โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าไม่ทอดทิ้งเรา แม้เราจะเจอเรื่องเลวร้ายสุดในชีวิต"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสวมเสื้อกันฝนและถวายมิสซาท่ามกลางพายุไต้ฝุ่นระดับ 2 พร้อมทรงให้กำลังใจผู้ประสบภัยจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนว่า พระเจ้าไม่ทอดทิ้งทุกคน แม้ตอนนี้เราจะไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเป็นเราที่เจอเรื่องสุดเลวร้ายแบบนี้ ทรงย้ำ เวลาเจอเรื่องร้ายสุดในชีวิต ขอให้เราร้องหาแม่พระ และคำว่า "แม่" จะเป็นคำเดียวที่เราพูดออกมา เวลาที่เราเจ็บหนักสุดในชีวิต







ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่งออกจากกรุงมะนิลา เพื่อไปถวายมิสซาท่ามกลางพายุไต้ฝุ่น "ระดับ 2" ที่เมืองตั๊กโลบัน ประเทศฟิลิปปินส์ มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงสวม "เสื้อกันฝน" และตากฝนถวายมิสซา นอกจากนี้ มิสซานี้ ยังถวายเพื่อเป็นขอพรพระเจ้าให้กับผู้รอดชีวิตจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (โยลันดา) ที่พัดกระหน่ำฟิลิปปินส์เมื่อปีที่แล้วด้วย

มิสซานี้ จัดว่าเป็นมิสซาที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างมาก เพราะพื้นที่ใช้จัดมิสซาเคยเป็นที่ถูกพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่ม นอกจากนี้ สัตบุรุษกว่า 500,000 คนที่มาร่วมมิสซา ก็ต้องนอนตากพายุฝนทั้งคืน เพื่อรอร่วมมิสซากับพระสันตะปาปา ส่วนพระสันตะปาปาก็ทรงสวมเสื้อกันฝน และออกมาทักทายสัตบุรุษแบบกันเอง แบบคำสอนที่พระองค์มักย้ำว่า "นายชุมพาบาลต้องจำกลิ่นแกะของตนให้ได้"

สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์เป็นภาษาสแปนิช และทรงแจ้งว่า จะเทศน์แบบสั้นๆ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องตากฝนมากไปกว่านี้ด้วย

พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "พ่ออยากจะบอกเรื่องบางอย่างกับพวกท่านจากใจของพ่อ ตอนอยู่ที่กรุงโรม เมื่อพ่อได้เห็นหายนะภัยพิบัตินี้ พ่อ(รู้สึกว่า) พ่อต้องมาอยู่กับพวกท่านให้ได้ แม้มันจะมาช้าไปสักนิด แต่พ่อก็มาอยู่ที่แล้ว พ่อมาที่นี่เพื่อมาบอกพวกท่านว่า พระเยซูคือพระเจ้า พระองค์จะไม่ทำให้เราผิดหวัง พวกท่านอาจพูดกับพ่อว่า ลูกรู้สึกแย่มากๆ เพราะลูกต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่าง ใช่ มันเป็นความจริง ถ้าท่านพูดแบบนั้น พ่อก็เคารพสิ่งที่ท่านพูดด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจของพ่อ แต่พระเยซูอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน และจากบนนั้น พระเยซูจะไม่ทอดทิ้งเรา พระเยซูคือพระเจ้าของเรา ในทุกสิ่งทุกอย่างนั้น พระองค์เป็นเหมือนเรา นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเรามีพระเจ้าที่ทรงร้องไห้ไปกับเราและเดินร่วมทางไปกับเราในช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดของชีวิต

"พวกท่านหลายคนต้องสูญเสียทุกสิ่ง พ่อไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีกับพวกท่าน แต่พระเจ้าทรงรู้ว่าจะพูดอย่างไรกับพวกท่าน พวกท่านบางคนต้องสูญเสียครอบครัว สิ่งที่พ่อสามารถทำได้คือสงบเงียบและเดินไปหาพวกท่านด้วยหัวใจที่สงบของพ่อ

"พวกท่านหลายคนถามพระเจ้าว่า พระเจ้า ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย พวกท่านแต่ละคนมีหัวใจ พระคริสตเจ้าทรงตอบสนองหัวใจของท่านแต่ละคนจากบนไม้กางเขน พ่อไม่มีคำพูดอื่นใดที่จะกล่าวกับพวกท่าน แต่ขอให้มองไปที่พระคริสตเจ้า พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงเข้าใจทุกอย่าง เพราะพระองค์ทรงเคยประสบทุกอย่างที่ท่านต้องเผชิญ เหนือสิ่งอื่นใด ข้างๆ ไม้กางเขนก็มีพระมารดาของพระองค์ พวกเราเป็นเหมือนลูกๆที่อยู่ในช่วงเวลาของความยากลำบากที่มีบาดแผลเจ็บปวดและไม่มีใครสามารถเข้าใจเราได้ สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือกุมมือของแม่เราไว้ให้แน่นๆ แล้วพูดว่า 'คุณแม่' เหมือนกับเด็กๆที่เรียกหาแม่เวลาที่พวกเขาหวาดกลัว บางที คำว่า 'แม่' น่าจะเป็นคำเดียวที่เราพูดได้ในเวลายากลำบากสุดของชีวิต

"ขอให้เราเคารพช่วงเวลาแห่งความเงียบของกันและกัน และขอให้มองไปที่พระคริสตเจ้าบนไม้กางเขน พระองค์ทรงเข้าใจเราเพราะพระองค์ทรงอดทนยืนหยัดต่อทุกสิ่ง ขอให้เรามองไปที่แม่พระ เหมือนลูกมองไปที่แม่ ขอให้เราเรียกแม่พระว่า 'แม่' ในความเงียบสงบนี้ ขอให้เราพูดบอกกับแม่พระถึงสิ่งที่เรารู้สึกในใจ ขอให้รู้ว่า พวกเรามีพระมารดา มีแม่พระ มีพี่ชายที่ยิ่งใหญ่อย่างพระเยซู พวกเราไม่ได้อยู่คนเดียว พวกเรายังมีพี่น้องหลายคนที่เผชิญหายนะนี้เหมือนกับเรา พวกเราคือพี่น้องกัน เพราะพวกเราช่วยเหลือกันและกัน" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

หลังจากมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงสวมเสื้อกันฝนและประทับรถโป๊ปโมบิล เพื่อทักทายสัตบุรุษ 500,000 คนรอบๆ สนามบินเมืองตั๊กโลบันซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีมิสซา

จากนั้น พระองค์ได้เสด็จไปพบกับพระสงฆ์และนักบวชในอาสนวิหารแม่พระ แต่เมื่อมาถึง พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับทุกคนว่า "พ่อมีข่าวร้ายจะบอก พ่อต้องกลับกรุงมะนิลาตอนนี้เลย กัปตันเครื่องบินแจ้งมา เพราะถ้ากลับช้า พายุไต้ฝุ่นจะทำให้เครื่องบินขึ้นฟ้าไม่ได้ ดังนั้น พวกท่านอย่าต่อว่าพ่อนะ!"

เมื่อเป็นเช่นนี้ พระสันตะปาปาจึงต้องเปลี่ยนตารางเวลาแบบกระทันหันและกลับกรุงมะนิลาทันที กระนั้น พระสันตะปาปาทรงขอร้องให้ทุกคนสวดภาวนาเพื่อพระองค์ด้วย และพระองค์จะสวดให้ทุกคนเช่นกัน

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาถวายมิสซาให้ผู้รอดชีวิตจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน

Read More: Vatican Radio





Comments