โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนอย่าจ้างงานแบบใช้แรงงานทาส"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือนสติ คริสตชนอย่าจ้างงานแบบใช้แรงงานทาส อาทิ ใช้งานลูกจ้างวันละ 11 ชั่วโมง แต่จ่ายผลตอบแทนให้ลูกจ้างเพียงน้อยนิด ทรงย้ำ เราทุกคนมีโอกาสถูกล่อลวงให้โกงกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่กล้าพูดแบบเต็มปากเต็มคำว่าไม่เคยโกงแม้แต่ครั้งเดียว ทรงสอน เราต้องห่วงใยผู้อพยพ เพราะคริสตชนก็เป็นผู้อพยพที่ต้องออกเดินทางไปตามหนทางของพระเจ้าเช่นกัน






ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปอภิบาลคริสตชนเมืองปอมเปอีและนาโปลี โดยจุดหมายแรกที่เสด็จไปคือสักการะสถานแม่พระแห่งลูกประคำ เมืองปอมเปอี ทั้งนี้ รูปแม่พระแห่งปอมเปอีที่เราเห็นกันในเมืองไทย อยู่ที่วัดแม่พระแห่งลูกประคำ (กาลหว่าร์) นั่นเอง

หลังจากพระสันตะปาปาภาวนาที่สักการะสถานแม่พระแห่งเมืองปอมเปอีแล้ว พระองค์ได้ประทับเฮลิคอปเตอร์ต่อไปที่เขตสกัมเปีย เมืองนาโปลี เขตสกัมเปียเป็นที่รู้กันว่ามีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราว่างงานของคนที่นี่และปัญหายาเสพติดก็สูงมาก พระสันตะปาปาจึงต้องการมาให้กำลังใจและให้ความหวังกับชาวเมืองทุกคนในการดำเนินชีวิต

พิธีการของวันนี้ เริ่มต้นด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อของผู้แทนสัตบุรุษ เริ่มจาก "โคราซอน" ชาวฟิลิปปินส์ที่มาทำงานในอิตาลี เธอแบ่งปันประสบการณ์ของการเป็นผู้อพยพที่ต้องละทิ้งบ้านเกิดมาอยู่ที่นี่ จากนั้น "มิเคเล่" ชายหนุ่มชาวอิตาเลี่ยนที่ตกงาน และปิดท้ายด้วย "อันโตนิโอ โบนายูโต" ประธานศาลอุทธรณ์เมืองนาโปลี ที่มาแบ่งปันผลกระทบที่การคดโกงได้ทำลายสังคม

จากนั้น พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับผู้แทนทั้งสามคนและชาวเมืองทุกคนตามหัวข้อที่มีการแบ่งปัน พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงผู้อพยพว่า "พวกเราต้องสัมผัสให้ได้ว่า พี่น้องผู้อพยพก็เป็นพลเมืองของสังคมเหมือนกับเรา พวกเขาเป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน พวกเราที่เป็นลูกของพระเจ้า เราก็เป็นผู้อพยพ เพราะพระเจ้าทรงทรงจัดการเรื่องการจาริกในชีวิตให้กับเรา เราไม่สามารถกล่าวได้ว่า 'แต่ผู้อพยพต้องเป็นแบบนี้ เราไม่ไช่แบบพวกเขา' ไม่! พวกเราทั้งหมดคือผู้อพยพ พวกเรากำลังอยู่บนหนทางของการจาริกเดินทาง นี่คือคำพูดที่ไม่มีระบุไว้ในหนังสือ แต่มันถูกเขียนไว้ในตัวเรา ... ลองคิดดูซิ ไม่มีใครในกลุ่มเราที่อยู่กับสิ่งใดไปตลอด เราต้องจากลากันทั้งนั้น เราต้องจากลาเพื่อไปหาพระเจ้า!

ส่วนคำถามเรื่องการว่างงาน พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "นี่คือสัญญาณเลวร้ายของยุคนี้เลยก็ว่าได้ เฉพาะอย่างยิ่งการว่างงานของบรรดาเยาวชน ลองคิดดูนะ เยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี ว่างงานมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ นี่เป็นปัญหาซีเรียสมากๆ นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบแค่เมืองนาโปลีเท่านั้น ไม่ใช่ความรับผิดชอบแค่อิตาลี แต่เป็นความรับผิดชอบของโลกที่ต้องช่วยพวกเขา ... ปัญหาการว่างงานได้ขโมยศักดิ์ศรีความเป็นคนไป เพราะมันทำให้เราไม่มีโอกาสจะหาอาหารมาเลี้ยงปากท้องในแต่ละวัน ฉะนั้น พวกเราต้องช่วยกันปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราอย่าทำเป็นนิ่งเฉย ไม่ช่วยเหลือกัน อย่างไรก็ตาม ต้องระวังเรื่องการใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไม่กี่สัปดาห์ก่อน พ่อได้ยินเรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทำงานวันละ 11 ชั่วโมง และได้เงินเดือนแค่เดือนละ 600 ยูโรเท่านั้น (ประมาณ 21,600 บาท) คนที่จ้างงานแบบนี้ไม่ใช่คน ไม่ใช่คริสตชนด้วย!

สำหรับคำถามสุดท้ายเรื่องการคอร์รัปชั่นและการโกงที่ทำร้ายสังคม พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "นักบุญจอห์น บอสโก พูดเสมอว่า เราต้องเป็นคริสตชนที่ดีและเป็นพลเมืองที่ซื้อสัตย์ไม่โกง เราต้องช่วยให้ลูกหลานและเยาวชนโตไปเป็นคนดีและซื่อสัตย์ด้วยเช่นกัน นี่คือหนทางแห่งความหวังสำหรับเด็กๆ นี่คือการสอนที่สำคัญสุดต่อเด็กๆ

"เราทุกคนมีโอกาสโกงด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครในกลุ่มพวกเราหรอกที่บอกว่า 'ฉันไม่เคยโกง' นี่คือการประจญล่อลวงจากปีศาจ มันทำให้เราลื่นล้มลงไปกับมัน ดังนั้น พ่ออยากให้กำลังใจทุกคนที่ทำงานในสำนักเทศมนตรีเมืองนาโปลี จงเป็นนักการเมืองที่ดี นักการเมืองที่ดีคือการรับใช้ประชาชน การแสดงออกที่สูงสุดของนักการเมืองคือความรักความเมตตาและการรับใช้" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาพบสัตบุรุษเขตสกัมเปีย เมืองนาโปลี



Comments