โป๊ปฟรังซิส: "จงสวดเพื่อสรรเสริญพระเจ้าด้วย ไม่ใช่เอาแต่สวดขออย่างเดียว"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เวลาสวดขอพระเจ้า อย่าสวดเพื่อวอนขออย่างเดียว แต่จงรู้จักสวดเพื่อสรรเสริญพระองค์ เพราะการสวดเพื่อสรรเสริญเป็นสิ่งที่เรามักจะมองข้ามไป เรามักจะสนใจแต่สวดขอพระและสวดขอบคุณที่พระเจ้าประทานตามที่เราขอเท่านั้น ทรงย้ำ คริสตชนคือคนที่พระเจ้าเลือกไว้ในใจแล้วก่อนที่พระองค์จะสร้างโลก ถ้าเราไม่เชื่อเรื่องนี้ เราก็ไม่ใช่คริสตชน
ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำพิธีนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส นักบุญเปาโลระบุว่า พระเจ้าทรงเลือกสรรพวกเราในพระคริสตเจ้าแล้วตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก ดังนั้น เราต้องรู้จักสรรเสริญพระเจ้าอยู่เสมอ ไม่ใช่เอาแต่สวดขออย่างเดียว
พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "พวกเรารู้ดีถึงวิธีที่จะสวดภาวนาในยามที่เราต้องการจะวอนขอสิ่งต่างๆจากพระเจ้า เช่นเดียวกัน เรารู้วิธีภาวนาเมื่อเราต้องการจะขอบคุณพระเจ้า แต่คำภาวนาที่สรรเสริญพระเจ้าเป็นสิ่งที่ยากขึ้นสักนิดสำหรับเรา กล่าวคือ พวกเราไม่คุ้นเคยกับการสรรเสริญพระเจ้า พวกเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยดีโดยการตระหนักถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้เราในชีวิต นั่นคือ 'ในพระคริสตเจ้า พระองค์ทรงเลือกเราตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก' เป็นบุญของเรา เพราะพระเจ้าทรงเลือกเรา มันจึงเป็นความชื่นชมยินดีของผู้เป็นพ่อและเป็นความใกล้ชิดที่อ่อนโยน
"คำภาวนาแห่งการสรรเสริญนำเราความชื่นชมยินดีมาสู่ตัวเรา นี่คือความชื่นชมยินดีที่เป็นความสุขต่อหน้าพระเจ้า ขอให้เรามีความพยายามอย่างจริงจังที่จะแสวงหาสิ่งนี้! อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของการทำสิ่งนี้คือการจดจำว่า พระเจ้าทรงเลือกเราก่อนที่พระองค์จะเนรมิตสร้างโลก
"นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่จะเข้าใจหรือแม้แต่จะจินตนาการว่า ในความเป็นจริงแล้ว พระเจ้าทรงรู้จักเราก่อนจะสร้างโลก มันเหลือเชื่อมากว่าชื่อของเราได้อยู่ในใจของพระเจ้าไปแล้ว แต่นี่คือความจริง! นี่คือการเผยแสดง! ถ้าเราไม่เชื่อเรื่องนี้ เราก็ไม่ใช่คริสตชน! เราอาจจะได้รับพิธีล้างตามศาสนา แต่ไม่ใช่ของศาสนาคริสต์! คริสตชนคือคนที่ถูกเลือกแล้ว คริสตชนคือคนที่ถูกเลือกไว้ในใจของพระเจ้าก่อนที่พระองค์จะสร้างโลก ความคิดนี้ยังได้เติมเต็มหัวใจเราด้วยความชื่นชมยินดีว่า เราถูกเลือก! มันสร้างความมั่นใจให้กับเรา
"ชื่อของเราอยู่ในหัวใจของพระเจ้า ชื่อของเราอยู่ในไส้ของพระองค์ เหมือนกับทารกที่อยู่ในร่างกายของมารดา ความชื่นชมยินดีของเราจึงปรากฏอยู่ในการที่เราได้รับเลือกจากพระเจ้า พวกเราจะไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ได้ด้วยสมองอย่างเดียว และเราก็ไม่สามารถเข้าใจด้วยหัวใจเช่นกัน การจะเข้าใจเรื่องนี้ เราต้องเข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระเยซูคริสต์ ธรรมล้ำลึกของพระบุตรสุดที่รัก 'พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อเรา เพื่อทำให้เรารู้ถึงธรรมล้ำลึกแห่งพระประสงค์ของพระองค์'
"เมื่อถวายพิธีบูชาของพระคุณ เราได้เข้าสู่ธรรมล้ำลึกนี้ เราจะไม่มีวันเข้าใจว่า พระเจ้าทรงชีวิต พระเจ้าอยู่กับเราในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และพระองค์ทรงมอบชีวิตพระองค์เพื่อเรา เราจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ด้วยการเรียนรู้ด้วยทัศนคติของการเข้าสู่ธรรมล้ำลึกในทุกๆวัน คริสตชนคือหญิงและชายที่มีความพยายามที่จะเข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระเจ้า
"ดังนั้น คำภาวนาแห่งการสรรเสริญจึงเป็นสิ่งแรกและสิ่งสำคัญของการภาวนาด้วยความชื่นชมยินดี จากนั้น จึงเป็นคำภาวนาของการระลึกว่า พระเจ้าทรงทำเพื่อเรามากขนาดไหน พระองค์อยู่เคียงข้างเราเยอะขนาดไหน พระองค์ทรงถ่อมตนเองลงมาอยู่กับเรามากเพียงใด มันก็เหมือนกับพ่อที่โน้มตัวลงมาช่วยลูกเวลาฝึกเดินนั่นแหละ ส่วนคำภาวนาสุดท้ายก็คือการขอพระจิต เพื่อที่เราจะได้รับพระหรรษทานที่จะเข้าสู่ธรรมล้ำลึก เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
Read More: Vatican Radio
ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำพิธีนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส นักบุญเปาโลระบุว่า พระเจ้าทรงเลือกสรรพวกเราในพระคริสตเจ้าแล้วตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก ดังนั้น เราต้องรู้จักสรรเสริญพระเจ้าอยู่เสมอ ไม่ใช่เอาแต่สวดขออย่างเดียว
พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "พวกเรารู้ดีถึงวิธีที่จะสวดภาวนาในยามที่เราต้องการจะวอนขอสิ่งต่างๆจากพระเจ้า เช่นเดียวกัน เรารู้วิธีภาวนาเมื่อเราต้องการจะขอบคุณพระเจ้า แต่คำภาวนาที่สรรเสริญพระเจ้าเป็นสิ่งที่ยากขึ้นสักนิดสำหรับเรา กล่าวคือ พวกเราไม่คุ้นเคยกับการสรรเสริญพระเจ้า พวกเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยดีโดยการตระหนักถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้เราในชีวิต นั่นคือ 'ในพระคริสตเจ้า พระองค์ทรงเลือกเราตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก' เป็นบุญของเรา เพราะพระเจ้าทรงเลือกเรา มันจึงเป็นความชื่นชมยินดีของผู้เป็นพ่อและเป็นความใกล้ชิดที่อ่อนโยน
"คำภาวนาแห่งการสรรเสริญนำเราความชื่นชมยินดีมาสู่ตัวเรา นี่คือความชื่นชมยินดีที่เป็นความสุขต่อหน้าพระเจ้า ขอให้เรามีความพยายามอย่างจริงจังที่จะแสวงหาสิ่งนี้! อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของการทำสิ่งนี้คือการจดจำว่า พระเจ้าทรงเลือกเราก่อนที่พระองค์จะเนรมิตสร้างโลก
"นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่จะเข้าใจหรือแม้แต่จะจินตนาการว่า ในความเป็นจริงแล้ว พระเจ้าทรงรู้จักเราก่อนจะสร้างโลก มันเหลือเชื่อมากว่าชื่อของเราได้อยู่ในใจของพระเจ้าไปแล้ว แต่นี่คือความจริง! นี่คือการเผยแสดง! ถ้าเราไม่เชื่อเรื่องนี้ เราก็ไม่ใช่คริสตชน! เราอาจจะได้รับพิธีล้างตามศาสนา แต่ไม่ใช่ของศาสนาคริสต์! คริสตชนคือคนที่ถูกเลือกแล้ว คริสตชนคือคนที่ถูกเลือกไว้ในใจของพระเจ้าก่อนที่พระองค์จะสร้างโลก ความคิดนี้ยังได้เติมเต็มหัวใจเราด้วยความชื่นชมยินดีว่า เราถูกเลือก! มันสร้างความมั่นใจให้กับเรา
"ชื่อของเราอยู่ในหัวใจของพระเจ้า ชื่อของเราอยู่ในไส้ของพระองค์ เหมือนกับทารกที่อยู่ในร่างกายของมารดา ความชื่นชมยินดีของเราจึงปรากฏอยู่ในการที่เราได้รับเลือกจากพระเจ้า พวกเราจะไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ได้ด้วยสมองอย่างเดียว และเราก็ไม่สามารถเข้าใจด้วยหัวใจเช่นกัน การจะเข้าใจเรื่องนี้ เราต้องเข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระเยซูคริสต์ ธรรมล้ำลึกของพระบุตรสุดที่รัก 'พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อเรา เพื่อทำให้เรารู้ถึงธรรมล้ำลึกแห่งพระประสงค์ของพระองค์'
"เมื่อถวายพิธีบูชาของพระคุณ เราได้เข้าสู่ธรรมล้ำลึกนี้ เราจะไม่มีวันเข้าใจว่า พระเจ้าทรงชีวิต พระเจ้าอยู่กับเราในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และพระองค์ทรงมอบชีวิตพระองค์เพื่อเรา เราจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ด้วยการเรียนรู้ด้วยทัศนคติของการเข้าสู่ธรรมล้ำลึกในทุกๆวัน คริสตชนคือหญิงและชายที่มีความพยายามที่จะเข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระเจ้า
"ดังนั้น คำภาวนาแห่งการสรรเสริญจึงเป็นสิ่งแรกและสิ่งสำคัญของการภาวนาด้วยความชื่นชมยินดี จากนั้น จึงเป็นคำภาวนาของการระลึกว่า พระเจ้าทรงทำเพื่อเรามากขนาดไหน พระองค์อยู่เคียงข้างเราเยอะขนาดไหน พระองค์ทรงถ่อมตนเองลงมาอยู่กับเรามากเพียงใด มันก็เหมือนกับพ่อที่โน้มตัวลงมาช่วยลูกเวลาฝึกเดินนั่นแหละ ส่วนคำภาวนาสุดท้ายก็คือการขอพระจิต เพื่อที่เราจะได้รับพระหรรษทานที่จะเข้าสู่ธรรมล้ำลึก เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment