ขอให้เรารำลึกถึงพี่น้องที่ต้องสละชีวิตเพื่อความเชื่อในพระคริสตเจ้า ขอให้เราเลือดของพวกเขาได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ขอให้เลือดนี้ได้หลั่งออกมาเพื่อสันติภาพและการคืนดีกันทั่วทั้งโลก" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย

หลังจากมิสซาจบลง ได้มีการแห่ศีลมหาสนิทออกจากมหาวิหารนักบุญจอห์น ลาเตรัน ไปยังมหาวิหารซานตา มาจจอเร่ และพระสันตะปาปาทรงอวยพรศีลมหาสนิทปิดพิธีด้วย

ประมวลภาพ: มิสซาสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า


Comments