โป๊ปฟรังซิส: "สละเวลา 15 นาทีเพื่อสวดภาวนา ตาจะได้ไม่จ้องแต่ละคร และหูจะได้เว้นจากการฟังคำนินทา"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแนะ เวลาอยู่บ้าน คริสตชนควรสละเวลา 15 นาทีเพื่อหยิบพระวรสารขึ้นมาอ่าน แล้วรำพึงแบบเพ่งพินิจไปที่พระเยซู จินตนาการว่าถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์พระวรสารที่อ่านอยู่ พระเยซูจะพูดอะไรกับเรา ทรงชี้ เราควรสละเวลาเพื่อภาวนาแบบนี้ เพื่อที่สายตาของเราจะได้มองที่พระเยซูบ้าง ไม่ใช่ดูแต่ละครโทรทัศน์ และหูของเราจะได้ฟังเสียงพระเจ้าบ้าง ไม่ใช่ฟังแต่เสียงนินทาชาวบ้าน



ช่วงเช้าวันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู (ฮบ 12:1-4) นักบุญเปาโลทรงขอให้ทุกคนเพ่งมองไปที่พระเยซู ขอให้คิดถึงพระองค์ที่อดทนต่อการคัดค้านของคนบาป เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่หมดกำลังใจในการต่อสู้กับบาป เพราะการสู้กับบาปนั้น เราไม่ต้องหลั่งเลือดแต่อย่างใด

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ขอให้เรามองไปที่พระเยซูผู้ทรงเป็นความหวังของเรา ถ้าเราไม่ฟังเสียงของพระเจ้า พวกเราอาจจะเป็นคนมองโลกแง่ดี แต่เราจะไม่มีความหวังที่เราได้เรียนรู้จากการเพ่งมองไปที่พระคริสตเจ้า มันเป็นการดีที่เราสวดสายประคำทุกวัน เป็นการดีที่เราพูดกับพระเจ้าเมื่อเวลาที่เรามีปัญหา พูดกับแม่พระ หรือพูดกับบรรดานักบุญต่างๆ แต่การภาวนาแบบเพ่งสมาธิ (เพ่งพินิจ) ก็สำคัญเหมือนกัน และสิ่งนี้จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเรามีพระวรสารอยู่ในมือเท่านั้น

"หลายคนถามว่า แล้วเราจะสวดภาวนาแบบเพ่งพินิจกับพระวรสารได้อย่างไรล่ะ เราเห็นพระเยซูอยู่ท่ามกลางผู้คนเต็ม พระองค์ถูกห้อมล้อมด้วยฝูงชนจำนวนมาก พระวรสารวันนี้ (มก 5:21-43) มีการพูดถึงฝูงชนที่อยู่รอบๆ พระเยซูถึง 5 ครั้ง พระเยซูไม่เคยหยุดพักบ้างเลยหรือไง ... คำถามเหล่านี้ทำให้พ่อคิดเกี่ยวกับคำพูดที่ว่า 'ทรงอยู่ท่ามกลางฝูงชนเสมอๆ' ชีวิตส่วนมากของพระเยซูอยู่ตามท้องถนน พระองค์ทรงอยู่กับฝูงชน พระองค์เคยพักบ้างไหม? แน่นอน มีกล่าวในพระวรสารครั้งหนึ่งว่า พระเยซูกำลังพักผ่อนอยู่บนเรือ แต่พายุมา บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ให้ตื่น พระเยซูทรงอยู่ท่ามกลางฝูงชนเสมอ นี่จึงเป็นวิธีที่ว่าเราจะเพ่งพินิจพระองค์ได้อย่างไร

"พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงรู้สึกได้ว่า หญิงที่ตกเลือดเรื้อรังได้มาสัมผัสชายเสื้อของพระองค์และได้หายจากโรคร้าย สิ่งนี้บอกว่า พระเยซูไม่ได้เข้าใจฝูงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พระองค์ยังสัมผัสถึงพวกเขาอีกด้วย พระองค์ทรงรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นของเราแต่ละคน พระองค์ทรงห่วงใยเราทุกคนเสมอ!

"ส่วนการรักษาลูกสาวของหัวหน้าศาลาธรรมที่สิ้นใจไปแล้ว พระเยซูตรัสกับหัวหน้าศาลาธรรมว่าอย่ากลัว อย่าร้องไห้ แต่มีบางคนหัวเราะเย้ยหยันพระองค์ จังหวะนี้ เราได้เห็นความอดทนของพระเยซู และเมื่อลูกสาวของหัวหน้าศาลาธรรมฟื้นจากความตาย พระเยซูตรัสกับคนที่อยู่ตรงนั้นว่า 'หาอะไรให้เด็กคนนี้กินซิ' นี่คือการแสดงให้เห็นว่า พระเยซูทรงคิดถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เสมอ

"พ่อจึงอยากบอกว่า สิ่งที่พวกเราต้องทำคือการภาวนาแบบเพ่งพินิจกับพระวรสาร จงหยิบพระวรสารขึ้นมา อ่านพระวรสาร และจินตนาการกับเหตุการณ์ในนั้น ลองคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพูดกับพระเยซูจากหัวใจของเรา

"สิ่งนี้จะทำให้ความหวังเติบโตขึ้นในเรา เพราะพวกเราได้มองเพ่งพินิจไปที่พระเยซู พวกเราควรจะภาวนาแบบเพ่งพินิจ บางคนอาจพูดว่า 'แต่ผมมีหลายสิ่งต้องทำนะ' พี่น้องที่รัก พ่ออยากบอกว่า ตอนอยู่บ้าน พวกท่านสละเวลาสัก 15 นาที หยิบพระวรสารขึ้นมา อ่านข้อความในนั้น ลองจินตนาการเหตุการณ์ในนั้นและพูดกับพระเยซู สายตาของท่านจะเพ่งไปที่พระเยซูและจะมองละครโทรทัศน์น้อยลง หูของท่านจะมุ่งไปที่พระวาจาของพระเยซู และจะให้ความสนใจต่อการฟังเสียงนินทาเพื่อนบ้านน้อยลง นี่คือสิ่งที่การรำพึงภาวนาแบบเพ่งพินิจจะช่วยเราในความหวัง

"พ่อจึงอยากเชิญชวนทุกคนสวดภาวนา สวดสายประคำ จงพูดกับพระเจ้า และก็ขอให้รำพึงภาวนาแบบเพ่งพินิจด้วยการมองไปที่พระเยซูด้วย ความหวังมาจากการภาวนานะ" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

Read More: Vatican Radio


Comments