โป๊ปฟรังซิส: "ยาพิษร้ายแรงที่ทำร้ายคนชราคือการอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องลูกหลาน อย่าปล่อยพ่อแม่ที่ชราภาพให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่จงไปอยู่กับพวกเขา ทรงชี้ ยาพิษร้ายแรงที่ทำร้ายคนชราคือการอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง ทรงชี้ พระเจ้าจะพูดกับเราไม่ได้ ถ้าหัวใจของเราไม่สงบเงียบ ทรงย้ำ ชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัวไม่เหมือนการเรียนภาษาที่เรียนแป๊ปเดียวก็พูดได้แล้ว ของแบบนี้ใช้เวลาและต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีด้วย









ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปที่ฟอนตาน่า เดล เซเบโต้ เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี เพื่อทรงพบปะและให้โอวาทแก่เยาวชนกว่า 140,000 คนในอัครสังฆมณฑลนาโปลี โดยการพบปะเยาวชนเป็นพันธกิจสุดท้ายของการเยือนนาโปลีของพระสันตะปาปาด้วย

สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับเยาวชนเมืองนาโปลี พระองค์ทรงเริ่มต้นด้วยการบอกให้ทุกคน "หยุด" กล่าวเชียร์พระองค์ด้วยการเรียกชื่อ แต่ขอให้ทุกคนเปลี่ยนไปตะโกนเชียร์ชื่อของพระเยซูจะเหมาะสมกว่า ทำเอาทุกคนที่ได้ยินปรบมือชอบใจเป็นการใหญ่

จากนั้น เป็นการถามคำถามพระสันตะปาปา และพระองค์จะตอบพวกเขาแบบสดๆ คำถามแรก ถามว่า "เราจะตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในโลกนี้ได้อย่างไร"

พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "ก่อนจะตอบคำถาม พ่อขอโทษทุกคนก่อนที่พ่อต้องนั่งเก้าอี้แล้วล่ะ วันนี้ พ่อเริ่มเมื่อยแล้ว (ทุกคนปรบมือชอบใจ) สำหรับคำถามนี้ คำตอบของพ่อคือพระเจ้าของเราคือพระเจ้าแห่งคำพูด อากัปกิริยา และความเงียบ พระองค์คือพระเจ้าที่รู้จักเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเราเอง พระองค์ทรงพูดกับเราในความเงียบของหัวใจเรา แต่พระเจ้าไม่สามารถพูดกับเราได้ถ้าเรายังไม่เงียบ ถ้าเรายังไม่ชำเลืองมองแบบเงียบๆ ไปยังไม้กางเขนที่พระองค์ทรงถูกตรึงอยู่ พวกเราสามารถเข้าหาความเงียบของพระเจ้าได้ด้วยการรำพึงเพ่งพิศถึงพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนอย่างไม่มีใครสนใจ

"พระเจ้าทรงสร้างเราให้มีความสุข แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกสิ่งในชีวิตของเราจะต้องสมบูรณ์แบบถ้าเราเชื่อในพระองค์ หนึ่งในความเงียบของพระเจ้าที่สำคัญมากๆ คือทำไมเด็กๆ ยังต้องทนทุกข์ทรมาน พวกเราจะไม่เข้าใจความเงียบของพระเจ้าเลย ถ้าหากเราไม่เข้าใกล้พระคริสตเจ้าบนไม้กางเขน"

ส่วนคำถามที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจะรวมผู้สูงอายุเข้ากับสังคมทุกวันนี้ได้อย่างไร พวกเขาถึงจะไม่ถูกทอดทิ้งและปล่อยให้อ้างว้าง

พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "วัฒนธรรมทิ้งๆ ขว้างๆ ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา เราไม่ได้ทอดทิ้งแต่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เรายังทอดทิ้งเด็กและทารกที่ยังไม่ได้ลืมตามาดูโลกด้วย น่าเศร้าที่เรามองว่าเด็กๆ เป็นสิ่งไร้ค่า แต่กลับไปให้เอ็นดูกับหมาหรือแมวมากกว่า

"พ่อขอประณามสังคมที่มองการการุณยฆาตเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยสูงอายุ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่การการุณยฆาตทางปฏิบัติเท่านั้น แต่พ่อยังอยากกล่าวถึงการการุณยฆาตแบบเงียบๆ ด้วย นั่นคือเมื่อคนชราปฏิเสธยาเวชภัณฑ์ ปฏิเสธที่จะกินอาหาร และปฏิเสธความรักจากครอบครัว การอยู่อย่างโดดเดี่ยวคือยาพิษที่ร้ายแรงของคนชรา ดังนั้น พ่ออยากขอร้องทุกคนอยู่กับพ่อแม่ที่ชราภาพ ทั้งนี้ เพื่อทดสอบจิตรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราด้วย และลองคิดด้วยนะว่า ครั้งสุดท้ายที่เราโทรศัพท์ไปคุยกับพวกท่านนั้น เกิดขึ้นเมื่อไหร่"

คำถามสุดท้าย เป็นเรื่องครอบครัวถูกทำร้ายจากแนวคิดต่างๆ นาๆ พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "ครอบครัวกำลังอยู่ในวิกฤติ นี่คือความจริง! แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เช่นกัน ชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัวไม่เหมือนการเรียนภาษาที่เรียนแค่ 8 บท เราก็พูดคล่องแล้ว ไม่ใช่! มันไม่ใช่แบบนั้น ของแบบนี้ใช้เวลาและต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีด้วย เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งหมดเรียกร้องการเป็นประจักษ์พยานของคู่สมรสที่จะสอนลูกหลานของตนให้เผชิญหน้ากับปัญหา และร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกัน" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาพบเยาวชนเมืองนาโปลี


Comments