โป๊ปฟรังซิส: “พระศาสนจักรจะไม่มีความเป็นแม่ ถ้าเราไม่ออกไปตามหาแกะที่พลัดหลงไป”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ แม้พระศาสนจักรจะมีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม มีโครงสร้างองค์กรที่เลอเลิศ แต่ถ้าไม่ก้าวออกจากตัวเองไปตามหาแกะที่พลัดหลงไป พระศาสนจักรจะไม่มีความเป็น “แม่ผู้อ่อนโยน” แต่จะดูคล้ายกับ “สาวแก่” และเป็น “พระศาสนจักรที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของโบราณ” มากกว่า พร้อมกันนี้ ทรงสอน  ความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรคือการได้ปลอบโยนและมอบชีวิตให้กับผู้อื่น


ช่วงเช้าวันอังคารที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ พระเยซูตรัสสอนบรรดาศิษย์ว่า พระเจ้าทรงยินดีที่จะตามหาแกะที่หลงไปให้กลับมา แม้จะเป็นแกะแค่ตัวเดียวก็ตาม ความชื่นชมยินดีนี้จะมากกว่าการที่แกะอีก 99 ตัวที่มิได้พลัดหลงไปด้วยซ้ำ ดังนั้น พระบิดาไม่ปรารถนาให้เราแม้แต่คนเดียวต้องพินาศไป ส่วนบทอ่านวันนี้จากหนังสือประกาศกอิสยาห์ พระเจ้าทรงปลอบโยนชาวอิสราเอลว่าช่วงเวลาของการเป็นทาสได้สิ้นสุดลงแล้ว ความผิดของพวกเขาได้รับการอภัยแล้ว

พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า “จงเปิดหัวใจตนเองให้กับการปลอบโยนของพระเจ้า ประชากรเหล่านี้ต้องการการปลอบโยน นี่คือการปลอบโยนที่อยู่กับพวกเขาในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากแร้นแค้น อย่างไรก็ตาม พ่ออยากเตือนใจพวกเราว่า บ่อยครั้ง พวกเราหนีห่างจากการปลอบโยนของพระเจ้า พวกเราไม่มีความมั่นใจในการปลอบโยนของพระองค์ พวกเรามั่นใจในวัตถุปัจจัยของเรามากกว่า พวกเรารู้สึกสบายมากกว่า(กับวัตถุปัจจัยของเรา)แม้ในความผิดพลั้งและความบาปของตัวเอง พวกเราคิดเองว่านี่คือเรื่องของตัวเรา ในทางตรงกันข้าม เมื่อพระจิตเสด็จมา การปลอบโยนก็เข้ามาด้วยเช่นกัน

“การปลอบโยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความเมตตาและการให้อภัย พ่ออยากให้เราไตร่ตรองข้อความจากหนังสือประกาศกเอเซเคียล ในบทที่ 16 ที่กล่าวว่า เมื่อบาปของมนุษย์มีมากขึ้นเรื่อยๆ พระเจ้าจึงตรัสว่า ‘เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า เราจะให้เจ้ามากขึ้นไปอีก นี่คือการแก้แค้นของเรา สิ่งนี้คือการปลอบโยนและการให้อภัย’ นี่คือพระเจ้า! ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นการดีที่เราจะทำสิ่งนี้อีกครั้ง นั่นคือ จงให้ตัวเราเองได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้า พระองค์เท่านั้นที่จะปลอบโยนเราได้

“สำหรับพระวรสารวันนี้ พ่อถามตัวเองว่า การปลอบโยนของพระศาสนจักรคือสิ่งใด มันเป็นเช่นเดียวกับการที่บุคคลหนึ่งได้รับการปลอบโยนเมื่อเขารู้สึกถึงความเมตตาและการให้อภัยจากพระเจ้า และพระศาสนจักรชื่นชมยินดีและมีความสุขเมื่อได้ก้าวออกจากตัวเองหรือไม่ พระวรสารวันนี้ ผู้อภิบาลได้ออกไปตามหาแกะที่พลัดหลงไป เขาสามารถรักษาจำนวน(แกะ)ให้อยู่ครบเสมือนนักธุรกิจที่ดี เขาสามารถพูดว่า ‘มีแกะอยู่ 99 ตัว ถ้าฉันเสียมันไป 1 ตัว มันไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะบัญชีรายรับรายจ่ายนั้น แสดงผลกำไรขาดทุนอยู่แล้ว แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก’ แต่ไม่นะ! เขามีหัวใจของการเป็นนายชุมพาบาล เขาออกไปตามหาแกะที่หายไปจนกระทั่งเขาพบมัน เขาชื่นชมยินดีมากๆ เขาสุขใจสุดๆ

“ความชื่นชมยินดีของการออกไปตามหาพี่น้องที่อยู่ห่างไกล(จากพระศาสนจักร) ก็เป็นความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักร สิ่งนี้แหละ พระศาสนจักรจึงกลายเป็นแม่ และกลายเป็นความอุดมสมบูรณ์

“เมื่อพระศาสนจักรไม่ออกไปตามหาพี่น้องที่อยู่ห่างไกลจากพระศาสนจักร พระองค์ก็หยุดตัวเองอยู่กับที่ พระศาสนจักรก็ปิดตัวเอง แม้พระศาสนจักรจะบริหารจัดการอย่างยอดเยี่ยม มีแผนผังองค์กรที่สุดยอดสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งดูดี ทุกสิ่งดูเป็นระเบียบแบบแผน แต่พระศาสนจักรก็ขาดความชื่นชมยินดี ขาดความปรกติสุข และพระศาสนจักรจะกลายเป็นพระศาสนจักรที่ท้อแท้ใจ, กระวนกระวาย, เป็นทุกข์ พระศาสนจักรจะดูคล้ายจะเป็นสาวแก่มากกว่าจะเป็นแม่ พระศาสนจักรแบบนี้ไม่เวิร์ก! มันเป็นพระศาสนจักรที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์

“ความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรคือการให้กำเนิด นั่นคือ ความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรคือการออกไปมอบชีวิต ความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรคือการออกไปตามหาแกะที่พลัดหลงไป ความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรคือความอ่อนโยนที่เลอค่าของนายชุมพาบาลและคือความอ่อนโยนของผู้เป็นมารดา

“กลับไปที่บทอ่านประจำวันนี้ ตอนท้ายของบทอ่าน ประกาศกอิสยาห์อธิบายให้เห็นภาพว่า ‘พระเจ้าทรงเป็นเหมือนนายชุมพาบาลที่เลี้ยงฝูงแกะของตน ทรงรวบรวมฝูงแกะไว้ในอ้อมแขนของพระองค์’ นี่คือความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักร ซึ่งก็คือการก้าวออกจากตัวเองและกลายเป็นสิ่งที่บังเกิดผลอุดมสมบูรณ์

“ดังนั้น ขอพระเจ้าประทานพระหรรษทานในการทำงาน พระหรรษทานของการเป็นคริสตชนที่ชื่นชมยินดีอยู่ในการบังเกิดผลของพระศาสนจักรที่เป็นมารดาของเรา ขอพระเจ้าช่วยเราให้ถอยห่างจากการตกอยู่ในทัศนคติของการเป็นคริสตชนที่เศร้าโศก ไม่รู้จักการอดทนอดกลั้น เป็นคริสตชนที่ท้อแท้และกระวนกระวายด้วย” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments