โป๊ปฟรังซิส: "สตรีมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่น"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยกย่องบทบาทของสตรีในพระศาสนจักรเป็นคนสำคัญในการส่งมอบความเชื่อจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง ทรงแบ่งปัน เคยสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นผู้หญิงที่มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความเชื่อในพระเจ้า ที่สุดแล้ว คำตอบคือผู้ที่นำพระเยซูมาหาเราก็เป็นผู้หญิงนั่นเอง ทรงถาม ทุกวันนี้ บรรดาสตรีตระหนักถึงบทบาทที่ตนจะต้องเป็นผู้ถ่ายทอดความเชื่อกันบ้างหรือยัง



ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิโมธี (2 ทธ 1:1-8) นักบุญเปาโลกล่าวว่า ท่านระลึกถึงทิโมธีในคำภาวนาเสมอ เฉพาะอย่างยิ่ง ระลึกถึงความเชื่อที่ทิโมธีได้รับจาก "โลอิส" ผู้เป็นยาย และ "ยูนิส" ผู้เป็นมารดา

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "นักบุญเปาโลเตือนใจทิโมธีเกี่ยวกับความเชื่อแท้จริงของเขาว่า เขาได้รับจากพระจิตโดยผ่านทางคุณแม่และคุณยายของตน ทั้งคุณแม่และคุณยายคือคนที่ถ่ายทอดความเชื่อนี้ให้กับทิโมธี

"ความเชื่อคือของขวัญ(จากพระเจ้า) มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้เรื่องความเชื่อในพระเจ้า ใช่ การเรียนอาจทำให้เราเข้าใจมากขึ้น แต่การเรียนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำพาเราไปสู่ความเชื่อในพระเจ้าได้ ความเชื่อคือของขวัญจากพระจิตซึ่งอยู่เหนือการศึกษาหาความรู้ทุกรูปแบบ ของขวัญนี้ส่งมอบจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง โดยผ่านทางพันธกิจที่งดงามของเหล่าคุณแม่และคุณยาย พันธกิจที่ดีเลิศนี้ บรรดาสตรีจะเป็นคนทำหน้าที่ตรงนี้ ในครอบครัวก็เช่นกัน สตรีจะเป็นคนถ่ายทอดความเชื่อในพระเจ้า ไม่ว่าเขาจะเป็นแม่บ้านหรือเป็นบรรดาคุณป้าก็ตาม

"พ่อเคยถามตัวเองนะว่า ทำไมต้องเป็นผู้หญิงที่เป็นคนถ่ายทอดความเชื่อในพระเจ้า ง่ายๆเลย เพราะผู้ที่นำพระเยซูมาหาเราก็คือผู้หญิง(แม่พระ) นี่คือหนทางที่พระเยซูทรงเลือก พระองค์ทรงต้องการที่จะมีแม่ กล่าวคือ ของขวัญแห่งความเชื่อมาหาเราโดยผ่านทางสตรี เหมือนที่พระเยซูมาหาเราโดยผ่านทางแม่พระ พวกเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาคิดพิจารณากันว่า ทุกวันนี้ บรรดาผู้หญิงตระหนักถึงหน้าที่ที่ตนเองจะต้องถ่ายทอดความเชื่อกันหรือยัง

"นักบุญเปาโลเชิญชวนทิโมธีให้ปกป้องความเชื่อ รักษาความเชื่อ และหลีกเลี่ยงจากการพูดจาไร้แก่นสารตามจิตตารมย์โลก ท่านยังย้ำทิโมธีว่า พวกเราทุกคนได้รับของขวัญแห่งความเชื่อแล้ว เราต้องรักษามันไว้ อย่าให้มันไหลพรากไปกับสายน้ำ แต่จงยึดมั่นอย่างเข้มแข็งด้วยพลังของพระจิตที่ประทานให้กับเรา

"ดังนั้น ความเชื่อต้องถูกรักษาไว้ด้วยความรักและการบำรุงเลี้ยงในทุกวัน ถ้าเราไม่ดูแลเอาใจใส่ความเชื่อ ไม่ทำให้ความเชื่อมีชีวิตชีวา แต่กลับปล่อยให้ความเชื่ออ่อนแอลงทุกวันและกลายเป็นจางหายไป ความเชื่อก็จะจบลงด้วยการเป็นวัฒนธรรม กล่าวคือ เราจะพูดว่า 'ใช่ เราเป็นคริสตชน หรือ ความเชื่อเป็นแค่ความรู้ประเภทหนึ่ง ใช่ เรารู้เรื่องความเชื่อ เรารู้หลักคำสอน' ใช่ พวกท่านรู้ แต่ท่านดำเนินชีวิตอยู่ในความเชื่ออย่างไรกันล่ะ นี่จึงเป็นความสำคัญของการทำให้ความเชื่อมีชีวิตชีวาในทุกวัน เราต้องนำความเชื่อไปสัมผัสกับชีวิต" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

Read More: Vatican Radio


Comments