โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ที่มีปัญหากับสังฆราช ควรคุยแบบซึ่งๆ หน้า แบบลูกผู้ชายคุยกัน"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ถ้าสงฆ์มีปัญหากับสังฆราช ขอให้พูดกันแบบซึ่งหน้าแบบ "ลูกผู้ชายคุยกัน" ในทางกลับกัน ถ้าสังฆราชมีปัญหากับสงฆ์ ก็ขอให้คุยแบบนี้ด้วย ทรงชี้ เป็นเรื่องดีที่ภายในพระศาสนจักรจะมีการโต้แย้ง เพราะมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่พระศาสนจักรยุคแรกเริ่มแล้ว ที่เดียวที่ไม่มีการโต้เถียงกันในพระศาสนจักรคือ "สุสาน" ทรงสอน เวลาสงฆ์เจอสถานการณ์ยากลำบากและต้องให้อภัย ขอให้นึกดูว่า "ถ้าพระเยซูอยู่ตรงนี้ พระองค์จะทำอย่างไร" ทรงย้ำ สงฆ์ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการโปรดศีลล้างบาป แม้เด็กที่มารับศีลล้างบาปจะเกิดจากคุณแม่ที่ไม่ได้แต่งงาน หรือเกิดจากครอบครัวหย่าร้างก็ตาม ทรงตำหนิพวกสงฆ์และฆราวาสที่แสวงหาความก้าวหน้าจากการทำงานให้พระศาสนจักร พร้อมกันนี้ ทรงประกาศการเยือนสาธารณรัฐแอฟริกากลางและบุรุนดี ในเดือนพฤศจิกายน 2015 พร้อมชม "ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่สดใสที่สุดของพระศาสนจักรคาทอลิก"



ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังมหาวิหารนักบุญจอห์น ลาเตรัน เพื่อพบและให้โอวาทแก่บรรดาพระสงฆ์ของสังฆมณฑลโรม โอกาสจัดการเข้าเงียบนานาชาติแก่พระสังฆราช พระสงฆ์ และสังฆานุกรจากทั่วโลก ภายใต้หัวข้อ "กระแสเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์เพื่อการประกาศพระวรสารใหม่"

โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับพวกเขาแบบสดๆ จากใจ โดยไม่ได้ใช้บทร่างที่เตรียมมา พระองค์ทรงเริ่มต้นด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักรว่า "ถ้าพระสงฆ์มีปัญหากับพระสังฆราช พระสงฆ์คนนั้นควรจะไปพูดกับพระสังฆราชแบบตรงๆ พูดกันซึ่งๆ หน้า พูดให้เหมือน 'ลูกผู้ชายคุยกัน' ในทางกลับกัน ถ้าพระสังฆราชมีปัญหากับพระสงฆ์ ก็ควรกันแบบซึ่งๆ หน้าเหมือนลูกผู้ชายคุยกันด้วย

"หลายคนอาจแย้งว่า มันจะเกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันบ้างในพระศาสนจักรล่ะซิ ใช่! แต่มันเป็นเรื่องดีนะ เพราะมันเกิดเรื่องแบบนี้ตั้งแต่พระศาสนจักรยุคแรกเริ่มแล้วล่ะ พระศาสนจักรที่ไม่มีการโต้เถียงกันคือพระศาสนจักรที่ตายแล้ว พวกท่านรู้ไหมว่าที่ไหนที่ไม่มีการทะเลาะหรือโต้เถียงกัน รู้ไหม คำตอบคือสุสานไง! (ทุกคนปรบมือชอบใจกันใหญ่)"

จากนั้น พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงบทบาทการทำงานของสตรีในพระศาสนจักร พระองค์ทรงแบ่งปันว่า "ตั้งแต่วันที่พระจิตเสด็จลงมา สตรีก็อยู่ในห้องนั้นด้วย นี่คือการเริ่มต้นทำงานของสตรีในพระศาสนจักร ความอัจฉริยะของสตรีในพระศาสนจักรถือเป็นพระหรรษทานและตัวพระศาสนจักรเองก็เป็นสตรีเพศ เพราะพระศาสนจักรคือเจ้าสาวของพระคริสตเจ้า ทั้งยังเป็นมารดาของประชากรผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พ่อจึงอยากถือโอกาสนี้ ขอบคุณบรรดาสตรีทุกคนสำหรับความร่วมมือต่างๆ และอย่าลืมว่า เมื่อท่านเผชิญหน้ากับความเดือดร้อนในประเด็นเกี่ยวกับสตรี มันมีสิ่งหนึ่งที่เป็นคำตอบ นั่นคือ แม่พระเป็นคนสำคัญกว่าบรรดาอัครสาวก"

พระสันตะปาปายังเตือนสติบรรดาพระสงฆ์ว่า "อย่าเหนื่อยกับการไปภาวนาหน้าตู้ศีล เพราะที่นี่จะเป็นสถานที่ทำให้พระสงฆ์ได้พบกับความรักจากพระเจ้า แม้เวลานั้น เราไม่รู้จะพูดอะไรกับพระองค์ก็ตาม" นอกจากนี้ ยังทรงแนะนำพระสงฆ์ให้เริ่มเตรียมเทศน์ในมิสซาวันอาทิตย์ ด้วยการลงมือเขียนบทเทศน์ตั้งแต่วันอังคาร และต้องระวังอย่าให้บทเทศน์นั้น กลายเป็นเรื่อง "ศีลธรรม" มากเกินไป จนไปบดบัดการเทศน์เกี่ยวกับพระวรสาร

พระสันตะปาปาทรงแนะนำพระสงฆ์ด้วยว่า เมื่อเจอสถานการณ์ยากลำบาก เฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ต้องให้ความเมตตากับคนอื่น พระสงฆ์ควรจะถามตัวเองว่า "ถ้าพระเยซูอยู่ตรงนี้ พระองค์จะทำอย่างไร แต่ถ้าท่านรู้สึกว่า ตัวเองให้อภัยมากเกินไป พวกท่านสามารถโทษพระเยซูได้เลยนะ ไม่ต้องมาโทษพ่อ เพราะพ่อก็ทำตามพระองค์ (ทุกคนปรบมือชอบใจกัน)"

"อย่าขับไล่สัตบุรุษให้ไปไกลๆ จากพระเจ้า ขอร้องเลยนะ! อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด ... พ่อต้องสารภาพตรงนี้ต่อหน้าพวกท่านเลยว่า เรื่องต่อไปนี้นำความทุกข์ใจสุดๆ มาให้พ่อ นั่นคือ เวลาที่ต้องเห็นพระสงฆ์ปฏิเสธที่จะล้างบาปให้กับเด็กทารกแรกเกิด เพียงเพราะคุณแม่ของเด็กไม่ได้แต่งงาน (เลี้ยงลูกคนเดียว) หรือพ่อแม่ของเด็กหย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ พระสงฆ์ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเวลามีคนมาขอให้โปรดศีลล้างบาป! พวกท่านห้ามปฏิเสธนะ มันจะไม่มีพระศาสนจักรถ้าไม่มีพระเยซูและไม่มีความเมตตา เมื่อเกิดเรื่องปฏิเสธการโปรดศีลล้างบาปแบบนี้ พระสงฆ์คนนั้นได้ทำตัวเป็นเหมือนเจ้าหน้าที่ราชการที่เชื่อฟังกฏทุกตัวอักษร เขาได้เปลี่ยนพระศาสนจักรจากการเป็นแม่ ให้กลายเป็นแม่เลี้ยงไปทันที ดังนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้พระศาสนจักรเป็นแม่แท้ๆ ของสัตบุรุษทุกคน อย่าทำให้พระศาสนจักรต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงของพวกเขา

"นอกจากนี้ พ่อขอเตือนเกี่ยวกับการแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นพระสงฆ์ เช่นเดียวกับฆราวาสที่ทำงานในพระศาสนจักร ก็ต้องอย่าแสวงหาความก้าวหน้าจากการทำงานตรงนี้เด็ดขาด นี่คือบาปจากการแสวงหาความสะดวกสบายจากการทำงานให้พระศาสนจักร"

พระสันตะปาปายังทรงกล่าวถึงการเข่นฆ่าคริสตชนในยุคนี้ พระองค์ทรงเรียกมันว่า "คริสตศาสนสัมพันธ์ผ่านทางการสละเลือด" เพราะคริสตชนเหล่านี้สละชีวิตดุจมรณสักขีเพื่อยืนยันถึงพระคริสตเจ้าองค์เดียวกัน

หลังจากพระสันตะปาปาตรัสสอนเสร็จ พระองค์ทรงให้พระสงฆ์ตัวแทนทวีปต่างๆ ถามคำถามพระองค์ จากนั้นทรงตอบแบบสดๆ กลับไป

หนึ่งในคำถามจากสงฆ์ชาวแอฟริกันก็คือจะเสด็จเยือนทวีปแอฟริกาหรือไม่ พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อขอประกาศตรงนี้เลยว่า พ่อจะไปเยือนสาธารณรัฐแอฟริกากลางและบุรุนดี ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ส่วนอีกประเทศคือเคนยา ตอนนี้ ยังไม่แน่ว่าจะไปเยือนในทริปเดียวกันนี้ได้ไหม เพราะติดขัดปัญหาบางประการ"

ส่วนตัวแทนพระสงฆ์จากทวีปเอเชีย เป็นสงฆ์ชาวญี่ปุ่น พระสันตะปาปาตรัสถึงทวีปเอเชียว่า "ในความคิดของพ่อ ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีหลักประกันสดใสที่สุดของพระศาสนจักร อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็ได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัสจากปัญหาลัทธิบริโภคนิยมและวัตถุนิยม"

Read More: Vatican Radio


Comments