โป๊ปฟรังซิส: “มีผู้ศักดิ์สิทธิ์มากมายในพระศาสนจักรที่ทำตัวเงียบๆ และไม่มีใครเห็น”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ มีผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นนักบุญมากมายในพระศาสนจักรที่ทำตัวเงียบๆ ไม่มีใครเห็น อาทิ ผู้ป่วยที่ถวายความเจ็บป่วยแด่พระเจ้า, ผู้สูงอายุที่อยู่อย่างอ้างว้าง แต่สวดภาวนาและยินดีถวายความโดดเดี่ยวให้พระเจ้า หรือจะเป็นพระสงฆ์ที่ทำตัวเงียบๆ แต่ทำงานอภิบาลอย่างหนัก ทำด้วยความรัก และไม่หยิ่งผยอง ทั้งหมดนี้คือนักบุญที่ไม่มีใครเห็นในพระศาสนจักร ทรงย้ำ อย่าทำตัวเป็นคริสตชนที่ดูดีด้วยเครื่องสำอาง มัวแต่ทะนงตน อวดตัว เพราะสุดท้าย พวกนี้จะถูกทำลายไปอย่างแน่นอน 


ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ พระเยซูทรงสอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกพระเยซูว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ แล้วจะได้เข้าสวรรค์ แต่คนที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์ต่างหากที่จะได้เข้าสวรรค์ คนที่ฟังพระเยซูแล้วปฏิบัติตาม ก็คือคนที่สร้างบ้านไว้บนหิน ส่วนคนที่ฟังแล้วไม่ปฏิบัติ ก็คือคนที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำจะพัดบ้านบนทรายให้พังทลาย

พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พวกเราไม่ควรเป็นคริสตชนแค่เปลือกนอก อย่าเป็นพวกคริสตชนเครื่องสำอาง เพราะเมื่อฝนตก สิ่งที่แต่งแต้มจะหายไปทันที

“มันไม่มีค่าพอหรอกที่เราจะอยู่ในครอบครัวคาทอลิกเคร่งครัด หรืออยู่ในกลุ่มสมาคมใดๆ หรือจะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินกลุ่มไหนก็ตาม ถ้าหากว่าเรายังไม่ติดตามพระประสงค์ของพระเจ้า มีคริสตชนเครื่องสำอางจำนวนมากที่ล้มลงตั้งแต่ถูกประจญล่อลวงครั้งแรก เพราะมันไม่มีแก่นแท้ในตัวเขา พวกเขาสร้างบ้านบนทราย ในทางกลับกัน มันมีนักบุญมากมายในหมู่ประชากรของพระเจ้า ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นนักบุญที่ได้รับการประกาศสถาปนาหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ พวกเขาเป็นนักบุญ เป็นนักบุญที่นำความรักของพระเยซูไปปฏิบัติ พวกเขาสร้างบ้านบนหิน ซึ่งก็คือพระคริสตเจ้า

“ขอให้เราคิดถึงสิ่งที่ต่ำต้อยที่สุด ... คนป่วยที่ถวายความเจ็บปวดของตนเพื่อพระศาสนจักรและเพื่อผู้อื่น ขอให้เราคิดถึงผู้สูงอายุจำนวนมากที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวซึ่งสวดภาวนาและถวายสิ่งนี้(แด่พระเจ้า) ขอให้เราคิดถึงพ่อแม่หลายๆคนที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นอย่างสุดๆ ในการสร้างครอบครัว, ให้การอบรมลูกๆ, ทำงานในชีวิตประจำวันและต้องแบกรับปัญหา แต่พวกเขาก็มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมในพระเยซู ผู้ไม่เคยเมินเฉย พวกเขาเหล่านี้ไม่เคยหยิ่งผยอง แต่ทำทุกสิ่งที่ตนสามารถจะทำได้ พวกเขาเหล่านี้คือนักบุญในชีวิตประจำวัน

“ขอให้เราคิดถึงบรรดาพระสงฆ์ที่ไม่มีใครให้ความสนใจ แต่ยังคงทำงานในเขตวัดของตนด้วยความรัก ทำงานสอนคำสอนเด็กๆ ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และเตรียมอบรมคู่สมรส พวกเขาต้องทำอย่างนี้ทุกวัน ทำเหมือนเดิมตลอด พวกเขาไม่เบื่อเพราะรากฐานของเขาอยู่บนหิน ซึ่งก็คือพระเยซู สิ่งนี้ได้มอบความศักดิ์สิทธิ์ให้พระศาสนจักร มันคือการให้ความหวัง!

“พวกเราควรจะคิดให้มากๆ เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในพระศาสนจักร ... คริสตชนที่ดำรงอยู่ในพระเยซู เป็นคนบาปเหรอ? ใช่! พวกเราทุกคนเป็นคนบาป บางครั้ง หนึ่งในคริสตชนที่ดำรงอยู่ในพระเยซูก็ทำบาปหนัก แต่พวกเขาสำนึกผิด พวกเขาแสวงหาการอภัยโทษ(จากพระเจ้า) นี่คือสิ่งที่ดีงาม กล่าวคือ ความสามารถที่จะแสวงหาการขออภัยโทษบาป, ไม่สับสนระหว่างบาปกับความดี, รู้อย่างชัดเจนว่าความดีอยู่ตรงไหน และบาปอยู่ตรงไหน สิ่งเหล่านี้คือการสร้างบ้านบนหิน และหินก็คือพระคริสตเจ้า พวกเขาติดตามหนทางของพระคริสตเจ้า พวกเขาติดตามพระองค์

“การทะนงตน, การหลงตัวเอง และพวกคริสตชนเพียงเปลือกนอก จะถูกทำลาย ขณะที่คนยากไร้จะเป็นคนที่ได้รับชัยชนะ ผู้มีใจยากจนที่ตั้งมั่นอยู่ในพระเจ้า ผู้ที่ถ่อมตนอย่างสุภาพ ผู้ที่นำพระวาจาของพระเจ้าไปปฏิบัติ พวกเขาจะเดินไปข้างหน้าด้วยความรอด

“ดังนั้น ในช่วงเวลาของการเตรียมตัวสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ขอให้เราวอนขอพระเจ้าเพื่อเราจะได้ตั้งมั่นอยู่บนหินซึ่งก็คือพระคริสตเจ้า ความหวังของเราก็คือพระองค์ พวกเราเป็นคนบาป พวกเราอ่อนแอ แต่พวกเรามอบความหวังไว้ในพระองค์ พวกเราจะสามารถเดินหน้าไปต่อได้ และนี่คือความชื่นชมยินดีของคริสตชน นั่นคือ การรู้ว่า ในพระเยซูคือความหวัง คือการให้อภัย คือสันติ และคือความชื่นชมยินดี” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments