โป๊ปฟรังซิส: "อย่าเป็นคริสตชนที่ภายนอกดูดีด้วยเครื่องสำอาง แต่ภายในเละสุดๆ"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่าเป็นคริสตชนที่ภายนอกดูดีด้วยเครื่องสำอาง แต่ภายในเละเทะแบบสุดๆ ทรงย้ำ เวลาทำบุญ ไม่ต้องอวดตัวด้วยการเรียกนักข่าวและช่างภาพมาทำข่าว แต่จงทำเงียบๆ เหมือนหญิงม่ายซึ่งทำบุญแบบหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็ให้ทั้งหมดที่ตัวเองมีแด่พระเจ้า
![](//3.bp.blogspot.com/-veX7JrN6_Eg/Um53dm6oHNI/AAAAAAAAIXs/CSOiY90gurY/s1600/Oct%2B27%2C%2B2013%2B-%2BMass%2Bfor%2BWorld%2BFamily%2BDay_3.jpg)
ช่วงเช้าวันอังคารที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูเสด็จไปเสวยอาหารที่บ้านฟาริสี แต่พระองค์ไม่ได้ล้างมือตามธรรมเนียม ฟาริสีจึงประหลาดใจ พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ในจิตใจท่านไม่ได้ล้างเลย มันเต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย" (ลูกา 11:37-41)
พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "พระเยซูทรงประณามจิตใจแบบเครื่องสำอางที่พยายามแต่งให้ตัวเองดูดีและสวยงาม แต่ความเป็นจริงแล้ว ภายในมันไม่เป็นแบบนั้น พระเยซูทรงประณามคนที่ดูกิริยาท่าทางดี แต่นิสัยแย่ นิสัยพวกนี้ไม่ถูกเผยให้คนเห็น แต่คนๆนั้นทำมันแบบลับๆ คนพวกนี้ชอบเดินไปตามถนน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองสวดภาวนา และเพื่อทำให้ตนเองดูอ่อนแรงเมื่ออดอาหาร ของแบบนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าอย่างงั้นหรือ? พวกท่านก็เห็นแล้วว่า มันมีคำคุณศัพท์ 2 คำที่พระเยซูต่อว่าพวกเขา นั่นคือ โลภและชั่วร้าย
"พระเยซูทรงเรียกฟาริสีว่าเป็นพวกหลุมศพสีขาว ดังที่เราเห็นจากพระวรสารของนักบุญแม็ทธิว พระเยซูทรงเน้นว่าทัศนคติของพวกฟาริสีเป็นเหมือนขยะและสิ่งที่รอวันเน่าเปื่อย ในประเพณีตามพระคัมภีร์ ทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ การทำทานคือเกณฑ์การวัดและเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศของความยุติธรรม พระเยซูจึงทรงเชิญชวนพวกเขาทำทานด้วยสิ่งที่อยู่ในจิตใจ (ความดี) แทนที่จะทำทานด้วยเงินอย่างเดียว
"นี่คือการเผยแสดงความเชื่อซึ่งได้รับการลงมือทำด้วยความรัก นี่คือสิ่งที่พระเยซูตรัสกับฟาริสี นั่นคือ ความเชื่อไม่ใช่แค่สวดบทยืนยันความเชื่อ ไม่ใช่แค่สวดว่า พวกเราเชื่อในพระบิดา พระบุตร และพระจิต และชีวิตนิรันดร นี่คือความเชื่อแบบหยุดนิ่งกับที่ ไม่มีการพัฒนาใดๆ สิ่งที่พระเยซูทรงเผยแสดงคืองานหนักที่มาจากความเชื่อ หรือจะพูดว่า ความเชื่อที่มาจากการทำงานด้วยความรักความเมตตา นี่คือความเชื่อที่กลับไปหาการทำบุญให้ทาน การทำบุญให้ทานเป็นความรู้สึกกว้างๆ หากจะพูดถึงมันก็ประมาณว่า มันคือการปลดปล่อยตัวเองออกจากการเป็นผู้ครอบครองเงิน ปลดปล่อยเราจากการบูชาเงินตรา เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องการให้เราถอยห่างจากพระเยซู
"พ่ออยากแบ่งปันสิ่งหนึ่งให้พวกท่านฟัง มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ คุณพ่ออาร์รุปเป้ อดีตมหาอธิการเยสุอิตช่วงทศวรรษที่ 60-80 มีอยู่วันหนึ่ง สตรีผู้ร่ำรวยท่านหนึ่งได้เชิญคุณพ่ออาร์รุปเป้ ไปพบ และมอบเงินบริจาคเพื่อพันธกิจของเยสุอิตในประเทศญี่ปุ่น เธอส่งมอบเงินนี้ให้คุณพ่อ ต่อหน้าบรรดานักข่าวและช่างภาพจำนวนมาก คุณพ่ออาร์รุปเป้บอกว่า วันนั้น ท่านเป็นทุกข์สุดๆ จากความอัปยศครั้งนี้ แต่ท่านก็ต้องรับเงินนี้ไว้เพื่อช่วยคนยากไร้ในญี่ปุ่น แต่เมื่อท่านเปิดซองจดหมายออกมา มันมีเงินอยู่ในนั้น 10 ดอลล่าร์ (ประมาณ 300 บาท) ดังนั้น ให้เราถามตัวเองซิว่า ชีวิตของเราเป็นชีวิตคริสตชนที่ถูกโปะด้วยเครื่องสำอางหรือไม่ ชีวิตคริสตชนของเราถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับหรือเปล่า
"พระเยซูทรงแนะนำเราแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่าเป่าแตรเวลาทำบุญ และอย่าทำบุญแค่เศษเงินจากความสำเร็จของท่าน แต่จงเป็นเหมือนหญิงม่ายที่ทำบุญด้วยเงินที่ต้องใช้ประทังชีวิต พระเยซูทรงสรรเสริญหญิงคนนี้ เธอทำบุญแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเธออับอายที่ไม่สามารถทำบุญได้ด้วยเงินที่มากกว่าที่มีอยู่" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
Read More: Vatican Radio
![](http://3.bp.blogspot.com/-veX7JrN6_Eg/Um53dm6oHNI/AAAAAAAAIXs/CSOiY90gurY/s1600/Oct%2B27%2C%2B2013%2B-%2BMass%2Bfor%2BWorld%2BFamily%2BDay_3.jpg)
ช่วงเช้าวันอังคารที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูเสด็จไปเสวยอาหารที่บ้านฟาริสี แต่พระองค์ไม่ได้ล้างมือตามธรรมเนียม ฟาริสีจึงประหลาดใจ พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ในจิตใจท่านไม่ได้ล้างเลย มันเต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย" (ลูกา 11:37-41)
พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "พระเยซูทรงประณามจิตใจแบบเครื่องสำอางที่พยายามแต่งให้ตัวเองดูดีและสวยงาม แต่ความเป็นจริงแล้ว ภายในมันไม่เป็นแบบนั้น พระเยซูทรงประณามคนที่ดูกิริยาท่าทางดี แต่นิสัยแย่ นิสัยพวกนี้ไม่ถูกเผยให้คนเห็น แต่คนๆนั้นทำมันแบบลับๆ คนพวกนี้ชอบเดินไปตามถนน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองสวดภาวนา และเพื่อทำให้ตนเองดูอ่อนแรงเมื่ออดอาหาร ของแบบนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าอย่างงั้นหรือ? พวกท่านก็เห็นแล้วว่า มันมีคำคุณศัพท์ 2 คำที่พระเยซูต่อว่าพวกเขา นั่นคือ โลภและชั่วร้าย
"พระเยซูทรงเรียกฟาริสีว่าเป็นพวกหลุมศพสีขาว ดังที่เราเห็นจากพระวรสารของนักบุญแม็ทธิว พระเยซูทรงเน้นว่าทัศนคติของพวกฟาริสีเป็นเหมือนขยะและสิ่งที่รอวันเน่าเปื่อย ในประเพณีตามพระคัมภีร์ ทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ การทำทานคือเกณฑ์การวัดและเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศของความยุติธรรม พระเยซูจึงทรงเชิญชวนพวกเขาทำทานด้วยสิ่งที่อยู่ในจิตใจ (ความดี) แทนที่จะทำทานด้วยเงินอย่างเดียว
"นี่คือการเผยแสดงความเชื่อซึ่งได้รับการลงมือทำด้วยความรัก นี่คือสิ่งที่พระเยซูตรัสกับฟาริสี นั่นคือ ความเชื่อไม่ใช่แค่สวดบทยืนยันความเชื่อ ไม่ใช่แค่สวดว่า พวกเราเชื่อในพระบิดา พระบุตร และพระจิต และชีวิตนิรันดร นี่คือความเชื่อแบบหยุดนิ่งกับที่ ไม่มีการพัฒนาใดๆ สิ่งที่พระเยซูทรงเผยแสดงคืองานหนักที่มาจากความเชื่อ หรือจะพูดว่า ความเชื่อที่มาจากการทำงานด้วยความรักความเมตตา นี่คือความเชื่อที่กลับไปหาการทำบุญให้ทาน การทำบุญให้ทานเป็นความรู้สึกกว้างๆ หากจะพูดถึงมันก็ประมาณว่า มันคือการปลดปล่อยตัวเองออกจากการเป็นผู้ครอบครองเงิน ปลดปล่อยเราจากการบูชาเงินตรา เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องการให้เราถอยห่างจากพระเยซู
"พ่ออยากแบ่งปันสิ่งหนึ่งให้พวกท่านฟัง มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ คุณพ่ออาร์รุปเป้ อดีตมหาอธิการเยสุอิตช่วงทศวรรษที่ 60-80 มีอยู่วันหนึ่ง สตรีผู้ร่ำรวยท่านหนึ่งได้เชิญคุณพ่ออาร์รุปเป้ ไปพบ และมอบเงินบริจาคเพื่อพันธกิจของเยสุอิตในประเทศญี่ปุ่น เธอส่งมอบเงินนี้ให้คุณพ่อ ต่อหน้าบรรดานักข่าวและช่างภาพจำนวนมาก คุณพ่ออาร์รุปเป้บอกว่า วันนั้น ท่านเป็นทุกข์สุดๆ จากความอัปยศครั้งนี้ แต่ท่านก็ต้องรับเงินนี้ไว้เพื่อช่วยคนยากไร้ในญี่ปุ่น แต่เมื่อท่านเปิดซองจดหมายออกมา มันมีเงินอยู่ในนั้น 10 ดอลล่าร์ (ประมาณ 300 บาท) ดังนั้น ให้เราถามตัวเองซิว่า ชีวิตของเราเป็นชีวิตคริสตชนที่ถูกโปะด้วยเครื่องสำอางหรือไม่ ชีวิตคริสตชนของเราถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับหรือเปล่า
"พระเยซูทรงแนะนำเราแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่าเป่าแตรเวลาทำบุญ และอย่าทำบุญแค่เศษเงินจากความสำเร็จของท่าน แต่จงเป็นเหมือนหญิงม่ายที่ทำบุญด้วยเงินที่ต้องใช้ประทังชีวิต พระเยซูทรงสรรเสริญหญิงคนนี้ เธอทำบุญแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเธออับอายที่ไม่สามารถทำบุญได้ด้วยเงินที่มากกว่าที่มีอยู่" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment