สัมภาษณ์พระสันตะปาปา: "สงฆ์ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษ, ไม่กังวลกระแสต่อต้านในพระศาสนจักร, พ่อมีอาการปวดตามข้อบ้าง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทานการสัมภาษณ์แก่ "เอลิซาเบ็ตต้า ปีเก้" ผู้สื่อข่าวสายวาติกันจาก "ลา นาซีออน" หนังสือพิมพ์ชื่อดังของอาร์เจนตินา โดยนับเป็นการประทานสัมภาษณ์ครั้งแรกต่อสื่อบ้านเกิดของพระองค์ นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา

ในส่วนรายละเอียดเนื้อหาการสนทนา พระสันตะปาปาทรงกล่าวย้ำว่า พระสงฆ์ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษให้มากๆ อย่าแสวงหาอำนาจจากการเป็นสงฆ์, การยอมรับกระแสต่อต้านที่มีต่อพระองค์ เพราะการต่อต้านคือมุมมองที่แตกต่าง ถ้าไม่มีความเห็นต่าง ถือเป็นเรื่องแปลก, การยืนยันว่า ไม่ได้ถอดถอน พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ เบิร์ค ตามที่ถูกกล่าวหาจากพวกคาทอลิกหัวอนุรักษ์นิยม และทรงยอมรับว่า มีอาการเจ็บข้อบ้าง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามอายุที่มากแล้ว




ในส่วนรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ Pope Report ขอสรุปประเด็นเป็นหัวข้อ ตามรายละเอียดต่อไปนี้

คาทอลิกยังทิ้งพระศาสนจักร แม้จะเป็นช่วง "ฟรังซิส เอฟเฟ็กต์" (Francis Effect)

พระสันตะปาปา: "มันมีปัจจัยเด่นชัดหลายอย่าง ... แต่ขอให้เราวางพวกปัจจัยที่อยู่นอกพระศาสนจักรไว้ก่อนแล้วกันนะ พ่อสงสัยเกี่ยวกับตัวพวกเราเองว่า พวกเราทำอะไรกันอยู่ สิ่งใดในพระศาสนจักรที่ทำให้สัตบุรุษไม่มีความสุข สิ่งที่ทำให้สัตบุรุษไม่มีความสุขก็คือสัตบุรุษรู้สึกว่าพวกเราไม่ใกล้ชิดพวกเขามากพอ มันคือการแสวงหาการเป็นพระสงฆ์เพื่ออำนาจต่างๆ (Clericalism) วันนี้ การจะใกล้ชิดพวกเขาหมายถึงการออกไปหาคาทอลิกทุกคน มันคือการออกไปหาทุกคนและอยู่ใกล้ชิดพวกเขา ไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาในปัญหาต่างๆ และสภาพความเป็นจริง ตามที่พ่อเคยพูดไปในการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งลาตินอเมริกา ซึ่งจัดที่ริโอ เดอ จาเนโร ว่า การแสวงหาการเป็นพระสงฆ์เพื่ออำนาจต่างๆ ได้สกัดกั้นฆราวาสไม่ให้เจริญเติบโต"

การปฏิรูปพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงเรียกร้อง มีเป้าหมายในการตามหาลูกแกะที่หลงไปใช่ไหม และยังเป็นการหยุดยั้งไม่ให้สัตบุรุษลดลงด้วยหรือเปล่า

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ชอบคำว่า 'หยุดยั้งไม่ให้สัตบุรุษลดลง' เพราะมันมีความใกล้เคียงกับการบังคับให้คนเชื่อในพระเจ้า พ่อไม่ใช่คำพูดต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการบังคับให้คนนับถือพระเจ้า เพราะมันไม่ใช่สัจธรรมความจริง พ่อชอบใช้คำว่าโรงพยาบาลสนาม (The field hospital) กล่าวคือ มีบางคนบาดเจ็บอย่างหนักและกำลังรอคอยให้เราไปรักษาบาดแผลของเขา พวกเขาบาดเจ็บด้วยเหตุผลหลายพันประการ พวกเราต้องออกไปหาเขาและรักษาบาดแผลของเขา"

ที่ทรงกล่าวมาคือแผนการ (Strategy) สำหรับการรักษาผู้ที่ละทิ้งพระศาสนจักรใช่ไหม

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ชอบคำว่า 'แผนการ' พ่ออยากจะเรียกมันว่าเป็นเสียงเรียกอภิบาลของพระเจ้ามากกว่า นี่คือเสียงของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่พระศาสนจักรกำลังร้องหาจากพวกเราในทุกวันนี้ มันไม่ใช่แผนการ เพราะพระศาสนจักรไม่ได้บังคับคนเปลี่ยนศาสนา พระศาสนจักรไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการบังคับคนให้เปลี่ยนศาสนา เพราะพระศาสนจักรไม่ได้เจริญเติบโตจากการบังคับคนอื่นให้เปลี่ยนศาสนา แต่พระศาสนจักรเติบโตเพราะความน่าสนใจตามที่พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ เคยตรัสไว้ พระศาสนจักรต้องเป็นโรงพยาบาลสนาม และเราจำเป็นต้องเยียวยาบาดแผลของผู้คน เหมือนอย่างที่ชาวสะมาเรียผู้ใจดีได้กระทำ บาดแผลของบางคนเกิดจากการถูกเมินเฉย ขณะที่อีกหลายคนเกิดจากการถูกพระศาสนจักรทอดทิ้ง บางคนกำลังทนทุกข์อย่างสาหัสเลยทีเดียว"

พระองค์คือพระสันตะปาปาที่พูดตรงมากๆ พระองค์ไม่ใช้คำพูดสวยๆ ไม่พูดวกไปวนมา สมณสมัยของพระองค์จึงมีแต่คำพูดที่ชัดเจนมากๆ ว่าแต่ ทำไมพระองค์จึงคิดว่า บางพระดำรัสถึงได้ถูกบิดเบือนล่ะคะ ทำไมมีบางคนพูดว่า เรือลำนี้(พระศาสนจักร) กำลังไร้หางเสือ เฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว ที่ผ่านมา 

พระสันตะปาปา: "คำพูดพวกนี้ฉีกพ่อออกเป็นชิ้นๆเลยนะ พ่อไม่รู้หรอกว่าใครพูดบ้าง พวกสื่อยกคำพูดเหล่านี้มารายงานกัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้พ่อถามคนที่เกี่ยวข้องก่อนว่าพวกเขาพูดหรือเปล่า พ่อมีความสงสัยแบบพี่น้องอะนะ โดยทั่วไป ผู้คนไม่อ่านเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น มีบางคนมาพูดกับพ่อว่า 'แน่นอน เนื้อหาข้างในดูดีนะ แต่พวกเราต้องการสิ่งที่ชัดเจนกว่านี้อีก' พ่อเลยตอบไปว่า 'ดูนะ! พ่อเขียนสมณสาส์น มันชัดเจนพอแล้ว นี่คืองานใหญ่มาก และยังมีเขียนสารเตือนใจอีก พ่อออกแถลงการณ์ พ่อเทศน์ในมิสซา นี่แหละคือการเทศน์สอน ทั้งหมดคือสิ่งที่พ่อคิดนะ ไม่ใช่สิ่งที่สื่อนำไปรายงานว่าพ่อคิดแบบนี้ ลองไปตรวจสอบดูนะ(ในสมณสาส์น, สารเตือนใจ และบทเทศน์) ทุกอย่างชัดเจนมากๆ ยิ่งสมณสาส์น ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร ยิ่งชัดเจนมากๆด้วย"

สื่อบางสำนักพูดว่า "ช่วงเวลาฮันนีมูนหมดลงแล้ว" พวกเขาหมายถึงความคิดที่แตกออกเป็น 2 ฝั่งจากการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พระองค์คิดเห็นอย่างไรบ้าง

พระสันตะปาปา: "มันไม่ใช่ความแตกแยกที่มีกับพระสันตะปาปา กล่าวคือ พระสันตะปาปาไม่ใช่เกณฑ์ชี้วัดใดๆ พระสันตะปาปาพยายามที่จะให้ลูกบอลวิ่งไปเรื่อยๆ และรับฟังเสียงของทุกคน ความจริงที่เห็นกันก็ว่า สิ่งที่พ่อกล่าวในตอนปิดการประชุมได้รับเสียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นจากบรรดาพระสังฆราชว่า พระสันตะปาปาไม่ใช่ประเด็นในการออกความเห็น

พระองค์เชื่อไหมว่า มันมีการต่อต้านพระองค์ที่ต้องการจะทำให้พระศาสนจักรโปร่งใส พระองค์กังวลใจบ้างไหม

พระสันตะปาปา: "สำหรับตัวพ่อเอง การต่อต้านหมายถึงมุมมองที่แตกต่าง มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปขุ่นเคืองใจ ... ไม่หรอก พ่อไม่กังวลใจ ทุกสิ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพ่อ ถ้าไม่มีความเห็นต่างซิ มันจะแปลกมาก

การชำระพระศาสนจักรให้สะอาดโปร่งใส จบลงหรือยัง หรือว่า ยังดำเนินต่อไป

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่อยากพูดเกี่ยวกับการชำระพระศาสนจักรให้สะอาด พ่อขอเรียกมันว่า การทำให้โรมันคูเรียเดินไปบนหนทางที่ถูกกำหนดไว้จะดีกว่า ไม่หรอก มันยังไม่จบ ถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล ยาวมากๆ ไกลมากๆ

พระองค์พบสิ่งใดบ้างในการชำระโรมันคูเรียให้สะอาด มันแย่กว่าที่คิดไหม

พระสันตะปาปา: "ตอนแรก(ตอนก่อนเลือกตั้งพระสันตะปาปา) พ่อไม่คิดอะไรเลย พ่อคิดอย่างเดียวว่า พ่อจะกลับบ้าน(กลับกรุงบัวโนสไอเรส) แต่หลังจากนั้น พ่อไม่รู้ซิ พระเจ้าทรงดีกับพ่อมาก พระองค์ทรงมอบยาดีแห่งความไม่รู้สิ่งใดให้กับพ่อ พ่แแค่ทำสิ่งที่พ่อต้องทำเท่านั้นแหละ

แล้วตอนนี้ พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง 

พระสันตะปาปา: "อย่างที่ทุกคนรู้ ทุกคนเห็นนั่นแหละ เรื่องธนาคารวาติกัน ทุกอย่างก็ไปได้สวย พวกเราทำงานกันได้ดีมากๆ ตอนนี้ พ่อให้ความใส่ใจมากๆ กับการฟื้นฟูชีวิตจิต พ่อกำลังเขียนโอวาทที่จะกล่าวกับสมาชิกโรมันคูเรียโอกาสการเข้าเฝ้าถวายพระพรคริสต์มาส พ่อยังเตรียมร่างโอวาทอีก 2 เรื่อง หนึ่งคือให้บรรดาเจ้ากระทรวงต่างๆ และให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่พนักงานวาติกัน

จริงหรือไม่ที่คู่สมรสอาจจะได้เป็นหัวหน้าในหน่วยงานบางแห่งในโรมันคูเรีย อาทิ สมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ และจริงหรือไม่ที่บางทีพวกหัวหน้ากระทรวงไม่จำเป็นต้องเป็นพระคาร์ดินัลหรือพระสังฆราช

พระสันตะปาปา: "อืม บางที(อาจเป็นแบบนั้น) พ่อยังไม่รู้หรอกจะเป็นอย่างไร หัวหน้าหน่วยงานหรือเลขาธิการหน่วยงาน จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด จะชายหรือหญิง หรือจะเป็นฆราวาสที่สมรสแล้วก็ได้ แต่สำหรับหน่วยงานอย่างสมณกระทรวงหลักความเชื่อ, สมณกระทรวงเพื่อพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ หรือสมณสภาเพื่อความยุติธรรมและสันติ หน่วยงานเหล่านี้ต้องเป็นพระคาร์ดินัลเสมอนะ เพราะหน่วยงานเหล่านี้มีความใกล้ชิดกับพระสันตะปาปา แต่เลขาธิการของหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องเป็นพระสังฆราช เพราะปัญหามีอยู่ว่า เมื่อเราต้องเปลี่ยนวาระของพระสังฆราชที่เป็นเลขาธิการ พวกเราต้องหาสังฆมณฑลให้เขาได้ลง แต่บางครั้ง มันก็ไม่เหมาะสมกับเขาเท่าไหร่ พ่อเพิ่งจะแต่งตั้งพระสังฆราช 2 คนที่เป็นเลขาฯ ประจำหน่วยงานเองนะ

ปี 2014 เป็นที่หนักมากๆ จะด้วยการทริปเยือนประเทศต่างๆ, สมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก, การภาวนาเพื่อสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งจัดที่สวนวาติกัน เหตุการณ์ไหนที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในความคิดของพระองค์ 

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่รู้ซิ ทุกเหตุการณ์มีทั้งเรื่องดีและไม่ค่อยดี แต่การพบกับบรรดาผู้สูงอายุปู่ย่าตายายที่วาติกัน เป็นเหตุการณ์ที่น่าทึ่งและสวยงามมากๆนะ

พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ก็มาร่วมเหตุการณ์นี้ด้วย

พระสันตะปาปา: "พ่อสนุกกับเหตุการณ์นี้มากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เหตุการณ์นี้ดีที่สุดนะ เพราะจริงๆแล้ว พ่อสนุกกับทุกเหตุการณ์นั่นแหละ พ่อไม่รู้(ว่าจะเลือกเหตุการณ์ไหน) พ่อไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

ถามเกี่ยวกับการเป็นพระสันตะปาปาบ้าง พระองค์ชอบสิ่งไหนมากสุด และไม่ชอบสิ่งใดมากสุด

พระสันตะปาปา: "นี่คือความจริงสุดๆ นะ นี่คือสิ่งที่พ่อต้องการจะพูดออกไป ก่อนที่พ่อจะมาที่นี่ พ่อเข้าสู่ช่วงเตรียมลาเกษียณ กล่าวคือ พ่อได้ตกลงกับสมณทูตแล้วว่า เมื่อพ่อกลับไปถึงบัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา ... กลับหลังจากร่วมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่) เราจะมาคุยกันเรื่อง 3 รายชื่อที่จะมาสานงานต่อจากพ่อในฐานะพระอัครสังฆราชแห่งบัวโนสไอเรส ... เมื่อพ่อมาที่นี่ (วาติกัน) พ่อต้องเริ่มทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ช่วงเริ่มต้น พ่อพูดกับตัวเองว่า 'ฆอร์เค่ อย่าเปลี่ยนไปนะ จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนไปเมื่ออายุขนาดนี้ จะเป็นการทำให้ตัวเองดูโง่มากๆ' นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อจึงทำตัวเหมือนเดิมเหมือนตอนอยู่ที่บัวโนสไอเรส บางที แม้จะทำผิดพลาดกับความผิดเดิมๆ แต่พ่อยังอยากให้มันเป็นแบบนี้ เป็นตัวของตัวเอง

ตอนกลับจากเกาหลีใต้ พระองค์เคยกล่าวถึง "การกลับสู่บ้านของพระบิดา" หลายคนจึงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ พวกเขาคิดว่าพระองค์อาจมีปัญหาสุขภาพ พระองค์ยังแข็งแรงใช่ไหม 

พระสันตะปาปา: "พ่อมีอาการปวดข้อและเจ็บบ้าง แต่พ่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ตอนนี้ พ่อสามารถทำงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

พวกหัวอนุรักษ์นิยมในอเมริกา คิดว่า พระองค์ทรงถอดถอน พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ ลีโอ เบิร์ค จากสมณศาลปรมาภิไธย เพราะพระคาร์ดินัลเป็นผู้นำกลุ่มที่คัดค้านการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลจากสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องนี้จริงหรือไม่

พระสันตะปาปา: "มีอยู่วันหนึ่ง พระคาร์ดินัลเบิร์คถามพ่อว่า ตนจะทำสิ่งใดได้บ้างเมื่อตนยังไม่ได้รับการยืนยันเรื่องตำแหน่ง พ่อจึงตอบไปว่า ขอเวลาหน่อย เพราะพวกเรากำลังคิดถึงการปรับโครงสร้างของคณะพระคาร์ดินัลที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรีย พ่อจึงบอกพระคาร์ดินัลไปว่า ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้นและทุกอย่างยังถูกพิจารณาอยู่ หลังจากนั้น ก็มีเรื่องคณะกองทหารมอลตาเข้ามา พวกเราต้องการชาวอเมริกันที่เฉียบแหลมที่เดินทางไปได้ทุกที่ และพ่อก็คิดถึงพระคาร์ดินัลในตำแหน่งนี้ พ่อจึงแนะนำตำแหน่งนี้แก่พระคาร์ดินัลตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนเริ่มประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พ่อพูดกับพระคาร์ดินัลว่า 'การแต่งตั้งจะเกิดหลังประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เพราะพ่อต้องการให้ท่านมีส่วนร่วมในสมัชชานี้ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานศาล' อย่างที่ทราบกันว่า ตำแหน่งจิตตาภิบาลของกองทหารมอลตา จะไม่ได้สามารถร่วมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก พระคาร์ดินัลได้ขอบคุณพ่อและยอมรับตำแหน่งดังกล่าว พ่อคิดกระทั่งว่า พระคาร์ดินัลจะชอบตำแหน่งนี้ เพราะท่านเป็นคนที่เดินทางไปได้ทุกที่และงานตำแหน่งนี้ก็จะยุ่งมากๆ ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริงที่พ่อถอดถอนพระคาร์ดินัล เนื่องจากสิ่งที่พระคาร์ดินัลกระทำในสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก

คำถามสุดท้าย พระองค์จะฉลองวันเกิดในสัปดาห์หน้าอย่างไรบ้าง วันที่ 17 ธันวาคม พระองค์จะฉลองกับผู้เร่ร่อนเหมือนปีที่แล้วหรือไม่

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ได้เชิญผู้เร่ร่อนมาเองนะ พวกเขาถูกเชิญจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ นี่เป็นความคิดที่ดีมากๆ คุณว่าไหมล่ะ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่คนทั่วไปพูดกันเองว่า พ่อทานอาหารเช้ากับผู้เร่ร่อน แต่ความเป็นจริงแล้ว พ่อทานอาหารกับพนักงานทุกคนในซางตา มาร์ธา และผู้เร่ร่อนก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องต่างๆที่ผู้คนแต่งขึ้นให้พ่อ

Read More: La Nacion


Comments