สัมภาษณ์พระสันตะปาปา: "สงฆ์ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษ, ไม่กังวลกระแสต่อต้านในพระศาสนจักร, พ่อมีอาการปวดตามข้อบ้าง"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทานการสัมภาษณ์แก่ "เอลิซาเบ็ตต้า ปีเก้" ผู้สื่อข่าวสายวาติกันจาก "ลา นาซีออน" หนังสือพิมพ์ชื่อดังของอาร์เจนตินา โดยนับเป็นการประทานสัมภาษณ์ครั้งแรกต่อสื่อบ้านเกิดของพระองค์ นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา
ในส่วนรายละเอียดเนื้อหาการสนทนา พระสันตะปาปาทรงกล่าวย้ำว่า พระสงฆ์ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษให้มากๆ อย่าแสวงหาอำนาจจากการเป็นสงฆ์, การยอมรับกระแสต่อต้านที่มีต่อพระองค์ เพราะการต่อต้านคือมุมมองที่แตกต่าง ถ้าไม่มีความเห็นต่าง ถือเป็นเรื่องแปลก, การยืนยันว่า ไม่ได้ถอดถอน พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ เบิร์ค ตามที่ถูกกล่าวหาจากพวกคาทอลิกหัวอนุรักษ์นิยม และทรงยอมรับว่า มีอาการเจ็บข้อบ้าง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามอายุที่มากแล้ว
![](//2.bp.blogspot.com/-EQGBBMi43Ls/VIRIvj8OCLI/AAAAAAAAWLM/mn-OFVB2To0/s1600/B4QK82BCcAAhQXx.jpg)
ในส่วนรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ Pope Report ขอสรุปประเด็นเป็นหัวข้อ ตามรายละเอียดต่อไปนี้
คาทอลิกยังทิ้งพระศาสนจักร แม้จะเป็นช่วง "ฟรังซิส เอฟเฟ็กต์" (Francis Effect)
พระสันตะปาปา: "มันมีปัจจัยเด่นชัดหลายอย่าง ... แต่ขอให้เราวางพวกปัจจัยที่อยู่นอกพระศาสนจักรไว้ก่อนแล้วกันนะ พ่อสงสัยเกี่ยวกับตัวพวกเราเองว่า พวกเราทำอะไรกันอยู่ สิ่งใดในพระศาสนจักรที่ทำให้สัตบุรุษไม่มีความสุข สิ่งที่ทำให้สัตบุรุษไม่มีความสุขก็คือสัตบุรุษรู้สึกว่าพวกเราไม่ใกล้ชิดพวกเขามากพอ มันคือการแสวงหาการเป็นพระสงฆ์เพื่ออำนาจต่างๆ (Clericalism) วันนี้ การจะใกล้ชิดพวกเขาหมายถึงการออกไปหาคาทอลิกทุกคน มันคือการออกไปหาทุกคนและอยู่ใกล้ชิดพวกเขา ไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาในปัญหาต่างๆ และสภาพความเป็นจริง ตามที่พ่อเคยพูดไปในการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งลาตินอเมริกา ซึ่งจัดที่ริโอ เดอ จาเนโร ว่า การแสวงหาการเป็นพระสงฆ์เพื่ออำนาจต่างๆ ได้สกัดกั้นฆราวาสไม่ให้เจริญเติบโต"
การปฏิรูปพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงเรียกร้อง มีเป้าหมายในการตามหาลูกแกะที่หลงไปใช่ไหม และยังเป็นการหยุดยั้งไม่ให้สัตบุรุษลดลงด้วยหรือเปล่า
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ชอบคำว่า 'หยุดยั้งไม่ให้สัตบุรุษลดลง' เพราะมันมีความใกล้เคียงกับการบังคับให้คนเชื่อในพระเจ้า พ่อไม่ใช่คำพูดต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการบังคับให้คนนับถือพระเจ้า เพราะมันไม่ใช่สัจธรรมความจริง พ่อชอบใช้คำว่าโรงพยาบาลสนาม (The field hospital) กล่าวคือ มีบางคนบาดเจ็บอย่างหนักและกำลังรอคอยให้เราไปรักษาบาดแผลของเขา พวกเขาบาดเจ็บด้วยเหตุผลหลายพันประการ พวกเราต้องออกไปหาเขาและรักษาบาดแผลของเขา"
ที่ทรงกล่าวมาคือแผนการ (Strategy) สำหรับการรักษาผู้ที่ละทิ้งพระศาสนจักรใช่ไหม
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ชอบคำว่า 'แผนการ' พ่ออยากจะเรียกมันว่าเป็นเสียงเรียกอภิบาลของพระเจ้ามากกว่า นี่คือเสียงของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่พระศาสนจักรกำลังร้องหาจากพวกเราในทุกวันนี้ มันไม่ใช่แผนการ เพราะพระศาสนจักรไม่ได้บังคับคนเปลี่ยนศาสนา พระศาสนจักรไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการบังคับคนให้เปลี่ยนศาสนา เพราะพระศาสนจักรไม่ได้เจริญเติบโตจากการบังคับคนอื่นให้เปลี่ยนศาสนา แต่พระศาสนจักรเติบโตเพราะความน่าสนใจตามที่พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ เคยตรัสไว้ พระศาสนจักรต้องเป็นโรงพยาบาลสนาม และเราจำเป็นต้องเยียวยาบาดแผลของผู้คน เหมือนอย่างที่ชาวสะมาเรียผู้ใจดีได้กระทำ บาดแผลของบางคนเกิดจากการถูกเมินเฉย ขณะที่อีกหลายคนเกิดจากการถูกพระศาสนจักรทอดทิ้ง บางคนกำลังทนทุกข์อย่างสาหัสเลยทีเดียว"
พระองค์คือพระสันตะปาปาที่พูดตรงมากๆ พระองค์ไม่ใช้คำพูดสวยๆ ไม่พูดวกไปวนมา สมณสมัยของพระองค์จึงมีแต่คำพูดที่ชัดเจนมากๆ ว่าแต่ ทำไมพระองค์จึงคิดว่า บางพระดำรัสถึงได้ถูกบิดเบือนล่ะคะ ทำไมมีบางคนพูดว่า เรือลำนี้(พระศาสนจักร) กำลังไร้หางเสือ เฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว ที่ผ่านมา
พระสันตะปาปา: "คำพูดพวกนี้ฉีกพ่อออกเป็นชิ้นๆเลยนะ พ่อไม่รู้หรอกว่าใครพูดบ้าง พวกสื่อยกคำพูดเหล่านี้มารายงานกัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้พ่อถามคนที่เกี่ยวข้องก่อนว่าพวกเขาพูดหรือเปล่า พ่อมีความสงสัยแบบพี่น้องอะนะ โดยทั่วไป ผู้คนไม่อ่านเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น มีบางคนมาพูดกับพ่อว่า 'แน่นอน เนื้อหาข้างในดูดีนะ แต่พวกเราต้องการสิ่งที่ชัดเจนกว่านี้อีก' พ่อเลยตอบไปว่า 'ดูนะ! พ่อเขียนสมณสาส์น มันชัดเจนพอแล้ว นี่คืองานใหญ่มาก และยังมีเขียนสารเตือนใจอีก พ่อออกแถลงการณ์ พ่อเทศน์ในมิสซา นี่แหละคือการเทศน์สอน ทั้งหมดคือสิ่งที่พ่อคิดนะ ไม่ใช่สิ่งที่สื่อนำไปรายงานว่าพ่อคิดแบบนี้ ลองไปตรวจสอบดูนะ(ในสมณสาส์น, สารเตือนใจ และบทเทศน์) ทุกอย่างชัดเจนมากๆ ยิ่งสมณสาส์น ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร ยิ่งชัดเจนมากๆด้วย"
สื่อบางสำนักพูดว่า "ช่วงเวลาฮันนีมูนหมดลงแล้ว" พวกเขาหมายถึงความคิดที่แตกออกเป็น 2 ฝั่งจากการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พระองค์คิดเห็นอย่างไรบ้าง
พระสันตะปาปา: "มันไม่ใช่ความแตกแยกที่มีกับพระสันตะปาปา กล่าวคือ พระสันตะปาปาไม่ใช่เกณฑ์ชี้วัดใดๆ พระสันตะปาปาพยายามที่จะให้ลูกบอลวิ่งไปเรื่อยๆ และรับฟังเสียงของทุกคน ความจริงที่เห็นกันก็ว่า สิ่งที่พ่อกล่าวในตอนปิดการประชุมได้รับเสียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นจากบรรดาพระสังฆราชว่า พระสันตะปาปาไม่ใช่ประเด็นในการออกความเห็น
พระองค์เชื่อไหมว่า มันมีการต่อต้านพระองค์ที่ต้องการจะทำให้พระศาสนจักรโปร่งใส พระองค์กังวลใจบ้างไหม
พระสันตะปาปา: "สำหรับตัวพ่อเอง การต่อต้านหมายถึงมุมมองที่แตกต่าง มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปขุ่นเคืองใจ ... ไม่หรอก พ่อไม่กังวลใจ ทุกสิ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพ่อ ถ้าไม่มีความเห็นต่างซิ มันจะแปลกมาก
การชำระพระศาสนจักรให้สะอาดโปร่งใส จบลงหรือยัง หรือว่า ยังดำเนินต่อไป
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่อยากพูดเกี่ยวกับการชำระพระศาสนจักรให้สะอาด พ่อขอเรียกมันว่า การทำให้โรมันคูเรียเดินไปบนหนทางที่ถูกกำหนดไว้จะดีกว่า ไม่หรอก มันยังไม่จบ ถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล ยาวมากๆ ไกลมากๆ
พระองค์พบสิ่งใดบ้างในการชำระโรมันคูเรียให้สะอาด มันแย่กว่าที่คิดไหม
พระสันตะปาปา: "ตอนแรก(ตอนก่อนเลือกตั้งพระสันตะปาปา) พ่อไม่คิดอะไรเลย พ่อคิดอย่างเดียวว่า พ่อจะกลับบ้าน(กลับกรุงบัวโนสไอเรส) แต่หลังจากนั้น พ่อไม่รู้ซิ พระเจ้าทรงดีกับพ่อมาก พระองค์ทรงมอบยาดีแห่งความไม่รู้สิ่งใดให้กับพ่อ พ่แแค่ทำสิ่งที่พ่อต้องทำเท่านั้นแหละ
แล้วตอนนี้ พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง
พระสันตะปาปา: "อย่างที่ทุกคนรู้ ทุกคนเห็นนั่นแหละ เรื่องธนาคารวาติกัน ทุกอย่างก็ไปได้สวย พวกเราทำงานกันได้ดีมากๆ ตอนนี้ พ่อให้ความใส่ใจมากๆ กับการฟื้นฟูชีวิตจิต พ่อกำลังเขียนโอวาทที่จะกล่าวกับสมาชิกโรมันคูเรียโอกาสการเข้าเฝ้าถวายพระพรคริสต์มาส พ่อยังเตรียมร่างโอวาทอีก 2 เรื่อง หนึ่งคือให้บรรดาเจ้ากระทรวงต่างๆ และให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่พนักงานวาติกัน
จริงหรือไม่ที่คู่สมรสอาจจะได้เป็นหัวหน้าในหน่วยงานบางแห่งในโรมันคูเรีย อาทิ สมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ และจริงหรือไม่ที่บางทีพวกหัวหน้ากระทรวงไม่จำเป็นต้องเป็นพระคาร์ดินัลหรือพระสังฆราช
พระสันตะปาปา: "อืม บางที(อาจเป็นแบบนั้น) พ่อยังไม่รู้หรอกจะเป็นอย่างไร หัวหน้าหน่วยงานหรือเลขาธิการหน่วยงาน จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด จะชายหรือหญิง หรือจะเป็นฆราวาสที่สมรสแล้วก็ได้ แต่สำหรับหน่วยงานอย่างสมณกระทรวงหลักความเชื่อ, สมณกระทรวงเพื่อพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ หรือสมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ หน่วยงานเหล่านี้ต้องเป็นพระคาร์ดินัลเสมอนะ เพราะหน่วยงานเหล่านี้มีความใกล้ชิดกับพระสันตะปาปา แต่เลขาธิการของหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องเป็นพระสังฆราช เพราะปัญหามีอยู่ว่า เมื่อเราต้องเปลี่ยนวาระของพระสังฆราชที่เป็นเลขาธิการ พวกเราต้องหาสังฆมณฑลให้เขาได้ลง แต่บางครั้ง มันก็ไม่เหมาะสมกับเขาเท่าไหร่ พ่อเพิ่งจะแต่งตั้งพระสังฆราช 2 คนที่เป็นเลขาฯ ประจำหน่วยงานเองนะ
ปี 2014 เป็นที่หนักมากๆ จะด้วยการทริปเยือนประเทศต่างๆ, สมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก, การภาวนาเพื่อสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งจัดที่สวนวาติกัน เหตุการณ์ไหนที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในความคิดของพระองค์
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่รู้ซิ ทุกเหตุการณ์มีทั้งเรื่องดีและไม่ค่อยดี แต่การพบกับบรรดาผู้สูงอายุปู่ย่าตายายที่วาติกัน เป็นเหตุการณ์ที่น่าทึ่งและสวยงามมากๆนะ
พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ก็มาร่วมเหตุการณ์นี้ด้วย
พระสันตะปาปา: "พ่อสนุกกับเหตุการณ์นี้มากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เหตุการณ์นี้ดีที่สุดนะ เพราะจริงๆแล้ว พ่อสนุกกับทุกเหตุการณ์นั่นแหละ พ่อไม่รู้(ว่าจะเลือกเหตุการณ์ไหน) พ่อไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
ถามเกี่ยวกับการเป็นพระสันตะปาปาบ้าง พระองค์ชอบสิ่งไหนมากสุด และไม่ชอบสิ่งใดมากสุด
พระสันตะปาปา: "นี่คือความจริงสุดๆ นะ นี่คือสิ่งที่พ่อต้องการจะพูดออกไป ก่อนที่พ่อจะมาที่นี่ พ่อเข้าสู่ช่วงเตรียมลาเกษียณ กล่าวคือ พ่อได้ตกลงกับสมณทูตแล้วว่า เมื่อพ่อกลับไปถึงบัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา ... กลับหลังจากร่วมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่) เราจะมาคุยกันเรื่อง 3 รายชื่อที่จะมาสานงานต่อจากพ่อในฐานะพระอัครสังฆราชแห่งบัวโนสไอเรส ... เมื่อพ่อมาที่นี่ (วาติกัน) พ่อต้องเริ่มทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ช่วงเริ่มต้น พ่อพูดกับตัวเองว่า 'ฆอร์เค่ อย่าเปลี่ยนไปนะ จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนไปเมื่ออายุขนาดนี้ จะเป็นการทำให้ตัวเองดูโง่มากๆ' นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อจึงทำตัวเหมือนเดิมเหมือนตอนอยู่ที่บัวโนสไอเรส บางที แม้จะทำผิดพลาดกับความผิดเดิมๆ แต่พ่อยังอยากให้มันเป็นแบบนี้ เป็นตัวของตัวเอง
ตอนกลับจากเกาหลีใต้ พระองค์เคยกล่าวถึง "การกลับสู่บ้านของพระบิดา" หลายคนจึงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ พวกเขาคิดว่าพระองค์อาจมีปัญหาสุขภาพ พระองค์ยังแข็งแรงใช่ไหม
พระสันตะปาปา: "พ่อมีอาการปวดข้อและเจ็บบ้าง แต่พ่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ตอนนี้ พ่อสามารถทำงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
พวกหัวอนุรักษ์นิยมในอเมริกา คิดว่า พระองค์ทรงถอดถอน พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ ลีโอ เบิร์ค จากสมณศาลปรมาภิไธย เพราะพระคาร์ดินัลเป็นผู้นำกลุ่มที่คัดค้านการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลจากสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องนี้จริงหรือไม่
พระสันตะปาปา: "มีอยู่วันหนึ่ง พระคาร์ดินัลเบิร์คถามพ่อว่า ตนจะทำสิ่งใดได้บ้างเมื่อตนยังไม่ได้รับการยืนยันเรื่องตำแหน่ง พ่อจึงตอบไปว่า ขอเวลาหน่อย เพราะพวกเรากำลังคิดถึงการปรับโครงสร้างของคณะพระคาร์ดินัลที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรีย พ่อจึงบอกพระคาร์ดินัลไปว่า ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้นและทุกอย่างยังถูกพิจารณาอยู่ หลังจากนั้น ก็มีเรื่องคณะกองทหารมอลตาเข้ามา พวกเราต้องการชาวอเมริกันที่เฉียบแหลมที่เดินทางไปได้ทุกที่ และพ่อก็คิดถึงพระคาร์ดินัลในตำแหน่งนี้ พ่อจึงแนะนำตำแหน่งนี้แก่พระคาร์ดินัลตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนเริ่มประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พ่อพูดกับพระคาร์ดินัลว่า 'การแต่งตั้งจะเกิดหลังประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เพราะพ่อต้องการให้ท่านมีส่วนร่วมในสมัชชานี้ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานศาล' อย่างที่ทราบกันว่า ตำแหน่งจิตตาภิบาลของกองทหารมอลตา จะไม่ได้สามารถร่วมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พระคาร์ดินัลได้ขอบคุณพ่อและยอมรับตำแหน่งดังกล่าว พ่อคิดกระทั่งว่า พระคาร์ดินัลจะชอบตำแหน่งนี้ เพราะท่านเป็นคนที่เดินทางไปได้ทุกที่และงานตำแหน่งนี้ก็จะยุ่งมากๆ ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริงที่พ่อถอดถอนพระคาร์ดินัล เนื่องจากสิ่งที่พระคาร์ดินัลกระทำในสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก
คำถามสุดท้าย พระองค์จะฉลองวันเกิดในสัปดาห์หน้าอย่างไรบ้าง วันที่ 17 ธันวาคม พระองค์จะฉลองกับผู้เร่ร่อนเหมือนปีที่แล้วหรือไม่
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ได้เชิญผู้เร่ร่อนมาเองนะ พวกเขาถูกเชิญจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ นี่เป็นความคิดที่ดีมากๆ คุณว่าไหมล่ะ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่คนทั่วไปพูดกันเองว่า พ่อทานอาหารเช้ากับผู้เร่ร่อน แต่ความเป็นจริงแล้ว พ่อทานอาหารกับพนักงานทุกคนในซางตา มาร์ธา และผู้เร่ร่อนก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องต่างๆที่ผู้คนแต่งขึ้นให้พ่อ
Read More: La Nacion
ในส่วนรายละเอียดเนื้อหาการสนทนา พระสันตะปาปาทรงกล่าวย้ำว่า พระสงฆ์ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษให้มากๆ อย่าแสวงหาอำนาจจากการเป็นสงฆ์, การยอมรับกระแสต่อต้านที่มีต่อพระองค์ เพราะการต่อต้านคือมุมมองที่แตกต่าง ถ้าไม่มีความเห็นต่าง ถือเป็นเรื่องแปลก, การยืนยันว่า ไม่ได้ถอดถอน พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ เบิร์ค ตามที่ถูกกล่าวหาจากพวกคาทอลิกหัวอนุรักษ์นิยม และทรงยอมรับว่า มีอาการเจ็บข้อบ้าง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามอายุที่มากแล้ว
![](http://2.bp.blogspot.com/-EQGBBMi43Ls/VIRIvj8OCLI/AAAAAAAAWLM/mn-OFVB2To0/s1600/B4QK82BCcAAhQXx.jpg)
ในส่วนรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ Pope Report ขอสรุปประเด็นเป็นหัวข้อ ตามรายละเอียดต่อไปนี้
คาทอลิกยังทิ้งพระศาสนจักร แม้จะเป็นช่วง "ฟรังซิส เอฟเฟ็กต์" (Francis Effect)
พระสันตะปาปา: "มันมีปัจจัยเด่นชัดหลายอย่าง ... แต่ขอให้เราวางพวกปัจจัยที่อยู่นอกพระศาสนจักรไว้ก่อนแล้วกันนะ พ่อสงสัยเกี่ยวกับตัวพวกเราเองว่า พวกเราทำอะไรกันอยู่ สิ่งใดในพระศาสนจักรที่ทำให้สัตบุรุษไม่มีความสุข สิ่งที่ทำให้สัตบุรุษไม่มีความสุขก็คือสัตบุรุษรู้สึกว่าพวกเราไม่ใกล้ชิดพวกเขามากพอ มันคือการแสวงหาการเป็นพระสงฆ์เพื่ออำนาจต่างๆ (Clericalism) วันนี้ การจะใกล้ชิดพวกเขาหมายถึงการออกไปหาคาทอลิกทุกคน มันคือการออกไปหาทุกคนและอยู่ใกล้ชิดพวกเขา ไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาในปัญหาต่างๆ และสภาพความเป็นจริง ตามที่พ่อเคยพูดไปในการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งลาตินอเมริกา ซึ่งจัดที่ริโอ เดอ จาเนโร ว่า การแสวงหาการเป็นพระสงฆ์เพื่ออำนาจต่างๆ ได้สกัดกั้นฆราวาสไม่ให้เจริญเติบโต"
การปฏิรูปพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงเรียกร้อง มีเป้าหมายในการตามหาลูกแกะที่หลงไปใช่ไหม และยังเป็นการหยุดยั้งไม่ให้สัตบุรุษลดลงด้วยหรือเปล่า
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ชอบคำว่า 'หยุดยั้งไม่ให้สัตบุรุษลดลง' เพราะมันมีความใกล้เคียงกับการบังคับให้คนเชื่อในพระเจ้า พ่อไม่ใช่คำพูดต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการบังคับให้คนนับถือพระเจ้า เพราะมันไม่ใช่สัจธรรมความจริง พ่อชอบใช้คำว่าโรงพยาบาลสนาม (The field hospital) กล่าวคือ มีบางคนบาดเจ็บอย่างหนักและกำลังรอคอยให้เราไปรักษาบาดแผลของเขา พวกเขาบาดเจ็บด้วยเหตุผลหลายพันประการ พวกเราต้องออกไปหาเขาและรักษาบาดแผลของเขา"
ที่ทรงกล่าวมาคือแผนการ (Strategy) สำหรับการรักษาผู้ที่ละทิ้งพระศาสนจักรใช่ไหม
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ชอบคำว่า 'แผนการ' พ่ออยากจะเรียกมันว่าเป็นเสียงเรียกอภิบาลของพระเจ้ามากกว่า นี่คือเสียงของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่พระศาสนจักรกำลังร้องหาจากพวกเราในทุกวันนี้ มันไม่ใช่แผนการ เพราะพระศาสนจักรไม่ได้บังคับคนเปลี่ยนศาสนา พระศาสนจักรไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการบังคับคนให้เปลี่ยนศาสนา เพราะพระศาสนจักรไม่ได้เจริญเติบโตจากการบังคับคนอื่นให้เปลี่ยนศาสนา แต่พระศาสนจักรเติบโตเพราะความน่าสนใจตามที่พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ เคยตรัสไว้ พระศาสนจักรต้องเป็นโรงพยาบาลสนาม และเราจำเป็นต้องเยียวยาบาดแผลของผู้คน เหมือนอย่างที่ชาวสะมาเรียผู้ใจดีได้กระทำ บาดแผลของบางคนเกิดจากการถูกเมินเฉย ขณะที่อีกหลายคนเกิดจากการถูกพระศาสนจักรทอดทิ้ง บางคนกำลังทนทุกข์อย่างสาหัสเลยทีเดียว"
พระองค์คือพระสันตะปาปาที่พูดตรงมากๆ พระองค์ไม่ใช้คำพูดสวยๆ ไม่พูดวกไปวนมา สมณสมัยของพระองค์จึงมีแต่คำพูดที่ชัดเจนมากๆ ว่าแต่ ทำไมพระองค์จึงคิดว่า บางพระดำรัสถึงได้ถูกบิดเบือนล่ะคะ ทำไมมีบางคนพูดว่า เรือลำนี้(พระศาสนจักร) กำลังไร้หางเสือ เฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว ที่ผ่านมา
พระสันตะปาปา: "คำพูดพวกนี้ฉีกพ่อออกเป็นชิ้นๆเลยนะ พ่อไม่รู้หรอกว่าใครพูดบ้าง พวกสื่อยกคำพูดเหล่านี้มารายงานกัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้พ่อถามคนที่เกี่ยวข้องก่อนว่าพวกเขาพูดหรือเปล่า พ่อมีความสงสัยแบบพี่น้องอะนะ โดยทั่วไป ผู้คนไม่อ่านเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น มีบางคนมาพูดกับพ่อว่า 'แน่นอน เนื้อหาข้างในดูดีนะ แต่พวกเราต้องการสิ่งที่ชัดเจนกว่านี้อีก' พ่อเลยตอบไปว่า 'ดูนะ! พ่อเขียนสมณสาส์น มันชัดเจนพอแล้ว นี่คืองานใหญ่มาก และยังมีเขียนสารเตือนใจอีก พ่อออกแถลงการณ์ พ่อเทศน์ในมิสซา นี่แหละคือการเทศน์สอน ทั้งหมดคือสิ่งที่พ่อคิดนะ ไม่ใช่สิ่งที่สื่อนำไปรายงานว่าพ่อคิดแบบนี้ ลองไปตรวจสอบดูนะ(ในสมณสาส์น, สารเตือนใจ และบทเทศน์) ทุกอย่างชัดเจนมากๆ ยิ่งสมณสาส์น ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร ยิ่งชัดเจนมากๆด้วย"
สื่อบางสำนักพูดว่า "ช่วงเวลาฮันนีมูนหมดลงแล้ว" พวกเขาหมายถึงความคิดที่แตกออกเป็น 2 ฝั่งจากการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พระองค์คิดเห็นอย่างไรบ้าง
พระสันตะปาปา: "มันไม่ใช่ความแตกแยกที่มีกับพระสันตะปาปา กล่าวคือ พระสันตะปาปาไม่ใช่เกณฑ์ชี้วัดใดๆ พระสันตะปาปาพยายามที่จะให้ลูกบอลวิ่งไปเรื่อยๆ และรับฟังเสียงของทุกคน ความจริงที่เห็นกันก็ว่า สิ่งที่พ่อกล่าวในตอนปิดการประชุมได้รับเสียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นจากบรรดาพระสังฆราชว่า พระสันตะปาปาไม่ใช่ประเด็นในการออกความเห็น
พระองค์เชื่อไหมว่า มันมีการต่อต้านพระองค์ที่ต้องการจะทำให้พระศาสนจักรโปร่งใส พระองค์กังวลใจบ้างไหม
พระสันตะปาปา: "สำหรับตัวพ่อเอง การต่อต้านหมายถึงมุมมองที่แตกต่าง มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปขุ่นเคืองใจ ... ไม่หรอก พ่อไม่กังวลใจ ทุกสิ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพ่อ ถ้าไม่มีความเห็นต่างซิ มันจะแปลกมาก
การชำระพระศาสนจักรให้สะอาดโปร่งใส จบลงหรือยัง หรือว่า ยังดำเนินต่อไป
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่อยากพูดเกี่ยวกับการชำระพระศาสนจักรให้สะอาด พ่อขอเรียกมันว่า การทำให้โรมันคูเรียเดินไปบนหนทางที่ถูกกำหนดไว้จะดีกว่า ไม่หรอก มันยังไม่จบ ถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล ยาวมากๆ ไกลมากๆ
พระองค์พบสิ่งใดบ้างในการชำระโรมันคูเรียให้สะอาด มันแย่กว่าที่คิดไหม
พระสันตะปาปา: "ตอนแรก(ตอนก่อนเลือกตั้งพระสันตะปาปา) พ่อไม่คิดอะไรเลย พ่อคิดอย่างเดียวว่า พ่อจะกลับบ้าน(กลับกรุงบัวโนสไอเรส) แต่หลังจากนั้น พ่อไม่รู้ซิ พระเจ้าทรงดีกับพ่อมาก พระองค์ทรงมอบยาดีแห่งความไม่รู้สิ่งใดให้กับพ่อ พ่แแค่ทำสิ่งที่พ่อต้องทำเท่านั้นแหละ
แล้วตอนนี้ พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง
พระสันตะปาปา: "อย่างที่ทุกคนรู้ ทุกคนเห็นนั่นแหละ เรื่องธนาคารวาติกัน ทุกอย่างก็ไปได้สวย พวกเราทำงานกันได้ดีมากๆ ตอนนี้ พ่อให้ความใส่ใจมากๆ กับการฟื้นฟูชีวิตจิต พ่อกำลังเขียนโอวาทที่จะกล่าวกับสมาชิกโรมันคูเรียโอกาสการเข้าเฝ้าถวายพระพรคริสต์มาส พ่อยังเตรียมร่างโอวาทอีก 2 เรื่อง หนึ่งคือให้บรรดาเจ้ากระทรวงต่างๆ และให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่พนักงานวาติกัน
จริงหรือไม่ที่คู่สมรสอาจจะได้เป็นหัวหน้าในหน่วยงานบางแห่งในโรมันคูเรีย อาทิ สมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ และจริงหรือไม่ที่บางทีพวกหัวหน้ากระทรวงไม่จำเป็นต้องเป็นพระคาร์ดินัลหรือพระสังฆราช
พระสันตะปาปา: "อืม บางที(อาจเป็นแบบนั้น) พ่อยังไม่รู้หรอกจะเป็นอย่างไร หัวหน้าหน่วยงานหรือเลขาธิการหน่วยงาน จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด จะชายหรือหญิง หรือจะเป็นฆราวาสที่สมรสแล้วก็ได้ แต่สำหรับหน่วยงานอย่างสมณกระทรวงหลักความเชื่อ, สมณกระทรวงเพื่อพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ หรือสมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ หน่วยงานเหล่านี้ต้องเป็นพระคาร์ดินัลเสมอนะ เพราะหน่วยงานเหล่านี้มีความใกล้ชิดกับพระสันตะปาปา แต่เลขาธิการของหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องเป็นพระสังฆราช เพราะปัญหามีอยู่ว่า เมื่อเราต้องเปลี่ยนวาระของพระสังฆราชที่เป็นเลขาธิการ พวกเราต้องหาสังฆมณฑลให้เขาได้ลง แต่บางครั้ง มันก็ไม่เหมาะสมกับเขาเท่าไหร่ พ่อเพิ่งจะแต่งตั้งพระสังฆราช 2 คนที่เป็นเลขาฯ ประจำหน่วยงานเองนะ
ปี 2014 เป็นที่หนักมากๆ จะด้วยการทริปเยือนประเทศต่างๆ, สมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก, การภาวนาเพื่อสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งจัดที่สวนวาติกัน เหตุการณ์ไหนที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในความคิดของพระองค์
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่รู้ซิ ทุกเหตุการณ์มีทั้งเรื่องดีและไม่ค่อยดี แต่การพบกับบรรดาผู้สูงอายุปู่ย่าตายายที่วาติกัน เป็นเหตุการณ์ที่น่าทึ่งและสวยงามมากๆนะ
พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ก็มาร่วมเหตุการณ์นี้ด้วย
พระสันตะปาปา: "พ่อสนุกกับเหตุการณ์นี้มากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เหตุการณ์นี้ดีที่สุดนะ เพราะจริงๆแล้ว พ่อสนุกกับทุกเหตุการณ์นั่นแหละ พ่อไม่รู้(ว่าจะเลือกเหตุการณ์ไหน) พ่อไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
ถามเกี่ยวกับการเป็นพระสันตะปาปาบ้าง พระองค์ชอบสิ่งไหนมากสุด และไม่ชอบสิ่งใดมากสุด
พระสันตะปาปา: "นี่คือความจริงสุดๆ นะ นี่คือสิ่งที่พ่อต้องการจะพูดออกไป ก่อนที่พ่อจะมาที่นี่ พ่อเข้าสู่ช่วงเตรียมลาเกษียณ กล่าวคือ พ่อได้ตกลงกับสมณทูตแล้วว่า เมื่อพ่อกลับไปถึงบัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา ... กลับหลังจากร่วมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่) เราจะมาคุยกันเรื่อง 3 รายชื่อที่จะมาสานงานต่อจากพ่อในฐานะพระอัครสังฆราชแห่งบัวโนสไอเรส ... เมื่อพ่อมาที่นี่ (วาติกัน) พ่อต้องเริ่มทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ช่วงเริ่มต้น พ่อพูดกับตัวเองว่า 'ฆอร์เค่ อย่าเปลี่ยนไปนะ จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนไปเมื่ออายุขนาดนี้ จะเป็นการทำให้ตัวเองดูโง่มากๆ' นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อจึงทำตัวเหมือนเดิมเหมือนตอนอยู่ที่บัวโนสไอเรส บางที แม้จะทำผิดพลาดกับความผิดเดิมๆ แต่พ่อยังอยากให้มันเป็นแบบนี้ เป็นตัวของตัวเอง
ตอนกลับจากเกาหลีใต้ พระองค์เคยกล่าวถึง "การกลับสู่บ้านของพระบิดา" หลายคนจึงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ พวกเขาคิดว่าพระองค์อาจมีปัญหาสุขภาพ พระองค์ยังแข็งแรงใช่ไหม
พระสันตะปาปา: "พ่อมีอาการปวดข้อและเจ็บบ้าง แต่พ่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ตอนนี้ พ่อสามารถทำงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
พวกหัวอนุรักษ์นิยมในอเมริกา คิดว่า พระองค์ทรงถอดถอน พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ ลีโอ เบิร์ค จากสมณศาลปรมาภิไธย เพราะพระคาร์ดินัลเป็นผู้นำกลุ่มที่คัดค้านการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลจากสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องนี้จริงหรือไม่
พระสันตะปาปา: "มีอยู่วันหนึ่ง พระคาร์ดินัลเบิร์คถามพ่อว่า ตนจะทำสิ่งใดได้บ้างเมื่อตนยังไม่ได้รับการยืนยันเรื่องตำแหน่ง พ่อจึงตอบไปว่า ขอเวลาหน่อย เพราะพวกเรากำลังคิดถึงการปรับโครงสร้างของคณะพระคาร์ดินัลที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรีย พ่อจึงบอกพระคาร์ดินัลไปว่า ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้นและทุกอย่างยังถูกพิจารณาอยู่ หลังจากนั้น ก็มีเรื่องคณะกองทหารมอลตาเข้ามา พวกเราต้องการชาวอเมริกันที่เฉียบแหลมที่เดินทางไปได้ทุกที่ และพ่อก็คิดถึงพระคาร์ดินัลในตำแหน่งนี้ พ่อจึงแนะนำตำแหน่งนี้แก่พระคาร์ดินัลตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนเริ่มประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พ่อพูดกับพระคาร์ดินัลว่า 'การแต่งตั้งจะเกิดหลังประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เพราะพ่อต้องการให้ท่านมีส่วนร่วมในสมัชชานี้ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานศาล' อย่างที่ทราบกันว่า ตำแหน่งจิตตาภิบาลของกองทหารมอลตา จะไม่ได้สามารถร่วมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พระคาร์ดินัลได้ขอบคุณพ่อและยอมรับตำแหน่งดังกล่าว พ่อคิดกระทั่งว่า พระคาร์ดินัลจะชอบตำแหน่งนี้ เพราะท่านเป็นคนที่เดินทางไปได้ทุกที่และงานตำแหน่งนี้ก็จะยุ่งมากๆ ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริงที่พ่อถอดถอนพระคาร์ดินัล เนื่องจากสิ่งที่พระคาร์ดินัลกระทำในสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก
คำถามสุดท้าย พระองค์จะฉลองวันเกิดในสัปดาห์หน้าอย่างไรบ้าง วันที่ 17 ธันวาคม พระองค์จะฉลองกับผู้เร่ร่อนเหมือนปีที่แล้วหรือไม่
พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ได้เชิญผู้เร่ร่อนมาเองนะ พวกเขาถูกเชิญจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ นี่เป็นความคิดที่ดีมากๆ คุณว่าไหมล่ะ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่คนทั่วไปพูดกันเองว่า พ่อทานอาหารเช้ากับผู้เร่ร่อน แต่ความเป็นจริงแล้ว พ่อทานอาหารกับพนักงานทุกคนในซางตา มาร์ธา และผู้เร่ร่อนก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องต่างๆที่ผู้คนแต่งขึ้นให้พ่อ
Read More: La Nacion
Comments
Post a Comment