โป๊ปฟรังซิส: "ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกาเรียกร้องเราว่าอย่ากลัวความจริง อย่าหนีปัญหา"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกาเรียกร้องเราว่า อย่ากลัวความจริง อย่าหนีปัญหา แต่จงกล้าก้าวออกจากพื้นที่สุขสบาย (Comfort Zone) เพราะพื้นที่นี้สกัดกั้นเราไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า ทรงย้ำ การจะเข้าสู่ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกา เราต้องสุภาพอ่อนน้อม ถ่อมตน และก้าวลงมาจาก "หิ้ง" ที่เราภาคภูมิใจหนักหนาเมื่อได้ยืนอยู่บนนั้น






เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีตื่นเฝ้าปาสกา เสกน้ำ เสกไฟ และโปรดศีลล้างบาปให้คาทอลิกใหม่ ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน คาทอลิกใหม่ที่เข้ารับการโปรดศีลล้างบาปมีทั้งหมด 10 คน ประกอบไปด้วยชาวอิตาเลี่ยน 4 คน, ชาวอัลบาเนี่ยน 3 คน และที่เหลือชาติละ 1 คน ได้แก่ กัมพูชา, โปรตุเกส และเคนยา โดยคาทอลิกใหม่จากกัมพูชาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดคือ อายุ 13 ปี

สำหรับบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "คืนนี้เป็นคืนตื่นเฝ้า พระเจ้าไม่เคยหลับใหล พระเจ้าทรงเฝ้ามองมายังประชากรของพระองค์ เพื่อจะนำพวกเขาออกจากการเป็นทาสและเปิดประตูนำพวกเขาสู่ความเป็นไท พระเจ้าทรงเฝ้าดูพวกเราเสมอ ดูด้วยฤทธานุภาพของความรัก พระเจ้าทรงนำประชากรของพระองค์ข้ามผ่านทะเลแดง พระองค์ยังได้นำพระเยซูข้ามผ่านหุบเขาแห่งความตาย

"คืนนี้คือคืนแห่งการตื่นเฝ้าสำหรับบรรดาศิษย์ของพระเยซูอย่างแท้จริง คืนแห่งความเศร้าโศกและความกลัว บรรดาศิษย์ยังคงเก็บตัวอยู่ในห้องชั้นบน แต่บรรดาสตรีเหล่านั้นได้ไปยังคูหาฝังพระศพในรุ่งอรุณวันอาทิตย์เพื่อชโลมพระศพของพระเยซู หัวใจของสตรีเหล่านั้น พวกเธอถามกันว่า 'เราจะเอากลิ้งหินที่ปิดทางเข้าคูหาฝังพระศพออกอย่างไร' นี่คือเครื่องหมายที่ยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์นี้ เพราะเมื่อไปถึงหินก้อนใหญ่นั้นได้ถูกกลิ้งออกและคูหาก็ถูกเปิดไว้แล้ว

"สตรีกลุ่มนี้คือคนกลุ่มแรกที่ได้เห็นเครื่องหมายที่ยิ่งใหญ่ คูหาฝังพระศพว่างเปล่า แต่พวกเธอคือคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าไปในนั้น นี่คือเรื่องดีสำหรับเราทุกคนในคืนตื่นเฝ้าปาสกา เพื่อที่เราจะได้ไตร่ตรองประสบการณ์ของสตรีเหล่านี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมวันนี้เราถึงมารวมตัวกันอยู่ในพิธีนี้ เรามาที่นี่ก็เพื่อจะได้เข้าไปในธรรมล้ำลึกที่พระเจ้าทรงทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยคืนตื่นเฝ้าแห่งความรักของพระองค์

"พวกเราไม่สามารถเข้าสู่ปาสกา ถ้าหากเราไม่เข้าสู่ธรรมล้ำลึกนี้ ธรรมล้ำลึกที่พ่อกล่าวถึงไม่ใช่แค่สิ่งที่เราได้ยินหรือฟังกันมา แต่มันเป็นมากกว่านั้น การเข้าสู่ธรรมล้ำลึกนี้หมายถึงเราต้องมีความสามารถที่จะรำพึงไตร่ตรอง ฟังเสียงความเงียบ ฟังเสียงกระซิบเบาๆ ท่ามกลางความเงียบงันอีกต่อหนึ่ง เพราะนี่คือเสียงที่พระเจ้าจะตรัสกับเรา

"การเข้าสู่ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกาเรียกร้องว่า เราต้องอย่ากลัวความจริง เราต้องอย่าหลีกหนีจากสิ่งที่เราไม่เข้าใจ อย่าปิดตัวเองต่อปัญหาต่างๆ หรือปฏิเสธปัญหาที่เข้ามา การเข้าสู่ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกาหมายถึงเราต้องออกจากพื้นที่แห่งความสบาย (Comfort Zone) ออกจากพื้นที่แห่งความเกียจคร้านและไม่รู้สึกสนใจต่อผู้อื่น เพราะสิ่งเหล่านี้ดึงเราไว้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาความจริง ความงดงาม และความรักของพระเจ้า การจะแสวงหาธรรมล้ำลึกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน มันหมายถึงความท้าทายความเชื่อของเรา ความรักสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า และการดำเนินชีวิตของเราทุกคน การจะเข้าสู่ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกา เราจำเป็นต้องมีความสุภาพอ่อนน้อม การถ่อมตน และลงมาจากหิ้งที่เราภาคภูมิใจหนักหนา

"ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สตรีกลุ่มนั้นได้สอนเรา พวกเธอเฝ้ารอพระเยซูทั้งคืนร่วมกับแม่พระพระมารดาของพระองค์ แม่พระช่วยให้สตรีเหล่านั้นไม่สูญเสียความเชื่อและความหวัง ผลที่ตามมาก็คือพวกเธอไม่ได้เป็นผู้ถูกจองจำด้วยความกลัวและความเศร้าโศก พวกเธอก้าวไปยังคูหาที่ถูกเปิดออก และเมื่อเข้าไปแล้ว พวกเธอก็มองหาพระเยซู พวกเธอได้ก้าวเข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระองค์ ดังนั้น ขอให้เราเรียนรู้ที่จะเฝ้ามองพระเจ้าไปพร้อมๆ กับแม่พระ เพื่อที่เราจะได้เข้าสู่ธรรมล้ำลึกที่จะนำเราออกจากความตายไปสู่ชีวิตใหม่อีกครั้งด้วย" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

ประมวลภาพ: พิธีตื่นเฝ้าปาสกา

Read More: Vatican Radio

Comments