โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนที่ไม่รู้จักให้อภัย เขาก็ทำเรื่องเสื่อมเสีย”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนที่ไม่รู้จักการให้อภัย เขาก็ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสีย และเขาก็ไม่ใช่คริสตชน ทรงชี้ คริสตชนต้องรู้จักให้อภัย แล้วเราจะได้รับการอภัยจากพระบิดา ทรงชี้ ตรรกะแบบมนุษย์ทำให้เราหาทางแก้แค้น ทรงสอน ความเสื่อมเสียของคนเป็นคริสตชน ก็คือ การประกาศว่าตัวเองเป็นคริสตชน แต่ดำเนินชีวิตเป็นคนนอกรีต



ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ พระเยซูทรงสอนบรรดาอัครสาวกว่า “วิบัติจงเกิดกับผู้ที่เป็นเหตุให้บาปเกิดขึ้น ถ้าจะเอาหินโม่แขวนคอเขาและโยนเขาลงทะเล จะเป็นการดีกว่าปล่อยให้เขาเป็นเหตุชักนำคนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงคนเดียวให้ทำบาป”

พระสันตะปาปา ทรงเทศน์สอนแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พ่อขอให้ข้อคิด 3 ประการจากพระวรสารวันนี้ นั่นคือ ความเสื่อมเสีย การให้อภัย และความเชื่อ

“พระคริสตเจ้าตรัสว่า ‘วิบัติแก่ผู้ที่ทำเรื่องเสือมเสีย’ ขณะที่เนื้อหาจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงติตัส ท่านนักบุญให้แนวทางล้ำค่าถึงวิธีการที่พระสงฆ์ควรจะประพฤติปฏิบัติตนในชีวิตของเขา นั่นคือ เขาต้องไม่ใช้ความรุนแรง ต้องเป็นคนไม่เจ้าอารมณ์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ต้องเป็นคนไร้ตำหนิ และอยู่ตรงข้ามกับความเสื่อมเสีย

“ในกรณีของคริสตชนทุกคน ความเสื่อมเสียคือการประกาศและยืนยันถึงวิถีของชีวิตว่า ‘ฉันเป็นคริสตชน’ แต่หลังจากนั้นกลับดำเนินชีวิตเหมือนคนนอกรีตซึ่งไม่เชื่อสิ่งใดทั้งนั้น สิ่งนี้ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เพราะมันไม่มีการเป็นประจักษ์พยาน ส่วนความเชื่อนั้น คือการยืนยันผ่านทางแนวทางที่ท่านดำเนินชีวิตของท่านเอง

“ส่วนคริสตชนชายหรือหญิงที่ไปวัด และเป็นส่วนหนึ่งของเขตวัด แต่ไม่ดำเนินชีวิตบนหนทางนี้(ของพระเจ้า) พวกเขาก็ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสีย บ่อยครั้งแค่ไหนที่เราได้ยินผู้คนพูดว่า ‘ฉันไม่ไปวัด เพราะมันเป็นการดีซะกว่าที่จะซื่อสัตย์อยู่ที่บ้านและไม่ไปวัดเหมือนกับชายหรือหญิงพวกนั้นที่ทำเรื่องแบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้’ ความอัปยศเสื่อมเสียทำลายทุกอย่าง มันทำลายความเชื่อ! และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพระเยซูถึงทรงแข็งกร้าวว่า ‘จงระวัง! จงเตรียมพร้อม!’ มันจะเป็นการดีกับเราที่จะกล่าวซ้ำๆในวันนี้ว่า ‘จงเฝ้าระวังอยู่เสมอ!’ เพราะเราทุกคนสามารถทำเรื่องเสื่อมเสียได้ตลอด

“แทนที่จะทำเรื่องเสื่อมเสีย พวกเราคริสตชนทุกคนควรรู้ถึงวิธีที่จะให้อภัย และต้องให้อภัยไปตลอดเหมือนที่พระเยซูทรงเชิญเรา ‘ให้อภัยวันละ 7 ครั้ง’ ถ้ามีคนทำผิดกับเราและมาขอโทษเราให้ยกโทษให้เขา พระเยซูทรงพูดขยายความเพื่อทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของการให้อภัย เพราะคริสตชนที่ไม่สามารถให้อภัย ก็ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสีย เขาคนนั้นไม่ใช่คริสตชนแล้ว

“พวกเราต้องให้อภัย เพราะพวกเราก็ได้รับการอภัย สิ่งนี้อยู่ในบทข้าแต่พระบิดา พระเยซูทรงสอนเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตรรกะตามประสามนุษย์ไร้ความสามารถในการเข้าใจเรื่องพวกนี้ ตรรกะแบบมนุษย์ชักนำเราไม่ให้อภัยคนอื่น มันชักจูงเราให้แก้แค้น มันนำเราให้เกลียดชังและเกิดความแตกแยก

“กี่ครั้งแล้วที่ครอบครัวมากมายต้องพังทลายลง เพราะไม่สามารถให้อภัยกัน มีกี่ครอบครัวแล้วที่เป็นแบบนี้! ลูกๆต้องแยกจากพ่อแม่ สามีและภรรยาต้องห่างกันไปเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องสำคัญมากนะที่จะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ถ้าเราไม่ให้อภัย เราก็จะไม่ได้รับการอภัย และเราจะไม่เข้าใจเลยการที่พระเจ้าให้อภัยเรานั้นมันมีความหมายอย่างไร นี่คือสิ่งที่สอง(ที่พ่ออยากแบ่งปัน) นั่นคือ การให้อภัย

“ดังนั้น เราเข้าใจกันแล้วนะว่า ทำไมเมื่อบรรดาสาวกได้ยินคำสอนเรื่องการให้อภัย พวกเขาจึงทูลพระเยซูว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราด้วย’

“ถ้าปราศจากความเชื่อ พวกท่านก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียและการให้อภัยอยู่ตลอดเวลา มีแต่แสงแห่งความเชื่อ ความเชื่อที่เราได้รับ กล่าวคือ ความเชื่อของพระบิดาผู้ทรงเมตตา พระบุตรผู้ประทานชีวิตเพื่อเรา พระจิตที่ประทับอยู่ในเราและช่วยเราเจริญเติบโตด้วยความเชื่อในพระศาสนจักร ความเชื่อในการเป็นประชากรของพระเจ้า และนี่คือของขวัญ ความเชื่อคือของขวัญ ไม่มีใครที่อ่านหนังสือหรือไปงานสัมมนา จะสามารถมีความเชื่อ เพราะความเชื่อคือของขวัญจากพระเจ้าที่มาสู่เรา และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมบรรดาอัครสาวกจึงทูลพระเยซูว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราด้วย’” พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments