โป๊ปฟรังซิส: “คาทอลิกต้องมีใจหนักแน่นในความเชื่อ อย่าเป็นนักฉวยโอกาสจากสถานการณ์ตรงหน้า”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เราต้องเป็นคาทอลิกหัวใจหนักแน่นในความเชื่อ ซึ่งตั้งมั่นอยู่บนศิลาซึ่งก็คือพระคริสตเจ้า ทรงย้ำ อย่าเป็นเหมือนสมณะที่หัวใจเฉยชาและเป็นนักฉวยโอกาสจากสถานการณ์ตรงหน้า ทรงรำลึกถึง “โป๊ป ปีโอ ที่ 12” ที่เคยถูกกล่าวหาเป็นพวกนอกรีต เพราะทรงผ่อนปรนกฎห้ามดื่มน้ำก่อนรับศีลมหาสนิท ตอนท้าย ทรงสารภาพ เคยคิดอยากให้พระเจ้าโยนเปลือกกล้วยให้ตกพื้นต่อหน้าพวกคริสตชนที่ไม่ยืดหยุ่นให้กับผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เมื่อคนพวกนี้ลื่นล้ม อาจจะสำนึกถึงพระเจ้าและได้สัมผัสกับพระองค์


ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ บรรดาหัวหน้าสมณะถามพระเยซูว่า “ท่านมีอำนาจใด จึงทำเช่นนี้” พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า “พวกเขาคิดว่าพิธีล้างของจอห์นมาจากไหน” แต่บรรดาหัวหน้าสมณะตอบไม่ได้ พระเยซูจึงตรัสตอบไปว่า “เราก็ไม่บอกเช่นกันว่า เราทำการนี้โดยอำนาจใด”

พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “นี่คือความต้องการที่แสดงออกถึงหัวใจที่เฉยชาของคนเหล่านี้(บรรดาหัวหน้าสมณะ) คนพวกนี้ไม่สนใจสัจธรรมความจริง พวกเขาแสวงหาแต่ความต้องการของตนเองและไปตามสายลม กล่าวคือ พวกเขาจะพูดว่า ท่านควรไปทางนั้น ท่านควรไปทางนี้ คนพวกนี้คือกังหันลม คนพวกนี้ไร้ความเสมอต้นเสมอปลาย หัวใจของเขาไร้ความคงเส้นคงวา ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงต่อรองทุกอย่าง พวกเขาต่อรองเสรีภาพในจิตใจ ต่อรองความเชื่อ ต่อรองการปกครองของตน ต่อรองทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่เป็นอยู่ คนพวกนี้เป็นพวกนักฉวยโอกาส พวกเขาหาประโยชน์จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

“ตอนนี้ พวกท่านบางคนอาจถามพ่อว่า ‘พระสันตะปาปา คนพวกนี้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัตินะ วันเสาร์(วันสะบาโต) พวกเขาไม่ไปไหนมาไหนเกินกว่า 100 เมตร หรือหลายๆ ครั้งที่พวกเขาสามารถไปได้ พวกเขาก็ไม่ไป พวกเขาไม่นั่งลงเพื่อกินอาหารโดยไม่ล้างมือและชะล้างตัวให้บริสุทธิ์ พวกเขาเป็นคนที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัด’ ใช่! มันเป็นความจริง แต่เป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น พวกเขาดูหนักแน่น แต่ก็ภายนอก พวกเขาอยู่ในการแสดง หัวใจของพวกเขาอ่อนแอ พวกเขาไม่รู้ว่าตนเองเชื่อสิ่งใด เพราะชีวิตของพวกเขา ชีวิตภายนอกของพวกเขาถูกคุมด้วยกฎ แต่หัวใจไม่ใช่อย่างนั้น หัวใจพวกเขาอ่อนแอและผิวหนังของพวกเขาก็แปะพลาสเตอร์ปกปิดไว้

“ในทางกลับกัน พระเยซูทรงสอนเราว่า คริสตชนควรมีจิตใจเข้มแข็ง มีใจหนักแน่น มีหัวใจที่สร้างอยู่บนหินซึ่งก็คือพระคริสตเจ้า จากนั้น หนทางที่จะก้าวออกไป มันจะก้าวออกไปด้วยความสุขุมรอบคอบ ด้วยเหตุนี้ ทางที่ก้าวออกไป หัวใจจะไม่วอกแวก เพราะหินนั้นหนักแน่น ไม่สามารถต่อรองได้ หิน(ศิลา)นี้คือพระคริสตเจ้านั่นเอง

“นี่คือเรื่องดราม่าแห่งความเจ้าเล่ห์ของคนพวกนี้ พระเยซูไม่เคยต่อรองหัวใจของการเป็นพระบุตรของพระบิดา แต่พระเยซูทรงเปิดหัวใจนี้ให้ทุกคน พระองค์ทรงแสวงหาหนทางที่จะช่วยพวกเขา แต่สิ่งนี้ไม่สามารถทำให้สำเร็จไปได้ เพราะพวกฟาริสีถามพระเยซูว่า ‘ทำไมบรรดาศิษย์ของท่านเด็ดรวงข้าวมากินในวันสะบาโต ขณะที่เดินทาง’ คนพวกนี้บอกว่าสิ่งนี้ทำไม่ได้! พวกเขาไม่ยืดหยุ่นไม่ผ่อนปรนกับกฎเกณฑ์เลย

“ตอนที่พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 ทรงผ่อนปรนเรื่องการห้ามดื่มน้ำ ก่อนจะรับศีลมหาสนิท มันเป็นเหมือนการช่วยเราออกจากกางเขนที่หนักมากๆ พวกเราบางคนอาจยังจำกันได้ว่า เราไม่สามารถดื่มน้ำได้เลย และถ้าจะแปรงฟัน มันต้องแปรงในแบบที่เราไม่ได้กลืนน้ำลงไปด้วย ... เมื่อพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 เปลี่ยนกฎนี้ มีคนพูดว่า ‘โอ ... นอกรีตชัดๆ’ พวกฟาริสีหลายจึงเหมือนถูกลบหลู่ เพราะพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 ทรงทำเหมือนพระเยซูนั่นไง พระองค์ทรงเห็นถึงความจำเป็นของประชาชน

“นี่คือเรื่องดราม่าของคนพวกนี้ และพระเยซูทรงประณามการเสแสร้งและการแสวงหาโอกาสของพวกเขา แม้ในชีวิตของเราก็สามารถเป็นแบบนี้ได้เช่นกัน บางครั้ง พ่อขอสารภาพกับพวกท่านเลยละกันว่า เมื่อพ่อได้เห็นคริสตชนประเภทนี้ คริสตชนที่มีหัวใจอ่อนแอ ไม่หนักแน่น ไม่ตั้งมั่นอยู่บนศิลาซึ่งก็คือพระเยซู แต่เป็นหัวใจที่เปี่ยมด้วยความไม่ยืดหยุ่นไม่ผ่อนปรนจากลักษณะภายนอก พ่อจึงวอนขอพระเจ้าว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า โปรดโยนเปลือกกล้วยให้ตกที่พื้นต่อหน้าพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้ลื่นล้มและรู้สึกอับอายว่าตนเป็นคนบาป และจะได้สัมผัสกับพระองค์ รวมถึงตระหนักว่า พระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอด หลายครั้ง บาปจะทำให้เราอับอายและทำให้เราได้พบกับพระเจ้าผู้ทรงให้อภัยเรา เสมอกับคนไข้ที่ไปหาคุณหมอเพื่อรับการรักษา” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments