สัมภาษณ์พิเศษโป๊ปฟรังซิส โอกาสครบ 2 ปีแห่งสมณสมัยของพระองค์
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเผย คิดเสมอว่าสมณสมัยของพระองค์ต้อง "สั้น" แน่ๆ พร้อมเล่าว่า ครั้งที่มาเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งล่าสุด เตรียมเสื้อผ้ามาน้อยมาก เพราะคิดว่าคงใช้เวลาเลือกตั้งไม่นาน แล้วจะได้กลับอาร์เจนตินา ทรงเล่าเรื่องขำที่ได้ยินบริษัทรับพนันอย่างถูกกฏหมายในอังกฤษ ออกอัตราต่อรองการได้เป็นพระสันตะปาปาของพระองค์ ทรงแบ่งปัน สิ่งอยากทำที่สุดคือเดินออกไปนอกวาติกัน เพื่อซื้อพิซซ่ากิน ทรงชี้ พระสันตะปาปาต้องการคำภาวนาจากสัตบุรุษ และทรงยืนยัน สงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศเพียง 1 คน ก็เปลี่ยนโครงสร้างการจัดการปัญหาของพระศาสนจักรได้เลย
วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 2 ปีแห่งสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส โอกาสพิเศษนี้ พระสันตะปาปาทรงประทานการสัมภาษณ์พิเศษแก่ "วาเลนติน่า อลาสรากี" ผู้สื่อข่าวอาวุโสของเตเลวีซ่า นิวส์ ประเทศเม็กซิโก และยังเป็นหัวหน้าสื่อมวลชนจากสำนักต่างๆ ที่ประจำสันตะสำนักด้วย (อลาสรากี คือคนได้รับเค้กวันเกิดและการอวยพรจากพระสันตะปาปา ระหว่างอยู่บนเครื่องบินกลับจากฟิลิปปินส์ไปอิตาลี) การสัมภาษณ์นี้มีทั้งเรื่อง "หนัก" และ "เบา" หลายประเด็น ซึ่งรายละเอียดต่างๆ มีดังนี้
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อมีความรู้สึกว่า สมณสมัย (ช่วงเวลาการเป็นพระสันตะปาปา) ของตนเองคงเป็นแบบสั้นๆ อาจจะ 4-5 ปีเท่านั้น พ่อไม่รู้ซิ บางที อาจแค่ 2-3 ปีก็ได้ แต่โชคดีตอนนี้มันเลย 2 ปีมาเรียบร้อยแล้ว พ่อมีความรู้สึกว่าพระเจ้าจับมาทำหน้าที่ตรงนี้แบบสั้นๆ และไม่น่าจะนานนัก"
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "ในความคิดของพ่อ พ่อคิดว่าสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเปี่ยมด้วยความกล้าหาญมากๆ เลยนะที่สละตำแหน่ง เพราะก่อนหน้านี้หลายร้อยปี ไม่มีพระสันตะปาปาองค์ไหนที่ทำเช่นนี้ บัดนี้ ประตูบานนี้ (พระสันตะปาปาสละตำแหน่ง) ถูกเปิดออกอีกครั้ง บางที พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ อาจไม่ใช่พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายที่ทำแบบนี้ เพราะตอนนี้ ตำแหน่งพระสันตะปาปากิตติคุณ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
"ต่อคำถามที่ว่า พ่อมีความคิดจะสละตำแหน่งบ้างไหมเมื่ออายุ 80 ปี คำตอบคือ พ่อทำได้นะ แต่กระนั้น พ่อไม่ชอบความคิดข้อกำหนดเรื่องอายุเท่าไหร่ เพราะพ่อเชื่อว่าตำแหน่งพระสันตะปาปาควรเป็นตำแหน่งสุดท้ายที่มีข้อกำหนดเรื่องนี้ นี่คือตำแหน่งที่พ่อคิดว่าได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้า ดังนั้น พ่อไม่สนับสนุนเรื่องข้อกำหนดอายุที่พระสันตะปาปาต้องเกษียณอายุ
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อมากรุงโรมด้วยกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ เพราะพ่อคิดว่าพ่อจะได้กลับไปยังบัวโนสไอเรส (เมืองหลวงของอาร์เจนตินา) เพื่อเตรียมตัวสำหรับสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ รู้ไหม ตอนนั้น พ่อเตรียมบทเทศน์ที่จะเทศน์ในมิสซาแห่ใบลานให้กับอัครสังฆมณฑลบัวโนสไอเรสแล้วด้วยนะ เพราะพ่อคิดว่า การเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งนี้ คงใช้เวลาไม่นาน และพ่อคงได้กลับบ้านแน่ๆ พ่อยังขำอยู่เลยตอนที่ได้ยินพวกบริษัทรับพนันอย่างถูกกฏหมายในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ออกอัตราต่อรองเรื่องที่พ่อจะได้เป็นพระสันตะปาปาคนใหม่ ตอนนั้น เขาจัดให้พ่ออยู่ในลำดับที่ 42 หรือ 46 นี่แหละ
"พ่อจำได้ว่า หลังจากผ่านพ้นวันแรกของการลงคะแนนเลือกตั้งพระสันตะปาปา (12 มีนาคม) พ่อยังได้รับคะแนนอยู่นิดเดียวเอง ซึ่งคะแนนตรงนี้ พ่อขอเรียกมันว่าเป็น 'คะแนนที่ฝากไว้' แล้วกัน เพราะพระคาร์ดินัลส่วนมากยังไม่รู้จักกันว่าใครเป็นใคร แต่พวกนักข่าวบอกว่าพ่อเป็นพวกผู้อาวุโส (เคยเข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปามาแล้ว สมัยเลือกพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16) ทำให้พระคาร์ดินัลบางคนรู้จักพ่อ และพ่อได้รับคะแนนที่ฝากไว้ตรงนี้
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "ไม่รู้ (พร้อมยิ้ม และถามนักข่าวกลับไปว่า) คุณรู้ได้ไง (จังหวะนี้ นักข่าวตอบว่า พระคาร์ดินัลบางคนบอกมา และพระสันตะปาปาตรัสตอบว่า) ... แม้พ่อจะบอกได้ เพราะตอนนี้พ่อมีอำนาจที่จะพูดออกมา แต่พ่อขอให้มันผ่านไปแล้วกัน
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อจำไม่ได้ทั้งหมดนะ แต่ที่จำได้แน่ๆ วันที่ 13 มีนาคม (วันที่ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา) หลังอาหารเที่ยง พ่อเห็นสัญญาณแปลกๆ บางอย่าง พระคาร์ดินัลหลายคนเข้ามาถามพ่อว่า 'สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง มีโรคประจำตัวอะไรไหม' จากนั้น ตอนเย็นๆ ก็มีมาถามแบบนี้อีกเช่นกัน เอาล่ะ เค้กเริ่มถูกปรุงแล้วใช่ไหม (หมายถึงการเป็นพระสันตะปาปาเริ่มมีเค้าโครง) พอถึงการลงคะแนนครั้งที่สองของวัน ผลที่ออกมาก็สร้างความประหลาดใจให้พ่อทันที (เพราะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปา)
"สิ่งที่พ่ออยากแบ่งปันคือตอนที่คะแนนของพ่อกำลังจะถึง 2 ใน 3 พระคาร์ดินัล เคลาดิโอ อุมเมส เพื่อนที่แสนดีของพ่อที่นั่งอยู่ติดกัน เข้ามากระซิบพ่อว่า 'อย่ากังวล ปล่อยให้พระจิตทำงานต่อไปเถอะ' พ่อพยักหน้ารับและสวดสายประคำต่อไป และพอคะแนนเลย 2 ใน 3 ไปแล้ว เสียงปรบมือจากพระคาร์ดินัลก็ดังขึ้น พระคาร์ดินัลเดินมาถามพ่อว่า 'จะรับตำแหน่งนี้หรือไม่' พ่อตอบรับไป แล้วพระคาร์ดินัลอุมเมส ก็เข้ามาหาพ่ออีกครั้ง ท่านคุกเข่าลงและจุมพิตมือพ่อ พร้อมพูดว่า 'อย่าลืมคนยากจนนะ' คำพูดนี้กระแทกใจพ่อมากๆ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ ฟรังซิส (อัสซีซี) นั่นเอง
"หลังจากนั้น พ่ออยู่ในความสงบ พ่อเดินไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดพระสันตะปาปา หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว คนแรกที่พ่อเดินไปหาคือ พระคาร์ดินัล อีวาน ดิอาส (อินเดีย) เพราะท่านนั่งอยู่บนรถเข็นระหว่างมาร่วมเลือกตั้งพระสันตะปาปา และก็ตามด้วยการออกไปพบสัตบุรุษที่ระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร"
พระสันตะปาปา พูดถึงเรื่องนี้ว่า "สาเหตุที่ตอนกล่าวสุนทรพจน์แรกกับประชาชนในวันที่ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา แล้วพ่อเชิญทุกคนสงบนิ่งสวดภาวนาขอพระเจ้าโปรดประทานพรให้กับพระสันตะปาปาใหม่ มันเป็นเพราะพ่อรู้สึกลึกๆ ว่า หน้าที่นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับพลังจากพระเจ้า รวมถึงประชากรของพระองค์ พ่อไม่กล้าพูดว่า พี่น้องช่วยอวยพรพ่อด้วย แต่พ่อพูดว่า 'ขอให้พี่น้องสวดขอพระเจ้าพร้อมกัน เพื่อพระเจ้าจะได้อวยพรพระสันตะปาปาคนใหม่ และอวยพรพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ด้วยนะ'
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "สิ่งเดียวที่พ่ออยากทำมากสุดคือ เดินออกไป(นอกวาติกัน)แบบไม่มีใครจำได้ แล้วเดินไปยังร้านพิซซ่า เพื่อซื้อพิซซ่ากิน พ่ออยากทำแบบนี้ เพราะตอนอยู่ที่บัวโนสไอเรส พ่อเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจ สามารถไปอภิบาลสัตบุรุษตามวัดต่างๆ ได้ แต่ที่นี่ พ่อทำอย่างนั้นไม่ได้"
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พ่อเชื่อว่าการประชุมสมัชชาพระสังฆราช ในหัวข้อครอบครัวเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ครอบครัวทุกวันนี้ประสบปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน หรือจะเป็นเรื่องการไม่เตรียมตัวอย่างดีก่อนแต่งงาน ทำให้ต้องเลิกรากันไป และจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง ใจจริง พ่ออยากให้มีการตีพิมพ์รายละเอียดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแบบเต็มๆ แต่ไม่ต้องระบุชื่อพระสังฆราชว่า ท่านใดแสดงความเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ การประชุมที่ไม่ให้ผู้ร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ มันก็ไม่ใช่การประชุม"
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "มันเป็นความจริงว่า สงฆ์ที่ล่วงละเมิดทางเพศเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยของพระศาสนจักร และมันก็เป็นความจริงอีกเช่นกันที่ สงฆ์เพียง 1 คนที่ล่วงละเมิดทางเพศ ก็สร้างความรุนแรงพอที่จะเปลี่ยนโครงสร้างของพระศาสนจักรในการเผชิญหน้าปัญหาเหล่านี้ พ่อย้ำนะ แม้คนก่อคดีจะเป็นสงฆ์เพียง 1 คน มันก็เพียงพอจะสร้างความอัปยศได้แล้ว ดังนั้น เราต้องก้าวไปข้างหน้าแก้ปัญหา ไม่ใช่ถอยหลังกลับไปหามัน"
พระสันตะปาปา ตอบว่า "เม็กซิโก ถ้าจะไปเยือนจริงๆ ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ ถ้าจะให้พ่อไปแบบสั้นๆ พ่อไม่ต้องการทำแบบนั้น พ่ออยากไปที่แม่พระแห่งกัวดาลูเป้ด้วย พ่อเคยไปที่นั่นใน ค.ศ.1970"
พระสันตะปาปา ตรัสถึงเรื่องนี้ว่า "พ่อคิดว่าความทุกข์สุดๆ ของพ่อคือการเดินทาง เพราะพ่อเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท พ่อจึงต้องดื่มชาสุขภาพทุกวัน ส่วนชีวิตที่หอพักซานตา มาร์ธา พ่อว่าดีมาก ที่นี่ใหญ่โต แต่ไม่หรูหรา พ่อชอบที่นี่ กินข้าวกับผู้คน ร่วมมิสซากับพวกเขา ในหนึ่งสัปดาห์ จะมีคนมาร่วมมิสซากับพ่อ 4 วัน (จันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี และศุกร์) พ่อชอบที่นี่นะ และพ่อไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเลย"
Read More: Televisa
วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 2 ปีแห่งสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส โอกาสพิเศษนี้ พระสันตะปาปาทรงประทานการสัมภาษณ์พิเศษแก่ "วาเลนติน่า อลาสรากี" ผู้สื่อข่าวอาวุโสของเตเลวีซ่า นิวส์ ประเทศเม็กซิโก และยังเป็นหัวหน้าสื่อมวลชนจากสำนักต่างๆ ที่ประจำสันตะสำนักด้วย (อลาสรากี คือคนได้รับเค้กวันเกิดและการอวยพรจากพระสันตะปาปา ระหว่างอยู่บนเครื่องบินกลับจากฟิลิปปินส์ไปอิตาลี) การสัมภาษณ์นี้มีทั้งเรื่อง "หนัก" และ "เบา" หลายประเด็น ซึ่งรายละเอียดต่างๆ มีดังนี้
คิดว่า สมณสมัยของตนต้อง "สั้น" แน่นอน
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อมีความรู้สึกว่า สมณสมัย (ช่วงเวลาการเป็นพระสันตะปาปา) ของตนเองคงเป็นแบบสั้นๆ อาจจะ 4-5 ปีเท่านั้น พ่อไม่รู้ซิ บางที อาจแค่ 2-3 ปีก็ได้ แต่โชคดีตอนนี้มันเลย 2 ปีมาเรียบร้อยแล้ว พ่อมีความรู้สึกว่าพระเจ้าจับมาทำหน้าที่ตรงนี้แบบสั้นๆ และไม่น่าจะนานนัก"
คิดเรื่องเกษียณจากตำแหน่งพระสันตะปาปา หลังจากอายุ 80 ปีบ้างไหม
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "ในความคิดของพ่อ พ่อคิดว่าสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเปี่ยมด้วยความกล้าหาญมากๆ เลยนะที่สละตำแหน่ง เพราะก่อนหน้านี้หลายร้อยปี ไม่มีพระสันตะปาปาองค์ไหนที่ทำเช่นนี้ บัดนี้ ประตูบานนี้ (พระสันตะปาปาสละตำแหน่ง) ถูกเปิดออกอีกครั้ง บางที พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ อาจไม่ใช่พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายที่ทำแบบนี้ เพราะตอนนี้ ตำแหน่งพระสันตะปาปากิตติคุณ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
"ต่อคำถามที่ว่า พ่อมีความคิดจะสละตำแหน่งบ้างไหมเมื่ออายุ 80 ปี คำตอบคือ พ่อทำได้นะ แต่กระนั้น พ่อไม่ชอบความคิดข้อกำหนดเรื่องอายุเท่าไหร่ เพราะพ่อเชื่อว่าตำแหน่งพระสันตะปาปาควรเป็นตำแหน่งสุดท้ายที่มีข้อกำหนดเรื่องนี้ นี่คือตำแหน่งที่พ่อคิดว่าได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้า ดังนั้น พ่อไม่สนับสนุนเรื่องข้อกำหนดอายุที่พระสันตะปาปาต้องเกษียณอายุ
ตอนมาร่วมเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งล่าสุด คิดว่าได้กลับบ้านแน่
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อมากรุงโรมด้วยกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ เพราะพ่อคิดว่าพ่อจะได้กลับไปยังบัวโนสไอเรส (เมืองหลวงของอาร์เจนตินา) เพื่อเตรียมตัวสำหรับสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ รู้ไหม ตอนนั้น พ่อเตรียมบทเทศน์ที่จะเทศน์ในมิสซาแห่ใบลานให้กับอัครสังฆมณฑลบัวโนสไอเรสแล้วด้วยนะ เพราะพ่อคิดว่า การเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งนี้ คงใช้เวลาไม่นาน และพ่อคงได้กลับบ้านแน่ๆ พ่อยังขำอยู่เลยตอนที่ได้ยินพวกบริษัทรับพนันอย่างถูกกฏหมายในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ออกอัตราต่อรองเรื่องที่พ่อจะได้เป็นพระสันตะปาปาคนใหม่ ตอนนั้น เขาจัดให้พ่ออยู่ในลำดับที่ 42 หรือ 46 นี่แหละ
"พ่อจำได้ว่า หลังจากผ่านพ้นวันแรกของการลงคะแนนเลือกตั้งพระสันตะปาปา (12 มีนาคม) พ่อยังได้รับคะแนนอยู่นิดเดียวเอง ซึ่งคะแนนตรงนี้ พ่อขอเรียกมันว่าเป็น 'คะแนนที่ฝากไว้' แล้วกัน เพราะพระคาร์ดินัลส่วนมากยังไม่รู้จักกันว่าใครเป็นใคร แต่พวกนักข่าวบอกว่าพ่อเป็นพวกผู้อาวุโส (เคยเข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปามาแล้ว สมัยเลือกพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16) ทำให้พระคาร์ดินัลบางคนรู้จักพ่อ และพ่อได้รับคะแนนที่ฝากไว้ตรงนี้
จริงหรือไม่ที่ พระคาร์ดินัล แบร์โกโญ่ ได้คะแนน 40 เสียง สมัยเลือกพระสันตะปาปา เบเนดิกต์
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "ไม่รู้ (พร้อมยิ้ม และถามนักข่าวกลับไปว่า) คุณรู้ได้ไง (จังหวะนี้ นักข่าวตอบว่า พระคาร์ดินัลบางคนบอกมา และพระสันตะปาปาตรัสตอบว่า) ... แม้พ่อจะบอกได้ เพราะตอนนี้พ่อมีอำนาจที่จะพูดออกมา แต่พ่อขอให้มันผ่านไปแล้วกัน
สัญญาณการเป็นพระสันตะปาปามาด้วยการถูกถามเรื่องสุขภาพ
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อจำไม่ได้ทั้งหมดนะ แต่ที่จำได้แน่ๆ วันที่ 13 มีนาคม (วันที่ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา) หลังอาหารเที่ยง พ่อเห็นสัญญาณแปลกๆ บางอย่าง พระคาร์ดินัลหลายคนเข้ามาถามพ่อว่า 'สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง มีโรคประจำตัวอะไรไหม' จากนั้น ตอนเย็นๆ ก็มีมาถามแบบนี้อีกเช่นกัน เอาล่ะ เค้กเริ่มถูกปรุงแล้วใช่ไหม (หมายถึงการเป็นพระสันตะปาปาเริ่มมีเค้าโครง) พอถึงการลงคะแนนครั้งที่สองของวัน ผลที่ออกมาก็สร้างความประหลาดใจให้พ่อทันที (เพราะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปา)
"สิ่งที่พ่ออยากแบ่งปันคือตอนที่คะแนนของพ่อกำลังจะถึง 2 ใน 3 พระคาร์ดินัล เคลาดิโอ อุมเมส เพื่อนที่แสนดีของพ่อที่นั่งอยู่ติดกัน เข้ามากระซิบพ่อว่า 'อย่ากังวล ปล่อยให้พระจิตทำงานต่อไปเถอะ' พ่อพยักหน้ารับและสวดสายประคำต่อไป และพอคะแนนเลย 2 ใน 3 ไปแล้ว เสียงปรบมือจากพระคาร์ดินัลก็ดังขึ้น พระคาร์ดินัลเดินมาถามพ่อว่า 'จะรับตำแหน่งนี้หรือไม่' พ่อตอบรับไป แล้วพระคาร์ดินัลอุมเมส ก็เข้ามาหาพ่ออีกครั้ง ท่านคุกเข่าลงและจุมพิตมือพ่อ พร้อมพูดว่า 'อย่าลืมคนยากจนนะ' คำพูดนี้กระแทกใจพ่อมากๆ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ ฟรังซิส (อัสซีซี) นั่นเอง
"หลังจากนั้น พ่ออยู่ในความสงบ พ่อเดินไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดพระสันตะปาปา หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว คนแรกที่พ่อเดินไปหาคือ พระคาร์ดินัล อีวาน ดิอาส (อินเดีย) เพราะท่านนั่งอยู่บนรถเข็นระหว่างมาร่วมเลือกตั้งพระสันตะปาปา และก็ตามด้วยการออกไปพบสัตบุรุษที่ระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร"
ตำแหน่งพระสันตะปาปาต้องการคำภาวนาจากสัตบุรุษ
พระสันตะปาปา พูดถึงเรื่องนี้ว่า "สาเหตุที่ตอนกล่าวสุนทรพจน์แรกกับประชาชนในวันที่ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา แล้วพ่อเชิญทุกคนสงบนิ่งสวดภาวนาขอพระเจ้าโปรดประทานพรให้กับพระสันตะปาปาใหม่ มันเป็นเพราะพ่อรู้สึกลึกๆ ว่า หน้าที่นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับพลังจากพระเจ้า รวมถึงประชากรของพระองค์ พ่อไม่กล้าพูดว่า พี่น้องช่วยอวยพรพ่อด้วย แต่พ่อพูดว่า 'ขอให้พี่น้องสวดขอพระเจ้าพร้อมกัน เพื่อพระเจ้าจะได้อวยพรพระสันตะปาปาคนใหม่ และอวยพรพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ด้วยนะ'
สิ่งที่อยากทำมากสุดในตอนนี้คือ "อยากเดินออกไปซื้อพิซซ่า"
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "สิ่งเดียวที่พ่ออยากทำมากสุดคือ เดินออกไป(นอกวาติกัน)แบบไม่มีใครจำได้ แล้วเดินไปยังร้านพิซซ่า เพื่อซื้อพิซซ่ากิน พ่ออยากทำแบบนี้ เพราะตอนอยู่ที่บัวโนสไอเรส พ่อเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจ สามารถไปอภิบาลสัตบุรุษตามวัดต่างๆ ได้ แต่ที่นี่ พ่อทำอย่างนั้นไม่ได้"
ต้องจัดประชุมเรื่องครอบครัว เพราะครอบครัวทุกวันนี้เผชิญวิกฤติมากๆ
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พ่อเชื่อว่าการประชุมสมัชชาพระสังฆราช ในหัวข้อครอบครัวเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ครอบครัวทุกวันนี้ประสบปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน หรือจะเป็นเรื่องการไม่เตรียมตัวอย่างดีก่อนแต่งงาน ทำให้ต้องเลิกรากันไป และจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง ใจจริง พ่ออยากให้มีการตีพิมพ์รายละเอียดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแบบเต็มๆ แต่ไม่ต้องระบุชื่อพระสังฆราชว่า ท่านใดแสดงความเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ การประชุมที่ไม่ให้ผู้ร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ มันก็ไม่ใช่การประชุม"
สงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ ปัญหาหนักใจที่ต้องกำจัดให้หมดไป
พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "มันเป็นความจริงว่า สงฆ์ที่ล่วงละเมิดทางเพศเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยของพระศาสนจักร และมันก็เป็นความจริงอีกเช่นกันที่ สงฆ์เพียง 1 คนที่ล่วงละเมิดทางเพศ ก็สร้างความรุนแรงพอที่จะเปลี่ยนโครงสร้างของพระศาสนจักรในการเผชิญหน้าปัญหาเหล่านี้ พ่อย้ำนะ แม้คนก่อคดีจะเป็นสงฆ์เพียง 1 คน มันก็เพียงพอจะสร้างความอัปยศได้แล้ว ดังนั้น เราต้องก้าวไปข้างหน้าแก้ปัญหา ไม่ใช่ถอยหลังกลับไปหามัน"
ทำไมพระสันตะปาปาไม่ไปเยือนเม็กซิโก ทั้งที่จะไปอเมริกา
พระสันตะปาปา ตอบว่า "เม็กซิโก ถ้าจะไปเยือนจริงๆ ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ ถ้าจะให้พ่อไปแบบสั้นๆ พ่อไม่ต้องการทำแบบนั้น พ่ออยากไปที่แม่พระแห่งกัวดาลูเป้ด้วย พ่อเคยไปที่นั่นใน ค.ศ.1970"
ไม่ชอบเดินทางไกลๆ
พระสันตะปาปา ตรัสถึงเรื่องนี้ว่า "พ่อคิดว่าความทุกข์สุดๆ ของพ่อคือการเดินทาง เพราะพ่อเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท พ่อจึงต้องดื่มชาสุขภาพทุกวัน ส่วนชีวิตที่หอพักซานตา มาร์ธา พ่อว่าดีมาก ที่นี่ใหญ่โต แต่ไม่หรูหรา พ่อชอบที่นี่ กินข้าวกับผู้คน ร่วมมิสซากับพวกเขา ในหนึ่งสัปดาห์ จะมีคนมาร่วมมิสซากับพ่อ 4 วัน (จันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี และศุกร์) พ่อชอบที่นี่นะ และพ่อไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเลย"
Read More: Televisa
Comments
Post a Comment