โป๊ปฟรังซิส: "อย่ายึดติดหลักคำสอน แต่หัวใจไร้ความเชื่อในพระเจ้า"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน อย่าเป็นพวกยึดติดหลักคำสอน แต่หัวใจไร้ความเชื่อ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ เราจะใช้ศีลธรรมในทางที่ผิดเหมือนพวกธรรมาจารย์เหล่านั้น ทรงชี้ ศูนย์กลางของบทบัญญัติของพระเจ้าคือความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่กฏเกณฑ์ที่เป็นแค่หลักคำสอนที่เย็นชา ทรงย้ำ ถ้าหัวใจเราไม่มีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า เราก็ไม่ใช่ผู้มีความเชื่อแท้จริงในพระองค์



ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือปฐมกาล พระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่อของ "อับราม" เป็น "อับราฮัม" พร้อมทำให้เขาเป็นบิดาของชนชาติจำนวนมากและมีลูกหลานทวียิ่งขึ้น และพันธสัญญานี้จะดำรงอยู่ตลอดไป ส่วนพระวรสารวันนี้ ชาวยิวถามพระเยซูว่า "ท่านอายุยังไม่ถึง 50 ปี ได้เห็นอับราฮัมแล้วหรือ" พระเยซูตรัสตอบว่า "ก่อนอับราฮัมจะเกิด เราเป็น" (หมายถึงเรามีอยู่แล้ว) ชาวยิวจึงโกรธและพยายามเอาหินเขวี้ยงพระองค์

พระสันตะปาปา ทรงแบ่งปันให้ข้อคิดว่า "เรื่องของอับราฮัม เราเห็นได้ว่า ท่านและนางแซร่าห์ ภรรยา แม้จะชราภาพมากแล้ว แต่ท่านทั้งสองก็มีความเชื่อ เปิดใจให้กับความหวัง และเปี่ยมไปด้วยการปลอบโยนจากพระเจ้า

"ส่วนพระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเตือนสติพวกธรรมาจารย์ว่า อับราฮัมเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีที่ได้เห็นพันธสัญญาจากพระเจ้า แต่พวกธรรมาจารย์ไม่เข้าใจ พวกเขาไม่เข้าใจความชื่นชมยินดีแห่งพันธสัญญา พวกเขาไม่เข้าใจความชื่นชมยินดีแห่งความหวัง พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย!

"พวกเขาไม่รู้ว่าความชื่นชมยินดีนั้นทำอย่างไร เพราะพวกเขาสูญเสียความรู้สึกแห่งความชื่นชมยินดีที่มาจากความเชื่อ แต่อับราฮัมบิดาของพวกเรา เข้าใจความชื่นชมยินดีนี้เพราะท่านมีความเชื่อ ท่านถูกทำให้ชอบธรรมในความเชื่อ ส่วนคนอื่นมีแต่ความเชื่อที่ว่างเปล่า คนพวกนี้คือธรรมาจารย์ แต่ไม่มีความเชื่อ! พวกเขาสูญเสียธรรมบัญญัติ เพราะศูนย์กลางของบทบัญญัติคือความรัก ความรักเพื่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

"คนที่ปราศจากความเชื่อ ปราศจากธรรมบัญญัติ แต่ยึดติดกับหลักคำสอน ของแบบนี้จะกลายเป็นทัศนคติของการใช้ศีลธรรมในทางที่ผิด ... การใช้ศีลธรรมในทางที่ผิดจะทำให้โลกเป็นโลกที่ไร้แก่นสาร โลกที่ปราศจากความรัก ความเชื่อ ความหวัง ความวางใจ และปราศจากพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถชื่นชมยินดีใดๆ ได้เลย

"บางที พวกธรรมาจารย์เหล่านี้อาจมีความรู้สึกสนุก แต่ไม่มีความชื่นชมยินดีอยู่ในใจ เพราะจริงๆ แล้ว ในใจเขามีแต่ความกลัว นี่คือชีวิตที่ปราศจากความเชื่อในพระเจ้า ไม่มีความวางใจในพระองค์ ไม่มีความหวังในพระองค์ หัวใจของพวกเขากลายเป็นหินไปแล้ว! นี่เป็นเรื่องเศร้าที่เป็นผู้มีความเชื่อแบบไร้ความชื่นชมยินดี เมื่อเราไม่มีความเชื่อ เราก็ไม่มีความชื่นชมยินดี เมื่อไม่มีความหวัง มันก็ไม่มีธรรมบัญญัติ มันจะมีแค่กฏเกณฑ์ที่เป็นแค่หลักคำสอนที่เย็นชา

"ความชื่นชมยินดีแห่งความเชื่อ ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสารคือมาตรฐานความเชื่อของตัวบุคคล เมื่อปราศจากความชื่นชมยินดี คนๆ นั้นก็ไม่ใช่ผู้มีความเชื่อที่แท้จริง" พระสันตะปาปา ตรัสในช่วงท้าย


Comments