โป๊ปฟรังซิส: “การแต่งงานแบบคาทอลิกคือการอยู่ด้วยกันจนตาย ไม่ใช่เลิกเมื่อไหร่ก็ได้”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ แนวคิดที่ว่าแต่งงานแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็เลิกกันก็ซิ เป็นความคิดที่ขัดกับวิถีการแต่งงานของคริสตชนแบบสุดๆ การแต่งงานตามแบบคาทอลิกคือการอยู่ด้วยกันแบบนิรันดร์ ไม่ใช่วัฒนธรรมทิ้งๆขว้างๆที่อยู่ไม่ได้ ก็เลิกกันไป ทรงชี้ ปฏิรูปจิตใจตนเองให้ศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุด ดีกว่าจะไปปฏิรูปโรมันคูเรียและธนาคารวาติกันด้วยซ้ำ




ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับกลุ่มเชินชตัดต์ (Schöenstatt – อ่านว่า เชิน-ชะ-ตัดต์) กว่า 7,000 คนที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน เชินชตัดต์เป็นกลุ่มคาทอลิกจากเยอรมนี ซึ่งมีความศรัทธาอย่างร้อนรนต่อแม่พระ ทั้งนี้ เชินชตัดต์ ก่อตั้งในค.ศ.1914 และปีนี้ ครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้ง โดยชื่อของกลุ่มนี้ มีความหมายว่า “สถานที่สวยงาม”

สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับสมาชิกกลุ่มเชินชตัดต์ พระองค์ทรงให้พวกเขาถามคำถาม แล้วพระองค์ทรงตอบแบบสดๆ จากใจ

คำถามแรก มีว่า “พระสันตะปาปามีคำแนะนำอะไรบ้างไหมที่จะมอบให้กับผู้ที่รู้สึกว่า พระศาสนจักรไม่ต้อนรับตัวเขาเอง”

พระสันตะปาปา ตรัสตอบพวกเขาว่า “พ่อคิดว่า มันมีความจำเป็นมากๆ ที่เราต้องมีพระสงฆ์ที่คอยอยู่ใกล้ๆ ฝูงแกะ อยู่ใกล้แบบตัวต่อตัวก็ว่าได้ มันเป็นการอยู่กับฝูงแกะโดยปราศจากการทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียภายในครอบครัวของสัตบุรุษ”

คำถามที่สอง “พระสันตะปาปามีแนวคิดอย่างไรกับการที่พ่อแม่แยกทางกัน แล้วพ่อหรือแม่หาเวลามาอยู่กับลูกแบบบางวัน พระองค์คิดว่ามันเป็นการดีไหม”

พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า “บ่อยครั้งที่พ่อแม่แยกทางกัน แล้วจะเกิดกรณีที่ว่า พ่อหรือแม่จะมาอยู่กับลูกแค่ชั่วครั้งชั่วคราว หลายคนมองว่าดี แต่พ่อคิดว่า มันเป็นการทำลายครอบครัวในรูปแบบใหม่มากกว่านะ ยุคนี้ ครอบครัวคริสตชนและการแต่งงานตามแบบคริสตชนถูกทำร้ายมากที่สุด มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ทุกอย่างเกิดเพราะการเติบโตของแนวคิดที่เชื่อว่า ถ้าแต่งงานแล้ว อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็เลิกกันซิ แนวคิดนี้ได้ทำลายศีลสมรสและการแต่งงานสร้างครอบครัวอย่างสิ้นเชิง บ่อยครั้ง หลายคนเข้าใจผิดอย่างแรงเกี่ยวกับการแต่งงานตามแบบคาทอลิกกับการแต่งงานตามกฎหมาย การรับศีลสมรสเป็นสิ่งที่อยู่ชั่วนิรันดร์ แต่ในสังคมยุคนี้ มันกลายเป็นวัฒนธรรมทิ้งๆ ขว้างๆ หลายคนคิดแค่ว่า อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็เลิกกันก็ได้ นี่เป็นความคิดที่ขัดกับวิถีคริสตชนอย่างสุดๆ”

คำถามที่สาม “พระสันตะปาปาทรงมีคำแนะนำให้พวกเราบ้างไหมเกี่ยวกับบทบาทของแม่พระในการเป็นธรรมทูตประกาศพระวรสาร”

พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า “ไม่มีใครสามารถแสวงหาความเชื่อได้ถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากแม่พระ ผู้เป็นพระมารดาของพระเจ้า พระศาสนจักรที่ไม่มีแม่พระก็เป็นเหมือนเด็กกำพร้านั่นแหละ”

คำถามที่สี่ “พระสันตะปาปามีวิธีบริหารจัดการความรู้สึกชื่นชมยินดีและความหวังอย่างไร ในเมื่อโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยปัญหาและสงคราม”

พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า “พ่อใช้การสวดภาวนา การวางใจในพระเจ้า และการมีความกล้าในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ความกล้าคือพระหรรษทาน การภาวนาที่ปราศจากความกล้า พ่อคิดว่ามันไม่เวิร์คเท่าไหร่นะ”

คำถามที่ห้า “พระองค์จะแบ่งปันเรื่องการปฏิรูปพระศาสนจักรให้พวกเราทราบบ้างได้ไหม”

พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า “พ่อได้ยินหลายคนพูดว่า พ่อเป็นนักปฏิรูป แต่ในความเป็นจริงแล้ว พระศาสนจักรได้อยู่บนหนทางของการปฏิรูปตัวเองอยู่เสมอ การปฏิรูปอย่างแรกหรือวิธีการฟื้นฟูพระศาสนจักร ก็คือ การฟื้นฟูความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเรา มันสำคัญกว่าการปฏิรูปโรมันคูเรียและธนาคารวาติกันอีกนะ”

คำถามสุดท้าย “พวกเราได้ยินพระสันตะปาปาพูดสอนเกี่ยวกับปีศาจหลายครั้ง พระองค์คิดว่าสิ่งแรกที่ปีศาจจะทำร้ายคริสตชนคืออะไร”

พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า “ปีศาจมีอยู่จริง พ่อขอย้ำนะว่า มันมีจริงๆ สิ่งแรกที่มันจะทำลายเราคือมันจะสร้างความแตกแยกในกลุ่มคริสตชนนี่แหละ มันจะล่อลวงให้เรานินทากัน อิจฉากัน พ่อย้ำไปหลายครั้งแล้วว่า เราต้องระวัง เพราะทุกอย่างที่เกิดจากความอิจฉาและการนินทา จะจบลงด้วยความแตกแยกในกลุ่มของเรา”




Comments