โป๊ปฟรังซิส: "คนทำงานให้พระด้วยใจจริงแต่ถูกใส่ร้าย ขอให้น.โจนออฟอาร์คและบ.โรสมีนี่เป็นแบบอย่าง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้กำลังใจคนทำงานด้วยใจจริงให้พระศาสนจักร พระเยซูขับไล่ปีศาจ ยังโดนกล่าวหาว่าได้อำนาจมาจากเจ้าแห่งปีศาจ นักบุญโจนออฟอาร์คยังเคยถูกเผาทั้งเป็นเพราะถูกตัดสินเป็นพวกนอกรีต หรือจะเป็นบุญราศีอันโตนิโอ โรสมีนี่ ที่งานเขียนของท่านเคยถูกมองเป็นของต้องห้าม แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ท่านที่เคยถูกกล่าวหาเหล่านี้ เป็นนักบุญและบุญราศีไปแล้ว ทรงย้ำ เรื่องกล่าวหาแบบนี้มีจริงในพระศาสนจักร ดังนั้น เราต้องเลือกข้างว่าจะเดินตามพระประสงค์ของพระเจ้า หรือจะเลือกเดินตามใจที่แข็งกระด้างของตัวเอง การเลือกทางเดินนี้ ต้องไม่ทำแบบโอนอ่อนผ่อนตามเด็ดขาด



ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือประกาศเจเรมีห์ ชาวอิสราเอลไม่ฟังเสียงของพระเจ้า ไม่เดินตามทางที่พระเจ้าสั่งไว้ แต่กลับดำเนินชีวิตตามความดื้อกระด้างของตน ส่วนพระวรสารนั้น พระเยซูทรงสอนว่า "ผู้ใดไม่อยู่กับเราก็เป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเรา ย่อมทำให้สิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายไป"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "ในบทอ่านจากหนังสือประกาศกเจเรมีห์ พระเจ้าตรัสด้วยความขมขื่นที่ต้องเห็นประชากรของพระองค์ไม่เชื่อฟังและไม่สนใจ แต่เลือกไปเดินบนหนทางแข็งกระด้างของจิตใจที่ชั่วร้าย พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งแก่พวกเขา แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับกลับมามีแต่เรื่องแย่ๆ บรรดาผู้เชื่อในพระองค์หายตัวไปกันหมด

"นี่คือประวัติศาสตร์ของพระเจ้า มันดูคล้ายกับว่าพระเจ้าทรงกำลังร่ำไห้ เมื่อพระเยซูมองไปที่กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ก็ทรงร้องไห้เช่นกัน เพราะในหัวใจของพระเยซูก็คือประวัติศาสตร์นี้ที่ต้องเห็นผู้ศรัทธาในพระองค์หายตัวไป พวกเราเดินตามความต้องการของตัวเราเอง แต่การทำแบบนี้ทำให้จิตใจของเราแข็งกระด้างและกลายเป็นใจหิน เมื่อเป็นเช่นนี้ พระวาจาของพระเจ้าก็ไม่สามารถเข้าไปในจิตใจของเราได้ ประชากรของพระเจ้าจึงถอยห่างจากพระเจ้าออกไปไกลเรื่อยๆ ตอนนี้ ในเทศกาลมหาพรต เราต้องถามตัวเราเองว่า เราฟังเสียงของพระเจ้าหรือว่าเราฟังเสียงความต้องการของตัวเราเอง

"พระวรสารวันนี้ ยังนำเสนอตัวอย่างของคนใจแข็งกระด้างที่หูหนวกต่อเสียงของพระเจ้า เราจะเห็นได้ว่า พระเยซูทรงขับไล่ปีศาจออกจากชายคนนั้น แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับคือคำกล่าวหาว่าพระองค์ได้รับอำนาจจากเจ้าแห่งปีศาจ นี่คือคำกล่าวหาของพวกผู้บัญญัติกฏหมายที่คิดว่า ชีวิตถูกควบคุมด้วยกฏเกณฑ์ที่ตราขึ้นมาจากพวกตน

"นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในพระศาสนจักร! ลองคิดถึง โจนออฟอาร์คผู้น่าสงสารดูซิ วันนี้ ท่านเป็นนักบุญ! แต่ท่านถูกจับเผาทั้งเป็นเพราะท่านถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต ผู้พิจารณาคดีสอบสวนที่เดินตามกฏเกณฑ์ก็เหมือนพวกฟาริสี พวกเขาอยู่ห่างจากความรักของพระเจ้า

"หรือถ้าจะเอายุคใกล้ๆ เราก็คือบุญราศี อันโตนิโอ โรสมีนี่ งานเขียนของท่านเป็นของต้องห้าม มันถูกตราหน้าเป็นบาป แต่วันนี้ ท่านเป็นบุญราศี! ในประวัติศาสตร์ของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ พระเจ้าทรงส่งประกาศกมาบอกประชากรของพระองค์ว่า พระเจ้าทรงรักพวกเขา ในพระศาสนจักร พระเจ้าทรงส่งบรรดานักบุญมาหาเรา และมันเป็นนักบุญที่ผลักดันชีวิตของพระศาสนจักรให้ก้าวไปข้างหน้า ไม่ได้ผลักดันด้วยอำนาจ ไม่ได้ผลักดันด้วยการเสแสร้ง นี่แหละคือบรรดานักบุญ

"บรรดานักบุญคือคนที่ไม่กลัวที่จะให้ตัวเองได้รับการสัมผัสด้วยพระเมตตาจากพระเจ้า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบรรดานักบุญชายหญิงทั้งหลายถึงเข้าใจความเจ็บปวด ความทุกข์ระทม และความโศกเศร้าตามประสามนุษย์ พวกเขายังคงเดินไปกับประชากรของพระเจ้า พวกเขาไม่เคยดูแคลนประชากรของพระองค์

"พระเยซูตรัสว่า 'ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ก็เป็นปฏิปักษ์กับเรา' มันไม่มีการโอนอ่อนผ่อนตามนะ พวกท่านอยู่บนหนทางแห่งความรักและการเสแสร้ง ท่านยอมให้ตัวเองได้รับความรักจากพระเมตตาของพระเจ้า หรือท่านพึงพอใจกับความต้องการของหัวใจตัวเองที่แข็งกระด้างขึ้นทุกวันๆ

"'ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ก็เป็นปฏิปักษ์กับเรา' มันไม่มีตัวเลือกที่สามให้เลือกแล้วล่ะ ไม่ว่าท่านคือนักบุญหรือท่านจะเลือกทางเดินที่แตกต่างไป 'ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเรา ย่อมทำให้สิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายไป' เขาจะสูญเสียทุกอย่าง เขาคือคนคดโกงและเขาจะโกงต่อไปเรื่อยๆ" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments