โป๊ปฟรังซิส: “ความซื่อสัตย์ของพระเจ้า ทรงพลังกว่าความมืดและการคดโกง”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ความซื่อสัตย์อย่างอดทนของพระเจ้า เปี่ยมด้วยพลังกว่าความมืดและการคดโกง สิ่งนี้คือสาระสำคัญของวันคริสต์มาส ทรงหวังเห็นคาทอลิก เผชิญปัญหาชีวิตด้วยความสุภาพอ่อนโยน ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยความเฉยชาใส่กัน ทรงย้ำ คนที่จะพบพระเยซูได้ ต้องเป็นคนที่เปิดใจต้อนรับพระเจ้า ไม่ใช่พวกคนหยิ่งยะโสและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติตามใจตัวเอง




ค่ำวันพุธที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาสมโภชพระคริสตสมภพ ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมเป็นจำนวนมาก

มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า “ประกาศกอิสยาห์กล่าวไว้เกี่ยวกับการบังเกิดของพระคริสตเจ้าว่าจะเป็นความสว่างที่ยิ่งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นในตอนกลางคืน ส่วนพระวรสารวันนี้ เครื่องหมายที่ทูตสวรรค์ทำให้บรรดาคนเลี้ยงแกะได้เห็นก็คือ ‘ท่านจะพบพระกุมารคนหนึ่ง มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า’ (ลูกา 2:12)

“เครื่องหมายนี้คือความสุภาพถ่อมตนอย่างถึงที่สุดของพระเจ้า นี่คือความรักที่พระเจ้าทรงยอมรับความอ่อนแอ ความทุกข์ ความกระวนกระวาย ความต้องการ และข้อจำกัดต่างๆ ของเราไว้กับพระองค์

“การบังเกิดของพระผู้ไถ่เป็นเครื่องหมายถึงความสว่างที่ส่องออกและขับไล่ความมืดที่มืดมิดที่สุด การเสด็จมาของพระองค์ได้หยุดยั้งความทุกข์และความระทมจากการเป็นทาส และยังนำเราไปสู่ความชื่นชมยินดีและความสุข

“การจะเข้าสู่บ้านของพระเจ้า พวกเราต้องผ่านความมืดมิดที่ห่อหุ้มโลกนี้ แต่เราจะได้รับการนำทางจากเปลวไฟแห่งความเชื่อที่ส่องสว่างนำทางเรา และทำให้เรามีชีวิตชีวาด้วยความหวังที่จะได้พบกับแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่

“พ่ออยากกล่าวถึงความรุนแรง สงคราม ความเกลียดชัง และการเบียดเบียนข่มเหงซึ่งถูกตีแผ่จากตอนที่ กาอิน ฆ่า อาเบล น้องชายของตัวเอง ทั้งๆ ที่ประวัติศาสตร์ถูกกำหนดไว้จากความรุนแรงและความขัดแย้ง แต่พระเจ้าผู้ทรงมีความคาดหวังในมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์นั้น ก็ยังเฝ้ารอเรา พระองค์ยังคงเฝ้ารออย่างต่อเนื่องด้วยความอดทน ทั้งๆ ที่ต้องประสบกับการคดโกงของมนุษย์

“ตลอดระยะเวลาของประวัติศาสตร์ ความสว่างได้ทำลายความมืดและเผยแสดงให้เราเห็นถึงพระเจ้าพระบิดา ความซื่อสัตย์ที่เปี่ยมด้วยความอดทนของพระเจ้าทรงความแข็งแกร่งกว่าความมืดและการคดโกง และนี่แหละ คือสาระสำคัญของคริสต์มาสในคืนนี้

“การบังเกิดมาของพระคริสตเจ้า ได้ยกหนทางที่เราไตร่ตรองถึงความอ่อนโยนของพระเจ้าผู้ทรงมองมาที่เราด้วยสายตาแห่งความรักอย่างเต็มเปี่ยม พระเจ้าทรงน้อมรับความยากจน พระเจ้าทรงตกหลุมรักกับความต่ำต้อยที่สุดของเรา

“แล้วทีนี้ เราจะต้อนรับความอ่อนโยนของพระเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ ขอให้เราทำให้มากกว่าการแสวงหาพระเจ้า นั่นคือ เราควรจะถามตัวเองว่า เรายอมให้พระเจ้าพบเราไหม และเรายอมให้พระองค์รักเราไหม

“เรามีความกล้าที่จะต้อนรับความยากลำบากและปัญหาต่างๆที่อยู่ใกล้เรา ด้วยความสุภาพอ่อนโยนหรือไม่ หรือว่า เราชอบหาทางออกด้วยวิธีเย็นชา บางทีมันก็อาจมีประสิทธิภาพนะ แต่มันก็ไร้ซึ่งความอบอุ่นของพระวรสารไปเหมือนกัน ทุกวันนี้ โลกเราต้องการความอ่อนโยนมากขนาดไหน ลองคิดดูนะ

“ดังนั้น ในคืนนี้ พ่อขอเชิญชวนเราทุกคนสวดภาวนาเพื่อพระหรรษทานแห่งความอ่อนโยนในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชีวิต และขอให้เราใกล้ชิดกับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้วย

“พ่อขอกลับไปที่บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์อีกครั้ง ที่ระบุว่า ‘ประชากรที่เดินอยู่ในความมืด จะได้เห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่’ พ่อขอย้ำว่า แสงสว่างอันยิ่งใหญ่นี้ คนที่หยิ่งยะโสและทะนงตน คนที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติแบบตามใจตัวเอง และคนที่ปิดตัวจากทุกคน จะไม่มีวันได้เห็นเด็ดขาด แสงสว่างอันยิ่งใหญ่นี้ คนที่ได้เห็นจะเป็นคนที่เปิดใจต้อนรับพระเจ้าเท่านั้น

“สุดท้าย ขอให้เราสวดภาวนาขอต่อแม่พระ ผู้เป็นมารดาของเรา ขอให้เราสวดเพื่อให้แม่พระช่วยแสดงให้เราเห็นถึงพระเยซูด้วย!” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

ทั้งนี้ ช่วงเย็นของวันเดียวกันนี้ พระสันตะปาปาทรงโทรศัพท์ไปที่ค่ายผู้ลี้ภัย เมืองเคิร์ด ประเทศอิรัก เพื่อร่วมอวยพรและให้กำลังใจคาทอลิกอิรักทุกคนด้วย

ประมวลภาพ: มิสซาสมโภชพระคริสตสมภพ (เที่ยงคืน)

Read More: Vatican Insider

Comments