โป๊ปฟรังซิส: "เวลาโกรธเกลียดและคิดชั่ว จงอยู่นิ่งๆ ให้เวลาเป็นเครื่องรักษาใจเรา"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาที่เราโกรธ เกลียด และคิดชั่วๆ จงตั้งสติแก้ปัญหาด้วยการให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยารักษาตัวเราเอง เพราะการเลือกยื้อเวลาไว้ ไม่ลุกขึ้นสบประมาทและหาเรื่องคนอื่น เป็นทางแก้ที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์ทุกคน ถ้าหากเราลุกขึ้นหาเรื่องและกล่าววาจาหยาบคาย นอกจากเราจะไม่เป็นธรรมแล้ว ยังเป็นผลร้ายแก่เราด้วย ทรงชี้ ถ้าถูกสบประมาท แล้วเราเลือกจะปิดปาก ไม่ตอบโต้ เราก็ดำเนินชีวิตตามพระเยซูแล้ว



ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่บรรดาอัครสาวกถูกเรียกตัวไปที่สภาซันเฮดริน และถูกกล่าวหาเรื่องการประกาศพระวรสารอันเป็นสิ่งที่บรรดาฟาริสีและธรรมาจารย์ทั้งหลายไม่ต้องการจะได้ยิน

พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "จากบทอ่านวันนี้ เราเห็นกันว่า หนึ่งในฟาริสีที่ชื่อ กามาลิเอล ได้แนะนำแบบตรงไปตรงมาว่า ควรให้อัครสาวกเทศน์สอนต่อไป เพราะถ้าคำสอนของบรรดาอัครสาวกมาจากแผนการและกิจการของมนุษย์ ทุกสิ่งก็จะสลายไปเอง แต่ถ้าสิ่งที่อัครสาวกเทศน์สอนมาจากพระเจ้า ไม่ว่าใครก็จะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ สภาซันเฮดรินยอมรับคำแนะนำนี้ แต่พวกเขาเลือกจะ 'ถ่วงเวลา' (ด้วยการสั่งให้เฆี่ยนบรรดาอัครสาวก ก่อนจะปล่อยตัวไป) พวกเขาไม่ทำตามอารมณ์ที่เป็นสัญชาตญาณแห่งความเกลียดชัง การทำแบบนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์ทุกคน

"เมื่อใดที่เรามีความคิดชั่วร้ายต่อคนอื่น การเลือกยื้อเวลาออกไป ถือว่ามีประโยชน์สำหรับเรา เมื่อเรามีความเป็นปฏิปักษ์ มีความเกลียดชัง จงอย่าให้ความรู้สึกนี้เติบโตขึ้น จงหยุดมันซะ จงให้เวลารักษามันเป็นระยะๆ เวลาจะช่วยผสานสิ่งต่างๆ ให้เป็นเกิดความกลมเกลียว และทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าท่านตอบโต้ด้วยอารมณ์แห่งความโกรธ มันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าท่านจะไม่เป็นธรรม และท่านจะทำร้ายตัวเองด้วย ดังนั้น คำแนะนำของพ่อก็คือ ให้เวลา! จงใช้เวลาเยียวยาในช่วงที่มีการประจญล่อลวง

"เมื่อเรารักษาความคับแค้นใจ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะมีการปะทุ(ของอารมณ์)เกิดขึ้น มันจะมีการปะทุด้วยการสบประมาท วาจาหยาบคาย และการหาเรื่อง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยความคิดชั่วร้ายต่อผู้อื่น มันเหมือนการที่เรากำลังต่อสู้กับพระเจ้า ในทางกลับกัน พระเจ้าทรงรักความสามัคคี ทรงรักความรัก ทรงรักการเสวนาพูดจากัน ทรงรักการเดินไปด้วยกัน

"เรื่องแบบนี้ก็เกิดกับพ่อเหมือนกันนะ เมื่อเจอบางสิ่งไม่ถูกใจ ความรู้สึกแรกไม่ใช่ความรู้สึกของพระเจ้า แต่มันเป็นความรู้สึกคิดชั่วเสมอๆ (จะโกรธและไม่พอใจ) ดังนั้น เราจึงต้องหยุดตัวเองสักครู่หนึ่ง เราต้องให้พื้นที่กับพระจิต เพื่อที่เราจะได้กำจัดความคิดชั่วออกไปและเพื่อให้เราได้รับความสงบภายในจิตใจ เหมือนอย่างที่บรรดาอัครสาวกที่ถูกเฆี่ยนที่สภาซันเฮดริน แต่พวกเขาก็ออกมาจากที่นั่นด้วยความชื่นชมยินดีจากความทุกข์ทรมานที่ต้องถูกสบประมาทในพระนามของพระเยซู

"ในสถานการณ์แบบนี้ พี่น้องของเราหลายคนได้เป็นมรณสักขีที่สละชีวิตเพื่อพระนามของพระเยซู พวกเขามีความชื่นชมยินดีที่ได้ทนทุกข์ทรมานอย่างไร้เกียรติจนกระทั่งเสียชีวิต พวกเขายินดีเพื่อพระนามของพระเยซู มันมีหนทางเดียวในการเปิดใจให้กับความอ่อนน้อมถ่อมตน นั่นคือ การจะอ่อนน้อมถ่อมตนจะไม่เกิดเลยถ้าไม่มีการสบประมาทเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่ยากจะเข้าใจตามธรรมชาติสักหน่อย พวกเราจึงต้องวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้าสำหรับการจะเข้าใจสิ่งนี้

"พระหรรษทานในการดำเนินชีวิตเลียนแบบพระคริสตเจ้า ไม่ได้มีเพื่อมรณสักขีในยุคนี้ที่เป็นประจักษ์พยานในการดำเนินชีวิตเลียนแบบพระเยซูเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อชายหญิงทุกคนที่กำลังทนทุกข์จากการถูกสบประมาทในแต่ละวัน มีเพื่อทุกคนที่ปิดปากเงียบ ไม่โวยวาย และยอมทนทุกข์เพื่อความรักที่เขามีต่อพระเยซู

"ดังนั้น เมื่อใดที่เราถูกสบประมาทและเราไม่ตอบโต้ เราก็ดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซู มันมีสองสิ่งที่พ่ออยากกล่าวถึงคือ หนึ่ง จงปิดตัวเองต่อความเกลียดชัง ความโกรธเคือง และความต้องการจะเข่นฆ่าผู้อื่น และสอง จงเปิดตัวเองให้กับพระเจ้า เปิดตัวเองให้กับหนทางของพระเยซูที่ทำให้เรายอมรับคำสบประมาท แม้ในทุกๆ การสบประมาทและการทำให้เราขายหน้าอย่างร้ายแรง มันก็จะทำให้เราสัมผัสถึงความชื่นชมยินดีที่ทำให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งบนหนทางที่พระเยซูก้าวเดิน" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย

Comments