โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังที่มองเห็นเครื่องหมายการกลับคืนชีพของพระเยซู"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน "ตรีวารปาสกา" (Easter Triduum) พร้อมย้ำ เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังที่รู้ว่าจะมองเห็นเครื่องหมายแห่งการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูได้อย่างไร ทรงสอน พระเยซูทรงเปลี่ยนความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดให้เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ด้วยการสละพระองค์เองบนไม้กางเขน มีพี่น้องชายหญิงมากมายที่สละชีวิตตนเองแบบพระเยซูเพื่อรับใช้ผู้อื่น ช่วงท้าย ทรงร่วมรำลึก 10 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของ "นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2"



ช่วงสายวันพุธที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษกว่า 50,000 คนในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนเรื่อง "ตรีวารปาสกา" (Easter Triduum) ให้กับทุกคน

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ตรีวารปาสกา จะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ เราเริ่มด้วยการล้างเท้าอัครสาวก สิ่งนี้ พระเยซูต้องการแสดงให้เราเห็นถึงความหมายชีวิตของพระองค์ นั่นคือ การรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

"ในศีลล้างบาป พระหรรษทานของพระเจ้าได้ชำระบาปออกจากตัวเรา และเราได้รับพระคริสตเจ้า ทุกครั้งที่คาทอลิกรับศีลมหาสนิท พวกเขาจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นผู้รับใช้ที่อยู่ในความนบนอบต่อคำสั่งที่ให้เรารักกันเหมือนที่พระองค์ทรงรักเรา ถ้าเรารับศีลมหาสนิทโดยไม่เปิด(ใจ)อย่างแท้จริงให้กับการล้างเท้าให้กันและกัน พวกเราก็ไม่ได้ตระหนักถึงพระกายของพระคริสตเจ้าเลย

"ส่วนวันที่สองของตรีวารปาสกา ซึ่งก็คือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเรารื้อฟื้นว่า พระเยซูทรงเปลี่ยนความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดให้เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ด้วยการสละพระองค์เองบนไม้กางเขน การติดตามพระคริสตเจ้า คริสตชนชายหญิงมากมายในทุกวันนี้ กำลังมอบชีวิตของพวกเขาเองประดุจมรณสักขี

"พ่ออยากยกตัวอย่างการเป็นประจักษ์พยานที่กล้าหาญของ คุณพ่ออันเดรอา ซานโตโร่ สงฆ์อิตาเลี่ยนที่ถูกฆ่าตายในปี 2006 ขณะที่ทำงานเป็นธรรมทูตในประเทศตุรกี นี่คือแบบอย่างของชายหญิงร่วมสมัยของเราที่ทำให้เรามั่นคงในการมอบชีวิตของเราประดุจของขวัญแห่งความรักต่อเพื่อนพี่น้องในการเลียนแบบอย่างพระเยซูคริสต์

"นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์คือคำพูดสุดท้ายของพระเยซูบนไม้กางเขน นั่นคือ 'ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว' นี่คือการบอกว่างานแห่งการไถ่กู้ได้สำเร็จครบถ้วน ทุกสิ่งในพระคัมภีร์ได้รับการเติมเต็มในความรักของพระคริสตเจ้าเรียบร้อยแล้ว

"ส่วนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ พระศาสนจักรร่วมรำพึงไปกับแม่พระและรำพึงถึงคริสตเจ้าในคูหาฝังพระศพ ... ในความมืดมิดที่ปกคลุมสิ่งสร้างของพระเจ้า แม่พระยังคงอยู่อย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อยืนหยัดในความเชื่อ บางครั้งความมืดในยามราตรีสามารถแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเรา จนทำให้เราคิดว่าเราไม่เหลืออะไรแล้ว หัวใจของเราไม่สามารถพบกับพละกำลังของความรักอีกต่อไป แต่ในทุกความมืดมิด พระคริสตเจ้าสามารถส่องไฟแห่งความรักของพระเจ้าเข้าไปยังจิตใจของทุกคนได้เสมอ

"ธรรมล้ำลึกแห่งปาสกานี้คือหินปิดคูหาฝังศพพระเยซูถูกเลื่อนออก และมีพื้นที่ให้กับความหวังนั่นเอง ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน พวกเราถูกเรียกมาให้เป็นคนที่รอคอยแสงอรุณยามเช้า คนที่รู้ว่าจะมองเห็นเครื่องหมายแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูได้อย่างไร จงเป็นให้เหมือนอัครสาวกที่อยู่ที่คูหาฝังพระศพในรุ่งอรุณวันอาทิตย์ปาสกา" พระสันตะปาปาตรัสในช่วงท้าย

หลังการเทศน์สอนจบลง พระสันตะปาปาทรงร่วมรำลึกถึง 10 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของ "นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2" (สิ้นพระชนม์ 2 เมษายน 2005)

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พวกเรายังคงรำลึกถึงพระองค์ผู้เป็นประจักษ์พยานที่ยิ่งใหญ่ถึงพระคริสตเจ้าผู้ทรงทนทุกข์ทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพ พวกเราวอนขอพระองค์โปรดวิงวอนพระเจ้าเพื่อเรา เพื่อครอบครัวของเรา และเพื่อพระศาสนจักร เพื่อความสว่างแห่งการเสด็จกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าจะส่องแสงมายังเงามืดในชีวิตเราและทำให้เราเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีและสันติ

"พรุ่งนี้จะครบ 10 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 แบบอย่างของพระองค์ยังคงอยู่ท่ามกลางเรา พ่อจึงอยากกล่าวเป็นพิเศษไปยังบรรดาเยาวชนทุกคนว่า ขอให้เรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความรักในสิ่งที่ทำและความกระตือรือร้น นอกจากนี้ พ่อขอกล่าวกับผู้ป่วยทุกคน ขอให้ท่านแบกกางเขนแห่งความเจ็บป่วยด้วยความชื่นชมยินดีตามที่นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 ทรงแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง

"สุดท้าย บรรดาคู่แต่งงานใหม่ ขอพวกท่านให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของครอบครัว เพื่อที่ชีวิตแต่งงานของพวกท่านจะได้รับการเติมเต็มด้วยความรักและความสุขยิ่งๆ ขึ้นไปนะ" พระสันตะปาปา ตรัสกับทุกคน

ประมวลภาพ: การเข้าเฝ้าทั่วไป

Read More: Vatican Radio

Comments