โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องเอาชนะความชั่วด้วยความดี - เราต้องปลูกฝังคุณธรรมแห่งการให้อภัยและคืนดีกัน"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงกล่าวกับชาวศรีลังกา "เราต้องเอาชนะความชั่วด้วยความดี" ทรงชี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะความขัดแย้งในสังคม แต่เราต้องทำด้วยการปลูกฝังคุณธรรมแห่งการให้อภัย การคืนดีกัน และความสามัคคีกัน ทรงย้ำ การเยียวยาความขัดแย้งต้องทำคู่ไปกับการแสวงหาความจริง แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำเพื่อเปิด "แผลเก่า" แต่เราทำเพื่อส่งเสริมความยุติธรรมต่างหาก ทรงสอน ความหลากหลายทางเชื้อชาติศาสนา ไม่ใช่ภัยคุกคามประเทศ แต่เป็นเครื่องหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของชาติต่างหาก





ช่วงสายวันอังคารที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบินนายชุมพาบาล (The Shepherd One: AZ 4000) จากกรุงโรมมาถึงสนามบินนานาชาติกรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นการเริ่มต้นการเสด็จเยือนทวีปเอเชียอย่างเป็นทางการของพระองค์ด้วย

ทันทีที่พระสันตะปาปาเสด็จมาถึง ไหมธรีพาลา สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา พร้อมด้วยคณะผู้นำประเทศและผู้นำศาสนาได้มารอรับเสด็จ โดย ประธานาธิบดีสิริเสนา ได้กล่าวกับพระสันตะปาปาว่า ศรีลังกายินดีต้อนรับและขอให้พระสันตะปาปาช่วยอวยพรประเทศแห่งนี้และประชาชนชาวศรีลังกาด้วย

ศรีลังกาเป็นประเทศที่มีการสู้รบจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองมาอย่างยาวนาน และสงครามเพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อปี 2009 ที่ผ่านมานี้เอง ชาวศรีลังกาจึงหวังเห็นการคืนดีกันของคนในชาติ เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างแท้จริง และสิ่งนี้ ก็เป็นหนึ่งในพระดำรัสที่พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึง ในระหว่างการต้อนรับนี้ด้วย

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "มันเป็นโศกนาฏกรรมอย่างต่อเนื่องในโลกของเราที่สังคมจำนวนมากต้องทำสงครามกันเอง การไร้ความสามารถที่จะประนีประนอมความแตกต่างและการไม่ลงรอยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ ก็ได้ทำให้เกิดความตึงเครียดต่อชาติพันธุ์ต่างๆและศาสนา บ่อยครั้ง มันตามมาด้วยการปะทุของความรุนแรง เป็นเวลานานหลายปีที่ศรีลังกาเป็นที่รู้จักเกี่ยวกับความน่ากลัวของความขัดแย้ง และในตอนนี้ ประเทศแห่งนี้กำลังแสวงหาการรวบรวมความสงบและการรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่งานที่ง่ายเลยที่จะเอาชนะมรดกแห่งความขมขื่นของความอยุติธรรม ความเป็นศัตรูกัน และความไม่ไว้ใจกันที่ถูกทิ้งไว้จากความขัดแย้ง สิ่งนี้ สามารถบรรลุได้ด้วยการชนะความชั่วด้วยความดีเท่านั้น (โรม 12:21) และโดยการปลูกฝังคุณธรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการคืนดีกัน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และสันติภาพ กระบวนการของการเยียวยารักษายังจำเป็นต้องมีการแสวงหาความจริง การแสวงหานี้ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์จากการเปิดแผลเก่าที่เกิด แต่มันเป็นวิธีการที่จำเป็นต่อการส่งเสริมความยุติธรรมในการส่งเสริมความยุติธรรม การเยียวยารักษา และความสามัคคีกัน"

พระสันตะปาปายังกล่าวถึงบทบาทของศาสนิกชนผู้นับถือศาสนาที่ต้องแสวงหาสันติด้วย พระองค์ตรัสว่า "ข้าพเจ้ามั่นใจว่า บรรดาผู้ปฏิบัติตนตามประเพณีศาสนาต่างๆ ได้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการคืนดีและกระบวนการซ่อมแซมที่เกิดกับประเทศแห่งนี้ การที่กระบวนการนี้จะสำเร็จไปได้ สมาชิกทุกคนในสังคมต้องร่วมมือกัน ต้องทำงานร่วมกัน และต้องสามัคคีกัน ทุกคนต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกถึงความห่วงใยของตน ความต้องการ ความปรารถนา และความกลัวที่มี สำคัญสุด พวกเขาต้องถูกเตรียมพร้อมให้ยอมรับผู้อื่น ถูกเตรียมพร้อมให้เคารพความหลากหลาย และเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกัน

"เมื่อใดที่ประชาชนรับฟังกันและกันด้วยความสุภาพและเปิดใจ เมื่อนั้น คุณค่า ค่านิยม และความปรารถนาที่พวกเขาแบ่งปันกันก็จะปรากฏเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ความหลากหลายไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่นี่คือบ่อเกิดของความอุดมสมบูรณ์(ของชาติ) หนทางนำไปสู่สันติ การคืนดี และความเป็นพี่น้องกันในสังคม จะกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น"

นอกจากนี้ พระสันตะปาปายังย้ำด้วยว่า การมาเยือนศรีลังกาครั้งนี้ พระองค์มาเพื่อทำงานอภิบาลและมาสถาปนานักบุญใหม่และยังเป็นนักบุญองค์แรกของศรีลังกา นั่นคือ "บุญราศี โจเซฟ วาซ" สงฆ์ผู้แพร่ธรรมชาวกวมที่สิ้นใจในศรีลังกา

ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า "การมาเยือนศรีลังกา ยังเป็นเครื่องหมายแสดงออกถึงความรักที่พระศาสนจักรมีต่อศรีลังกาด้วย"

หลังจากพิธีต้อนรับพระสันตะปาปาจบลง พระองค์ทรงประทับรถโป๊ปโมบิลผ่านช้างหลายสิบตัวที่ทางการศรีลังกานำมาต้อนรับ จากนั้น พระสันตะปาปาได้ประทับโป๊ปโมบิลไปตามท้องถนนกรุงโคลอมโบ ท่ามกลางสัตบุรุษที่มารอรับเสด็จจำนวนมาก จนทำให้ตารางเวลาของพระสันตะปาปาต้องล่าช้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง และพระองค์ต้องยกเลิกการให้โอวาทกับบรรดาพระสังฆราชคาทอลิกศรีลังกาไปเลย

ประมวลภาพ: พิธีต้อนรับพระสันตะปาปาที่สนามบินกรุงโคลอมโบ

Read More: Vatican Radio

Comments